Perfect Superstar - ตอนที่ 557 อิจฉาตาร้อน
ตอนที่ 557 อิจฉาตาร้อน
ในยุคที่ความต้องการด้านวัตถุนิยมมาเป็นอันดับแรก หวังต้งถือเป็นคนผิดประเภทที่ยังหลงเหลืออยู่ บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่เขาเขียน มาจากความในใจที่เขาต้องการถ่ายทอดออกมาล้วนๆ ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย
คนแบบนี้หาได้ยากยิ่ง หวังต้งจึงได้รับความเคารพยกย่อง ในแวดวงวรรณกรรมและวงการภาพยนตร์ของฮ่องกง เขามีอิทธิพลของตัวเอง คอมเมนต์ในบทวิจารณ์ภาพยนตร์บทนี้และยอดการแชร์ต่อเพิ่มสูงขึ้นมาก
หวังต้งเคยเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์มาไม่น้อย หลักๆ เขียนแต่ภาพยนตร์ที่ผลิตในฮ่องกง เพราะเกือบสิบปีมานี้ภาพยนตร์ฮ่องกงเสื่อมถอยลง เขาจึงวิจารณ์มากแต่ชมเชยน้อย ทำให้คนมองว่าเขาเป็นคนเคร่งครัดดุดัน
ดังนั้นตอนที่บทวิจารณ์ ‘โปเยโปโลเย’ อันยาวเหยียดของหวังต้งออกมา จึงเกิดความสั่นคลอนทั้งในและนอกวงการ แม้แต่คนที่ปกติไม่ชอบดูภาพยนตร์ยังถึงกับรู้สึกสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา…มันดีขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?
มีคนตกใจ มีคนสงสัย และมีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ในบล็อกเกาะฮ่องกง คนที่สนับสนุนแนวความคิดของหวังต้งมีเยอะมาก คนเหล่านั้นคือชาวเน็ตฮ่องกงที่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้
“‘โปเยโปโลเย’ เป็นหนังที่ดีจริงๆ แนะนำเป็นอย่างยิ่ง!”
“ไม่ได้ดูหนังผีที่สนุกถูกใจเท่าเรื่องนี้มานานมากแล้ว ทั้งนักแสดงและเนื้อเรื่องดีเยี่ยม อย่างน้อยต้องให้ 9 คะแนน”
“สเปเชียลเอฟเฟกต์ก็ไม่เลว แม้ฉากไม่เยอะแต่สนุกมาก ชอบเยียนชื่อเสียที่สุด!”
“คืนนี้พาแฟนสาวไปดูมา ค่าตั๋วเจ็ดสิบหยวนคุ้มค่า แล้วพอแฟนเห็นของที่ระลึกก็จะซื้อให้ได้ ต้องเสียเงินไปอีกหลายร้อยหยวน กระเป๋าตังค์บ๋อแบ๋เลย!”
“เทียบกับ ‘โปเยโปโลเย’ แล้ว ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ห่วยสุดๆ!”
ในยุคอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตทุกคนต่างวิจารณ์อย่างอิสระตามใจตนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกคนสามารถสมัครลงทะเบียนสร้างบัญชีในฟอรัมและบล็อก จากนั้นอยากพิมพ์คำพูดอะไรก็สามารถทำได้ตามที่ตัวเองคิดเห็น
การวิจารณ์ภาพยนตร์ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อก่อนผู้ชมทั่วไปได้อ่านเพียงความคิดเห็นของนักวิจารณ์ภาพยนตร์ในหนังสือพิมพ์หรือดูคำชี้แนะในโทรทัศน์ ตอนนี้พวกเขาสามารถเข้าร่วมได้แล้ว ทุกคนเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์ได้ทั้งนั้น
แม้ความรู้สึกของชาวเน็ตทั่วไปหลังจากดูหนังจบเทียบกับบทวิจารณ์ของหวังต้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความลึกของเนื้อหาหรือแนวความคิดที่ลึกซึ้งไม่มีทางเทียบกันได้ แต่ความรู้สึกของพวกเขาชัดเจนและซื่อตรง เกิดเป็นแรงกระเพื่อมไปอย่างกว้างขวาง
คำชื่นชมต่อ ‘โปเยโปโลเย’ จากบล็อกเกาะฮ่องกงลามไปถึงฟอรัมเกาะฮ่องกง โดยเฉพาะในห้องภาพยนตร์โทรทัศน์ ยิ่งกลายเป็นหัวข้อร้อนแรงอยู่ในตอนนี้
แตกต่างกับพวกหน้าม้าที่รับเงินมาโพสต์สร้างกระแส ผู้ที่วิจารณ์ ‘โปเยโปโลเย’ ส่วนใหญ่เป็นไอดีเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน โพสต์ของพวกเขามีหลักฐานชัดเจน ทั้งยังมีชื่อเสียงด้านความน่าเชื่อถือ
ในห้องภาพยนตร์โทรทัศน์ของฟอรัมเกาะฮ่องกง เกิดปรากฏการณ์ความชื่นชมหลั่งไหลอยู่ฝ่ายเดียว เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของ ‘โปเยโปโลเย’ เกินครึ่งใช้คำว่า ‘ดีมากกว่าเสีย’ คิดว่าข้อเสียของหนังเรื่องนี้ไม่อาจกลบเกลื่อนข้อดีที่เด่นชัดได้ ควรค่าแก่การรับชม
หลายคนคิดว่า น่าจะเป็นหนังฮ่องกงที่ดีที่สุดในรอบสิบปี ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง เบื้องหลัง สเปเชียลเอฟเฟกต์ หรือดนตรีประกอบล้วนทำออกมาได้อย่างโดดเด่น
คำชมเชยและคำสนับสนุนบนอินเทอร์เน็ตเหล่านี้ ส่งผลต่อชาวเน็ตทั่วไป แน่นอนว่าทำให้ยอดขายตั๋วหนังของ ‘โปเยโปโลเย’ ดีขึ้นเรื่อยๆ
พลังของคำร่ำลือนั้นยิ่งใหญ่!
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ยอดขายตั๋วของ ‘โปเยโปโลเย’ สูงถึง 5.77 ล้าน เพิ่มขึ้นจากสองวันแรก ทั้งยังมีการจองผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นมาก วันที่ 24 ตั๋วหนังในช่วงเวลาทองของโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่ถูกจองจนเกลี้ยง
ในสถานการณ์แบบนี้ บวกกับการประสานงานอย่างเต็มที่ของเจียหยางพิคเจอร์ส พอถึงวันที่ 24 รอบฉายของ ‘โปเยโปโลเย’ เพิ่มเป็น 35% เปรียบเหมือนน้ำพุที่พุ่งออกจากบ่อ
ตลาดนั้นว่องไว แล้วยังขึ้นอยู่กับความเป็นจริงมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก พวกเขาต่างอยากเหลือพื้นที่ไว้ให้กับภาพยนตร์ที่ผู้ชมชอบดู โดยไม่สนใจว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องไหน
‘โปเยโปโลเย’ ไม่เพียงแต่ทำยอดขายได้ดี ชื่อเสียงก็ดีเช่นกัน ทั้งยังเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในฮ่องกง ของที่ระลึกก็ได้รับความนิยม เปรียบเสมือนแม่ไก่ที่ออกไข่เป็นทองคำ
โดยเฉพาะของที่ระลึกที่เกี่ยวข้อง เมื่อก่อนในร้านค้าของโรงภาพยนตร์ขายของที่ระลึกจากหนังฮอลลีวูด แม้ขายได้ไม่เลว แต่ราคาเปิดของของที่ระลึกเหล่านี้สูงมาก เหลือกำไรให้กับโรงภาพยนตร์และเครือโรงภาพยนตร์เพียงเล็กน้อย
เทียบกันแล้ว ผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกของ ‘โปเยโปโลเย’ ได้ส่วนแบ่งมากกว่า
ไม่มีใครกลัวว่าเงินจะลวกมือ เพราะโรงภาพยนตร์หลายแห่งได้จัดวางผลิตภัณฑ์ของโปเยโปโลเยเอาไว้ในที่ที่สะดุดตาที่สุดในร้าน โดยไม่ต้องให้ทางสตูดิโอลู่เฉินกับเจียหยางพิคเจอร์สติดต่อเจรจา ทั้งยังช่วยติดป้ายโฆษณาแผ่นใหญ่ เพื่อไม่ให้คนดูมองข้ามไป
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของ ‘โปเยโปโลเย’ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึง 7.24 ล้าน ทั้งยังขึ้นนำภาพยนตร์เรื่องอื่นทั้งหมดที่ออกฉายในเวลาเดียวกัน รวมทั้งภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องหนึ่งที่ออกฉายเป็นเวลาสามสัปดาห์แล้ว
‘โปเยโปโลเย’ ดังแล้ว และดังมากด้วย ต่อให้เป็นคนที่มีอคติ ก็ทำได้เพียงอยู่เงียบๆ ไม่มีทางโต้ตอบ…ก็แค่ไม่ยอมเสียเงินสักแดงเพื่อซื้อตั๋วภาพยนตร์เรื่องนี้
ส่วนหนังเรื่องที่เคยโปรโมตอย่างครึกโครม และซื้อตั๋วหนังเองด้วยอย่าง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ท่ามกลางเสียงประเมินอันแสนย่ำแย่ ยอดขายตั๋วหนังในวันที่ 23 เพิ่งแตะหนึ่งล้าน ส่วนวันที่ 24 ได้แค่ห้าแสนแปดหมื่นเท่านั้น ดูน่าอนาถมาก
นอกจากนี้สัดส่วนรอบฉายของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ยังลดลงเหลือไม่ถึง 10%
คนที่มองออกจะรู้ว่า หวาก้วนพิคเจอร์สกับซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์ที่เป็นผู้ผลิต ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ได้ยอมแพ้แล้ว ช่วงก่อนหน้าพวกเขาได้ทุ่มเงินไปมหาศาล ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศที่สูงลิ่วอันเกิดจากการใช้เงินทุนทุ่มลงไปนั้นเห็นผลได้เพียงชั่วขณะ ถ้ายังฝืนต่อไปก็เท่ากับเอาเงินไปอุดรอยรั่วที่ไม่มีวันเต็ม
ถ้าทั้งสองบริษัทใหญ่ไม่โง่เกินไปก็ควรตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ได้พ่ายแพ้ในตลาดฮ่องกงอย่างกู่ไม่กลับแล้ว การหันเหไปสู่ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่เป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่
ตามการคาดการณ์ของคนในวงการ เป็นไปได้มากว่า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ จะถอดออกจากเครือข่ายโรงภาพยนตร์ก่อนเวลา
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ พ่ายแพ้ยับเยิน กลายเป็นพื้นหลังให้กับ ‘โปเยโปโลเย’ ที่กำลังโด่งดังทะลุฟ้า มาแรงในตลาดอย่างฉุดไม่อยู่!
วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ บัญชีทางการของ ‘โปเยโปโลเย’ ในบล็อกเกาะฮ่องกงได้ออกมาประกาศว่า ยอดรวมบ็อกซ์ออฟฟิศทั้งหกวันเป็นเงินสี่สิบห้าล้านหยวน กลายเป็นแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศอย่างเต็มภาคภูมิ และลบล้างสถิติของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ที่ทำไว้ก่อนหน้า
นอกจากยอดบ็อกซ์ออฟฟิศที่สวยงามไร้ที่ติ ‘โปเยโปโลเย’ ยังขายผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ได้อีกยี่สิบสี่ล้าน
ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศก็ว่าไปอย่าง แต่ยอดขายของที่ระลึกนั้นเป็นที่สะดุดตาของคนในวงการบันเทิง
ยอดขายผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกเท่านี้ไม่แพ้หนังฮอลลีวูดเลย!
เงินลงทุนของ ‘โปเยโปโลเย’ แค่เท่าไรเอง? สามสิบล้านเท่านั้น หนังลงโรงได้หนึ่งสัปดาห์ก็ถอนทุนคืนได้เกือบหมดแล้ว ที่จะตามมาคือกำไรล้วนๆ ทั้งยังมีตลาดของจีนแผ่นดินใหญ่อันกว้างขวางอีก
ด้วยเหตุนี้ทำให้บริษัทภาพยนตร์ในฮ่องกงต่างอิจฉาตาร้อน วางแผนจะวิ่งตามกระแสสักครั้ง!
……………………………………