Perfect Superstar - ตอนที่ 593 โอกาสร่วมงานกันอีกครั้ง
ตอนที่ 593 โอกาสร่วมงานกันอีกครั้ง
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเหล่านักข่าว ลู่เฉินกลับตอบได้อย่างสบาย
ต่อให้เป็นคำถามที่อาจจะส่อเสียดถึงขนาดมีเจตนามุ่งร้าย เขาก็รับมือได้อย่างสบาย ไม่ขาดความตลกขบขันทำให้นักข่าวแต่ละคนที่อยู่ในงานฟังแล้วต้องแอบเลื่อมใส
ถ้าหากลู่เฉินเป็นดาราเบอร์ใหญ่มาหลายปี การแสดงออกที่โดดเด่นเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก แต่เขาเพิ่งเข้าวงการแค่สองปีเท่านั้น ทำให้คนต้องเอาปลายลิ้นแตะกับเพดานปากเบาๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คงพูดได้แค่ว่าเป็นพรสวรรค์เป็นความสามารถของเขาอย่างแท้จริง หรือจะพูดอีกอย่างคือ ลู่เฉินเกิดมาเพื่อกินข้าวชามนี้!
การประเมินเช่นนี้ไม่ถือว่ามากเกินไป ย้อนกลับไปสองปีที่ผ่านมาสำหรับอาชีพนักร้องและนักแสดงของลู่เฉินสามารถใช้คำว่าปาฏิหาริย์บรรยายได้เพียงคำเดียว เขาปรากฏตัวในวงการอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะไม่นับว่าเป็นหนึ่งเหนือใคร แต่เพลงป็อป ภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ล้วนออกดอกบานสะพรั่ง ออกดอกออกผลอย่างมากมาย ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
วงการบันเทิงในประเทศปี 2015 และปี 2016 มีลู่เฉินทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป และปี 2017 เขาก็ได้สร้าง ‘โปเยโปโลเย’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ทำเงินขึ้นมาอีก เปิดม่านแห่งปีที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง!
เชื่อว่าเวลานี้ ทั่วทั้งวงการบันเทิงต่างรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของเขา
สำหรับเด็กหนุ่มอนาคตไร้ขีดจำกัดคนหนึ่ง เจอคลื่นลมแรงของพวกนักข่าวจนชินจึงระวังตัวขึ้นไม่น้อย บวกกับพวกเขาก็ได้รับอั่งเปาแล้ว ดังนั้นคำถามต่อจากนี้จึงเป็นเรื่องปกติทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
สัมภาษณ์ เลี้ยงฉลอง การแสดง จับรางวัล…
งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่ครึกครื้นจบลงอย่างราบรื่น พวกนักข่าวและแฟนๆ ที่มาร่วมงานจากไปอย่างพึงพอใจ และกลุ่มสมาชิกเดิมของ ‘โปเยโปโลเย’ ก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง พูดถึงเรื่องเก่าไปจนถึงอนาคต
ลู่ซีจองโต๊ะในร้านอาหารหรูที่อยู่แถวๆ ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมเหมยข่าตี้ ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ เนี่ยหมิงจู วั่นเสี่ยวเฉวียน เฉินเหวินเฉียง หม่าหรงเจิน และคนอื่นๆ อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและเป็นกันเอง
ดื่มเหล้ากันไปสักพักแล้ว ลู่เฉินจึงชนแก้วกับหม่าหรงเจินเป็นพิเศษ และถามว่า “ลุงหม่า ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
หม่าหรงเจินดื่มไวน์แดงหมดแก้ว หัวเราะเหอะๆ แล้วเอ่ยว่า “ต้องขอบคุณคุณลู่ ทุกอย่างราบรื่นดีครับ”
วันนี้เขาสวมชุดสูทแบรนด์ดังทั้งชุด ดูแล้วท่าทางกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา ดูหนุ่มลงไปอีกสิบปี!
ซูเปอร์สตาร์อาจารย์เทียนซือในตอนนั้น กลับมาอีกครั้ง!
หม่าหรงเจินในตอนนี้ไม่ได้แค่ราบรื่นเท่านั้น ความสำเร็จของ ‘โปเยโปโลเย’ ทำให้เขาเป็นปลาเค็มพลิกตัวได้พบเจอความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ค่าตัวพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดเหมือนในตอนนั้น สัญญาเล่นหนังและถ่ายโฆษณามีเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากแต่เดิมไปนานแล้ว
เฉินเหวินเฉียงเอ่ยแซวว่า “พี่หม่าตอนนี้ดังมาก ผู้หญิงที่ตามจีบเขาต่อแถวยาวตั้งแต่ฮ่องกงเกาลูนไปจนถึงย่านเซ็นทรัลแล้ว!”
หม่าหรงเจินยิ้มเจื่อนๆ แล้วกล่าวว่า “พี่เฉียง ปากใหญ่ๆ ของคุณช่วยปรานีหน่อยเถอะ”
เขายังกำหมัดทำท่าขอร้อง ทำเอาทุกคนหัวเราะฮ่าๆ
แม้แต่เนี่ยหมิงจูที่พูดกระซิบกระซาบกับเฉินเฟยเอ๋อร์ยังเหลือบตาขึ้นมอง นัยน์ตากระเพื่อมเม้มปากหัวเราะเบาๆ
ยังไม่พูดถึงลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ ‘โปเยโปโลเย’ ช่วยดันนักแสดงสองคนให้โด่งดังไปทั่วฮ่องกง คนหนึ่งคือหม่าหรงเจิน อีกคนหนึ่งก็คือเนี่ยหมิงจูที่เล่นบทเนี่ยเสียวเชี่ยน
ทว่าต่างจากหม่าหรงเจินที่ออกหน้าออกตา เนี่ยหมิงจูหลังจากดังแล้วกลับไม่เลือกเดินเส้นทางที่ดาราหน้าใหม่ต้องเดิน แต่เลือกทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจ
เธอไม่รับงานโชว์ตัวและงานโฆษณา ไม่ร่วมรายการ กระทั่งปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนน้อยมาก สื่อหลายแห่งอยากจะสัมภาษณ์เธอกลับถูกปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่าลึกลับเป็นอย่างมาก
ทว่าความลึกลับนี้ไม่สร้างความเสียหายต่อความเป็นที่นิยมในฮ่องกงของเนี่ยหมิงจู แฟนคลับของเธอเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดมีคนมากมายแต่งตั้งให้เธอเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของฮ่องกง เพราะฉะนั้นจึงเกิดคลื่นลมในวงการไม่น้อย
แต่ไม่ว่าโลกภายนอกจะอื้ออึงกันเช่นไร เนี่ยหมิงจูยังคงทำอะไรอิสระเสรีไม่สนใจความคิดของคนอื่น ไม่เหมือนคนในวงการบันเทิงอย่างสิ้นเชิง
แต่งานเลี้ยงฉลองทำรายได้หนังห้าร้อยล้านของ ‘โปเยโปโลเย’ ในครั้งนี้ เธอกลับตอบตกลงมาร่วมงานทันที และยังยอมรับการสัมภาษณ์จากสื่อมากมาย ถือว่าให้เกียรติเป็นอย่างยิ่ง
ลู่เฉินรู้จากเฉินเหวินเฉียงว่า ครอบครัวของเนี่ยหมิงจูไม่ธรรมดามากๆ การถ่ายหนังเป็นความสนุกของเธอเท่านั้น
หม่าหรงเจินถามว่า “คุณลู่ คุณไม่คิดจะถ่าย ‘โปเยโปโลเย’ ภาคสองจริงๆ เหรอครับ”
เขารู้ว่าลู่เฉินได้โอนลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ภาคต่อของ ‘โปเยโปโลเย’ ให้พาร์ตเนอร์อย่างเจียหยางพิคเจอร์สแล้ว ตัวเขาเองก็ได้เซ็นสัญญาราคาสูงกับเจียหยางพิคเจอร์สไปหนึ่งฉบับ แต่ในใจของนักแสดงมากประสบการณ์คนนี้ ยังคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลู่เฉินจะกลับมาเป็นผู้กำกับและนักแสดงนำในภาคต่ออีกครั้ง
รู้สึกว่าการร่วมงานกับลู่เฉิน มันดีมากจริงๆ!
หม่าหรงเจินรู้ดี ถ้าหากไม่มีลู่เฉิน ‘โปเยโปโลเย’ ภาคสองอาจจะทำรายได้ได้ไม่เลว แต่ถ้าอยากจะเอาชนะความสำเร็จของภาคแรก โดยทั่วไปแล้วถือว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน
หลายคนที่อยู่ในวงการภาพยนตร์ฮ่องกงต่างพูดกันว่า เยียนชื่อเสียเป็นแก่นหลักของ ‘โปเยโปโลเย’ แต่ตัวของหม่าหรงเจินเองรู้ตัวดีว่า ลู่เฉินต่างหากที่เป็นจิตวิญญาณของภาพยนตร์เรื่องนี้
เมื่อได้ยินคำถามของหม่าหรงเจิน ทุกคนจึงหันไปมองลู่เฉิน รวมทั้งเนี่ยหมิงจูด้วย
ลู่เฉินไม่ลังเล ยิ้มเล็กน้อยและส่ายหน้าอย่างหนักแน่นแล้วเอ่ยว่า “ไม่ถ่ายแล้วครับ”
ทั้งๆ ที่รู้ว่าคำตอบจะเป็นเช่นนี้ แต่ทุกคนก็ยังอดผิดหวังไม่ได้ คนส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ต่างคาดหวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง เพราะความรู้สึกประสบความสำเร็จที่มาจากการถ่ายทำผลงานคลาสสิคเรื่องนี้ ไม่มีอะไรจะเทียบได้จริงๆ!
เฉินเหวินเฉียงถอนหายใจเอ่ยว่า “น่าเสียดายจริงๆ…”
ขณะที่เสียดาย เขาก็ยังรู้สึกนับถือเลื่อมใสลู่เฉิน
ควรทราบว่าถึงแม้จะเป็นผู้กำกับใหญ่ชื่อดังหลายคน หลังจากภาพยนตร์เรื่องแรกประสบความสำเร็จแล้ว ก็จะตีเหล็กเมื่อยังร้อนรีบถ่ายทำภาคสองกระทั่งภาคสาม เพิ่มมูลค่าของความสำเร็จให้มากขึ้น ถ่ายทำจนกระทั่งคนดูเบื่อ
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ในฮ่องกง มีภาพยนตร์ภาคต่อถ่ายทำออกมาเจ็ดแปดภาคเยอะแยะถมไป
ลู่เฉินสามารถอดทนต่อความเย้ายวนนี้ได้ จิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของเขาแค่คิดก็รู้คำตอบแล้ว เมื่อเขาตัดสินใจก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ และคนมากความสามารถแบบนี้ล้วนได้รับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเสมอ
ทว่าแม้แต่เฉินเหวินเฉียงก็คาดคิดไม่ถึง ขณะที่ลู่เฉินปฏิเสธ ยังมีอย่างอื่นต่อ…เขาหยิบแพ็กเกจของขวัญที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา มอบให้แก่วั่นเสี่ยวเฉวียน หม่าหรงเจิน เนี่ยหมิงจู เฉินเหวินเฉียง และคนอื่นๆ
ทุกคนรับมาอย่างฉงนสนเท่ห์
เนี่ยหมิงจูถามว่า “คืออะไรคะ”
แพ็กเกจของขวัญทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ค่อนข้างหนักอึ้ง ถูกห่ออย่างสวยงาม
ลู่เฉินหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “คุณเปิดดูก็รู้แล้วครับ”
เนี่ยหมิงจูก็ไม่เกรงใจ ฉีกกระดาษห่อของขวัญด้านนอกโดยตรง แล้วจึงตกตะลึง “เอ๊ะ คือหนังสือเหรอ!”
แพ็กเกจของขวัญชิ้นนี้เป็นนิยายฉบับปกแข็งหนึ่งชุด เล่มที่วางอยู่ด้านบนสุดคือหนังสือเล่มแรกที่หน้าปกเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบโบราณ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ตัวอักษรสี่ตัวที่เขียนด้วยพู่กันจีนแข็งแกร่งทรงพลังสะดุดตาเป็นพิเศษ
“กระบี่เย้ยยุทธจักร!”
ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาถือหนังสือทั้งหมดห้าเล่มนี้อยู่ในมือ จากนั้นก็เข้าใจในทันที
นี่คือภาพยนตร์เรื่องที่สองที่ลู่เฉินจะถ่ายทำใช่ไหม
เช่นนั้นก็หมายความว่าทุกคนมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกครั้ง ทุกคนถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยกันอีกหนึ่งเรื่อง…
ภาพยนตร์กำลังภายใน!
…………………………………………………………………………