Perfect Superstar - ตอนที่ 556 ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง
ตอนที่ 556 ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง
ลู่เฉินจำได้อย่างแม่นยำว่าเฉินเหวินเฉียงวิจารณ์ว่าโจวอี้เป็นคนยังไง
โจวอี้เป็นนักธุรกิจอย่างแท้จริง
นักธุรกิจตัวจริงจะรู้จักวิธีประเมินสถานการณ์ได้ดีที่สุด เมื่อเขาต้องเลือก มักจะเลือกหนทางที่ตัวเองได้ประโยชน์มากที่สุด หากต้องก้มหัว ก็จะไม่ดื้อดึงดันทุรังต่อไป
นักธุรกิจตัวจริง ไม่สามารถเป็นเพื่อนที่แท้จริงได้
ลู่เฉินไม่นับโจวอี้เป็นเพื่อน แต่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจได้ไม่มีปัญหา ดังนั้นเมื่อทั้งสองปรับความเข้าใจให้อภัยกันแล้ว เขาก็เข้าเรื่องสำคัญ
“ภาพยนตร์ของเรามีรอบฉายต่ำเกินไป หวังว่าเถ้าแก่โจวจะช่วยเหลือในด้านนี้”
‘โปเยโปโลเย’ เข้าโรงวันแรกมีรอบฉายไม่ถึง 20% ไม่นับว่าแย่ แต่ก็ไม่เท่าที่ลู่เฉินคาดหวัง การติดต่อประสานงานกับโรงภาพยนตร์ต่างๆ ทั่วฮ่องกงอยู่ในความรับผิดชอบของเจียหยางพิคเจอร์ส
สตูดิโอลู่เฉินเพิ่งก่อตั้งขึ้นในฮ่องกง ยังต้องพัฒนาในทุกช่องทาง เงินทุนและเส้นสายในวงการมีน้อย ดังนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้คือผู้ร่วมมือทางธุรกิจอย่างเจียหยางพิคเจอร์ส
โจวอี้ยิ้มพลางเอ่ยว่า “คุณลู่วางใจเถอะ พวกเราทำยอดได้ดีขนาดนี้ เชื่อว่าไม่มีโรงภาพยนตร์ไหนกล้ามองข้าม ผมได้ส่งคนไปหารือกับวั่นลี่และเต๋อชิ่งแล้ว เชื่อว่าจะเพิ่มรอบฉายได้ไม่มีปัญหา”
วั่นลี่และเต๋อชิ่งเป็นเครือข่ายโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งสองมีโรงภาพยนตร์ทั่วฮ่องกงรวมกันมากกว่า 60% มีตำแหน่งที่สำคัญในวงการภาพยนตร์ฮ่องกง
โรงภาพยนตร์ออเรนทอลฮอลลีวูดเธียร์เตอร์อันเลื่องชื่อก็เป็นโรงภาพยนตร์ใหญ่แห่งหนึ่งในเครือวั่นลี่
โจวอี้ตอบอย่างมั่นใจว่า “ตอนนี้รอบหนังของเรามีไม่มาก หลักๆ เพราะถูก ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ แย่งโควตาไปหมด แต่หวาก้วนกับซิงอี้ซื้อบ็อกซ์ออฟฟิศหนึ่งสัปดาห์ได้ แต่เขาซื้อถึงหนึ่งเดือนไม่ไหวหรอก!”
การซื้อตั๋วหนังเป็นกลเม็ดในวงการที่นายทุนร่ำรวยมักจะเล่นกัน แต่ย่อมมีขีดจำกัด
ตลาดภาพยนตร์ฮ่องกงเล็กนัก ทุ่มเงินลงไปไม่กี่ล้านก็ได้ครอบครองโควตารอบฉายหนังแล้ว แต่นอกจากจะเอาแต่ใจถึงขั้นสุด คงไม่มีใครอยากเอาเงินไปละลายน้ำทิ้งอย่างเอาเป็นเอาตาย
หวาก้วนกับซิงอี้เพื่อประคับประคองสถานการณ์ของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ จึงซื้อบ็อกซ์ออฟฟิศติดต่อกันถึงสี่วัน โจวอี้มองว่าใกล้ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว
ในอีกแง่หนึ่ง การโกงแบบนี้ถ้าเกินขีดจำกัดก็จะนำมาซึ่งความโกรธแค้นของวงการธุรกิจ
เล่นแรงเกินไปก็ไม่มีใครอยากเล่นด้วยแล้ว
ดังนั้นโจวอี้จึงเชื่อมั่นว่ายอดขายตั๋วหนังจำนวนมากของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ จะอยู่ได้อีกไม่นาน ขอแค่วันที่ความจริงเปิดเผยจะกลายเป็นวันที่ ‘โปเยโปโลเย’ ได้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง
เครือโรงภาพยนตร์ไม่ได้โง่ พวกเขารู้ดีว่ามีลับลมคมใน จึงเพิ่มรอบฉายของ ‘โปเยโปโลเย’ อย่างสมเหตุสมผล
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ยอดขายของที่ระลึกเกี่ยวกับภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ เป็นยากระตุ้นที่เพียงพอจะทำให้เครือโรงภาพยนตร์สัมผัสได้อย่างว่องไว ทำให้พวกเขาเลือกด้วยความฉลาดหลักแหลม
ความจริงสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เหนือความคาดหมาย วันที่ 22 กุมภาพันธ์ รอบฉายของ ‘โปเยโปโลเย’ เพิ่มขึ้นเป็น 22.67% หลายรอบฉายเป็นการเพิ่มขึ้นแบบกะทันหัน ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศทะลุสี่ล้านแล้ว
ของที่ระลึกต่างๆ ที่ทำให้วงการแตกตื่น ยอดขายก็เพิ่มขึ้นตามยอดบ็อกซ์ออฟฟิศไปถึง 3.58 ล้านแล้ว!
ขณะเดียวกัน ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ที่ยืนหยัดมาได้หลายวัน ในที่สุดก็เริ่มฉายแววของการดิ่งลงจริงๆ เสียที วันที่ 22 ทำยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้เพียง 3.1 ล้าน ตกอันดับไปอยู่หลัง ‘โปเยโปโลเย’
นี่อยู่เหนือความคาดหมายของคนในวงการ ทุกคนคิดมาตลอดว่า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ จะกดข่มให้ ‘โปเยโปโลเย’ พ่ายแพ้และขายตั๋วหนังทางบ็อกซ์ออฟฟิศได้ดีไปอีกหลายวัน คิดไม่ถึงว่าจะแพ้เร็วขนาดนี้
จากนั้นมีข่าวจากวงในแพร่งพรายออกมา บอกว่าเป็นเพราะยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของจริงนั้นย่ำแย่เหลือเกิน ทำให้หวาก้วนพิคเจอร์สกับซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์เกิดความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่การซื้อบ็อกซ์ออฟฟิศต่อเลย แค่เรื่องโปรโมตก็มีปัญหาแล้ว
ในเวลาเพียงสองวัน ‘โปเยโปโลเย’ ทำการตอบโต้กลับอย่างสวยงามได้หนึ่งครั้ง เผยให้เห็นทิศทางของความรุ่งเรือง!
ในอินเทอร์เน็ต คำวิจารณ์ของชาวเน็ตที่มีต่อ ‘โปเยโปโลเย’ นั้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ในนั้นมีบทวิจารณ์ภาพยนตร์จากนักวิจารณ์ภาพยนตร์หลายคน หวังต้งก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในฐานะนักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่เป็นเอกเทศ หวังต้งมีความเคยชินอย่างหนึ่งในการวิพากษ์วิจารณ์ นั่นคือเขาจะไม่ลงบทวิจารณ์ของตัวเองก่อนที่ภาพยนตร์จะลงโรง ต่อให้ได้ไปดูในรอบปฐมทัศน์แล้วก็ตาม
‘โปเยโปโลเย’ ก็ไม่ต่างกัน
หวังต้งเขียนบทวิจารณ์บทหนึ่งหลังจากไปงานเปิดตัวภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์ที่เขาได้รับเชิญ แต่รอจนวันที่สองของการฉายอย่างเป็นทางการ เขาถึงโพสต์ลงบนบล็อกของตัวเอง
“ตอนแรกเริ่มที่ดู ‘โปเยโปโลเย’ นั้น ผมคิดว่าเป็นหนังแนวแฟนตาซีผีสางเหมือนกับ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ในใจยังแอบเยาะเย้ยว่าคนภาพยนตร์สมัยนี้ไม่มีความคิดแปลกใหม่สร้างสรรค์เสียเลย แค่นำเอาเรื่อง ‘เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ’ ออกมาดัดแปลงสร้างใหม่ ขนเอาดาราที่หน้าตาดีกับสเปเชียลเอฟเฟกต์ออกมาหลอกลวงคนดู เป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก”
“แต่หลังจากดูจบ ผมถึงได้รู้ว่า แม้จะมาจาก ‘เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ’ เหมือนกัน แต่ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ กับ ‘โปเยโปโลเย’ นั้นอยู่คนละระดับกัน ทั้งสองเรื่องไม่มีทางเอามาเทียบกันได้!”
“‘โปเยโปโลเย’ เหนือกว่า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เป็นไหนๆ!”
“ชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบชุดหนึ่ง หมวกเก่าขาดวิ่นใบหนึ่ง รองเท้าผ้าเก่าโทรมคู่หนึ่ง เป็นภาพลักษณ์ที่ตัวละครหลักหนิงฉ่ายเฉินมอบให้กับคนดู โลกนี้เต็มไปด้วยปัญหา เขามีเพียงความเยาว์วัยกับความรู้หนังสือ แต่ไม่มีที่ให้แสดงความสามารถ จนถูกพ่อค้าเร่ขายภาพเหน็บแนมว่า ‘ชอบของสูง แต่ฐานะต่ำต้อย’”
“แม้เป็นเช่นนี้ เขายังไม่ทอดทิ้งความน่ารักที่ถ่ายทอดออกมาจากเบื้องลึก เขาใสซื่อ ทึ่มบื้อ แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตา มองโลกในแง่ดีที่สุด แม้เผชิญหน้ากับอุปสรรคใหญ่หลวงแค่ไหนก็ยังจะฝ่าฟันไป ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด”
“ส่วนเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน เป็นวิญญาณสาวที่มาตายต่างถิ่น กลายเป็นผีสาวเร่ร่อน มักดูดพลังจากชายหนุ่มเป็นอาหาร แต่นี่ไม่ได้เป็นความต้องการจริงๆ ของเธอ หลังจากที่เธอทำร้ายคนทุกครั้งในใจของเธอมักจะทุกข์ทรมานจากการโทษตัวเองและความเศร้าโศก เธองดงามและดีงาม แม้จะถูกปีศาจแม่เฒ่าบีบบังคับ แม้มารร้ายรอบกายเธอจะชื่นชอบการเข่นฆ่าเป็นชีวิต เธอยังคงรักษาความดีงามในใจของเธอเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว เป็นหนึ่งเดียวไม่มีสองในโลกแห่งความดำมืดแห่งนั้น”
“พระเอกนางเอกพบกันเพราะความบังเอิญ และเป็นโชคชะตา เรื่องราวความรักที่สวยงามได้ถักทอขึ้นในภาพยนตร์ ต่อให้ตอนจบจะไม่สวยงาม แต่ก็ยังสร้างความประทับใจได้ไม่รู้ลืม!”
“เนื้อเรื่องกระชับ เรื่องราวน่าติดตาม เพลงประกอบหลักดีเยี่ยม…”
“ในเรื่องยังมีอีกตัวละครที่สร้างความประทับใจได้อย่างลึกซึ้ง นั่นคือเยียนชื่อเสีย ทั้งความบ้าบอและความมัวเมา สังหารปีศาจด้วยความภาคภูมิใจ อารมณ์ยิ้มหัวเราะโกรธด่าเล่นได้อย่างถึงรส ทำให้เราได้เห็นถึงทักษะอันสูงส่งของนักแสดงอาวุโสคนหนึ่ง!”
“ผมกล้าพูดเลยว่า ‘โปเยโปโลเย’ จะต้องกลายเป็นหนังผีคลาสสิคที่ประสบความสำเร็จแน่นอน…”
บทวิจารณ์ภาพยนตร์บทนี้ของหวังต้งเขียนยาวถึงสองพันกว่าตัวอักษร เป็นบทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่ยาวที่สุดเท่าที่เขาเคยเขียนมา เรียกว่ามีแต่คำวิจารณ์ที่ดีเยี่ยม ถ้อยคำชมเชยเต็มบทความ ทำให้คนสงสัยว่าเขาได้ผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า
แต่คนที่เคยได้ดู ‘โปเยโปโลเย’ จะไม่มีใครสงสัยเช่นนี้เลย!
………………………………