Perfect Superstar - ตอนที่ 606 มั่นใจอย่างมาก
ตอนที่ 606 มั่นใจอย่างมาก
สถานีโทรทัศน์ใหญ่ๆ ชอบทำรายการวาไรตี้เรียลลิตี้โชว์ แข่งกันเรื่องเรตติ้ง เพื่อทำกำไรค่าโฆษณา
สำหรับคนที่ร่วมรายการเรียลลิตี้ ต้องสู้กันเรื่องโชคและความสามารถ ต้องการยอดความนิยมและยอดติดตามแน่นอนว่ายังมีรางวัลสำหรับผู้ชนะ
ผู้ชนะจะมีหลายคนก็ได้ แต่แชมป์โดยทั่วไปมีเพียงคนเดียว และรางวัลที่มีมูลค่ามหาศาลขนาดนี้ สถานีโทรทัศน์ที่ต่างกันก็มีกฎที่ไม่เหมือนกัน บางแห่งสัญญาว่าจะให้โอกาสเซ็นสัญญาและออกอัลบั้ม บางแห่งมีรางวัลเป็นเงินและสิ่งของ
อย่างเช่นสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง สถานีโทรทัศน์ฮู่ไห่ และสถานีโทรทัศน์อื่นๆ ที่เป็นสถานีใหญ่และมั่งคั่งเรื่องรางวัลถือว่าใจกว้างพอสมควร ดังนั้นจึงดึงดูดผู้เข้าแข่งขันเก่งๆ ได้เป็นจำนวนมาก
‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ แตกต่างจากรายการประกวดประเภทเดียวกันหลายรายการ ตอนเริ่มต้นโปรโมตไม่ได้บอกกฎระเบียบของรายการและวิธีการให้รางวัล แต่เน้นที่ความดังของโค้ช อาศัยความนิยมของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์
ตอนนี้สิ้นสุดรอบออดิชันถึงได้โชว์ไพ่ตายใบสุดท้ายออกมา ให้ความรู้สึกที่แตกต่างต่อทุกคนเป็นอย่างมาก
และในสองด้านนี้ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
กฎระเบียบของรายการมีความแปลกใหม่มากพอ เดินบนเส้นทางที่แตกต่าง รางวัลสำหรับผู้เข้าแข่งขันก็ยิ่งถี่ถ้วนครบครันและคุ้มค่า!
ผู้แข่งขันที่ผ่านรอบออดิชัน จะได้ของขวัญลึกลับที่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ เบิกค่าเดินทางไปกลับหังโจวและค่าที่พักได้ นอกจากนี้ยังมีค่าอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย ทำให้คนที่เดินทางไกลไม่รู้สึกเสียใจและกังวล
ถ้าหากผ่านรอบคัดเลือกแบบคนตาบอดกลายเป็นนักเรียนอย่างเป็นทางการ ก็จะได้รับค่าการแสดงตัวโดยตรง ค่าการแสดงตัวนับเป็นขั้นบันได จำนวนครั้งยิ่งมากก็จะยิ่งได้เงินรางวัลเยอะ ต่อให้สุดท้ายไม่ได้เป็นแชมป์ ก็ยังมีรายได้เข้ากระเป๋ามากมาย
นักเรียนที่เข้าสู่รอบสิบคนสุดท้ายจะได้เงินรางวัลเพิ่มสองเท่า ห้าคนสุดท้ายได้เพิ่มสี่เท่า กล่าวคือเมื่อเข้าสู่รอบสิบคน อย่างเช่นเดิมทีเงินค่าการแสดงตัวทั้งหมดคือหนึ่งหมื่นหยวน เช่นนั้นก็จะได้เพิ่มอีกสองหมื่นหยวน รวมทั้งหมดจะได้สามหมื่นหยวน และห้าคนสุดท้ายก็จะได้ห้าหมื่นหยวน นี่ยังไม่นับเงินรางวัลค่าการแสดงตัวที่จะได้ในรอบหลังอีก
รางวัลที่สูงที่สุดแน่นอนว่าเป็นของแชมป์ แชมป์ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ซีซันแรกจะได้รับเงินรางวัลรวดเดียวหลังหักภาษีแล้วห้าแสนหยวนและมีสิทธิ์ได้เซ็นสัญญากับเฉินเฟยมีเดีย
สิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดคือ ขอเพียงได้เซ็นสัญญากับเฉินเฟยมีเดีย ลู่เฉินก็จะออกอัลบั้มให้เขาหรือเธอหนึ่งอัลบั้ม!
นี่คือรางวัลที่เป็นของแชมป์เพียงคนเดียวเท่านั้น!
แน่นอนว่าผู้ที่ได้เป็นแชมป์สามารถเลือกที่จะไม่เซ็นสัญญากับเฉินเฟยมีเดียก็ได้ นั่นเท่ากับทิ้งโอกาสนี้โดยอัตโนมัติ
รายการประกวดในประเทศจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะประเภทร้องเพลง เนื่องจากฝ่ายจัดงานได้ร่วมงานกับบริษัทบันเทิงและเอเจนซี่ ดังนั้นถ้าหากผู้เข้าแข่งขันได้รับอันดับที่สูง จะต้องเซ็นสัญญากับอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นรอบต่อไปจะถูกคัดออกหรือไม่ก็จะถูกคนอื่นแทนที่ไม่มีสิทธิ์ออกแสดงอีก
นี่คือกฎลับของรายการประกวด นักร้องที่เข้าแข่งขันมักจะอยู่ในสถานะถูกกระทำเป็นอย่างมากในขั้นตอนนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าเซ็นสัญญาไปแล้วไม่มีความยุติธรรมกับตัวเอง แต่เพื่อจะได้ออกแสดงตัวอีก จึงได้แต่เลือกประนีประนอม
และเนื่องจากยังมีกฎลับแบบฉันไม่ค่อยยินยอมแบบนี้อยู่ ดังนั้นศิลปินที่อาศัยรายการประเภทนี้เมื่อโด่งดังแล้วก็มักจะพลิกหน้าฟ้องคดีกับบริษัทที่เซ็นสัญญา ทะเลาะกันอึกทึกครึกโครม
แต่จะพูดว่าบริษัทที่เซ็นสัญญาไม่มีเหตุผลทั้งหมดก็ไม่ได้ รายการลงทุนทั้งกำลังคนและทรัพยากรเป็นธรรมดาที่ต้องเรียกต้นทุนกลับมา ถ้าหากไม่รีบเซ็นสัญญากับต้นกล้าพันธุ์ดีแต่เนิ่นๆ หลังจากที่ดังแล้วก็จะย้ายบริษัท เช่นนั้นพวกเขาก็เท่ากับตักน้ำด้วยตะกร้าไม้ไผ่ไม่ได้อะไรเลย…เรื่องแบบนี้ใครจะยอมทำ
เฉินเฟยมีเดียยอมทำ เฉินเฟยมีเดียไม่บังคับศิลปินให้เซ็นสัญญา และยินดีที่จะเซ็นสัญญากับผู้แข่งขันที่ได้แชมป์คนหลังถ้าหากไม่ยินดีก็สามารถปฏิเสธได้ จะไม่จู่โจมให้เซ็นสัญญาก่อนบันทึกรายการ ผู้เข้าแข่งขันมีอิสระอย่างแท้จริง!
สาเหตุที่เฉินเฟยมีเดียแหกกฎลับเหล่านี้ เพราะเฉินเฟยมีเดียไม่ได้เข้าร่วมการบันทึกและออกอากาศของรายการแค่แขวนป้ายชื่อบริษัทเท่านั้น ฝ่ายผลิตที่แท้จริงคือสตาร์แฟคตอรีมีเดียต่างหาก
สตาร์แฟคตอรีมีเดียทำกำไรโดยอาศัยการขายรายการให้สถานีโทรทัศน์ ไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาศิลปินอย่างสิ้นเชิง
ตรงกันข้ามเกรงว่าบรรดาผู้เข้าแข่งขันคงอยากจะขอเซ็นสัญญากับเฉินเฟยมีเดียมากกว่า เพราะเฉินเฟยมีเดียเป็นบริษัทที่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ลงทุนร่วมกัน ราคาที่เขาทำอัลบั้มให้ศิลปินที่เซ็นสัญญามีมูลค่ามากกว่ารางวัลเงินสดหลายแสนแน่นอน เป็นโอกาสที่เหล่านักร้องหน้าใหม่ใฝ่ฝันถึง!
ผลลัพธ์เป็นเช่นไรความจริงไม่ต้องพูดเยอะ ขอเพียงแค่ไม่ใช่คนโง่ก็รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร และ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ก็ใจกว้างมากสำหรับเงินรางวัลของผู้เข้าแข่งขัน ทุกคนรู้สึกเลื่อมใสมากจริงๆ
อย่างน้อยสำหรับนักร้องที่ผ่านรอบออดิชันเหล่านั้น หลังจากที่อ่านกฎระเบียบการให้รางวัลของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ แล้ว ไม่มีใครที่ไม่พอใจ มากสุดก็แค่เสียดายที่สิทธิ์ในการเซ็นสัญญาจำกัดแค่แชมป์คนเดียวเท่านั้น
บล็อกทางการของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ โพสต์ข้อความติดต่อกัน ส่วนงานเลี้ยงต้อนรับทางนี้ก็สิ้นสุดลงเช่นกัน
เถียนเถียนพูดกับซือฟางว่า “พี่ฟาง โรงแรมที่จองให้คุณคือโรงแรมนี้ ให้ฉันพาคุณขึ้นไปตอนนี้เลยไหมคะ”
โรงแรมแชงกรีลาเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่โด่งดังไปทั่วโลก มีโรงแรมสาขาตามเมืองใหญ่ เช่น เมืองหลวง ฮู่ไห่ ฮ่องกง ไต้หวัน รวมถึงหังโจว เป็นต้น เป็นหนึ่งในโรงแรมที่เหล่าดาราดังมากมายมักจะเลือกพักอาศัย
เวลาในการบันทึกรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ยาวมาก ห้องพักของซือฟางและคนอื่นๆ ได้จองไว้นานแล้ว
เถียนเถียนคิดว่าซือฟางเพิ่งบินมาจากฮ่องกงคงจะเหนื่อยมาก และจำเป็นต้องพักผ่อน
แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงคือ ซือฟางยิ้มตอบว่า “ไม่ต้องรีบ ตอนนี้ฉันยังไม่เหนื่อย หังโจวฉันเคยมาครั้งหนึ่งเมื่อสิบปีที่แล้ว นอกจากทะเลสาบซีหู ที่อื่นได้ลืมไปหมดแล้ว”
เถียนเถียนยิ้มกริ่ม “อย่างนั้นฉันจะเป็นไกด์ พาคุณเที่ยวที่นี่ค่ะ!”
เลี่ยวเจี่ยลูบศีรษะ แล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก เพื่อนๆ ถ้าหากไม่มีธุระอะไร ผมมีเพื่อนเปิดบาร์อยู่ที่นี่ พวกเราไปนั่งคุยที่นั่นดีไหม”
เถียนเถียนประหลาดใจ “พี่เลี่ยวเจี่ย คุณมีเพื่อนเปิดบาร์ที่นี่ด้วยเหรอ อยู่ที่ไหนคะ”
เลี่ยวเจี่ยอธิบายว่า “อยู่ที่ถนนหนานซาน เมื่อก่อนเป็นพี่น้องที่เล่นเพลงร็อกด้วยกัน ภรรยาเป็นคนหังโจว”
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มองหน้ากัน ลู่เฉินถามซือฟางว่า “พี่ฟาง พี่คิดว่าเหมาะสมไหมครับ”
ซือฟางยิ้มเอ่ยว่า “เหมาะสมอยู่แล้ว ถึงยังไงตอนเย็นฉันก็ไม่มีอะไรทำ งั้นไปนั่งที่บาร์ของเพื่อนเลี่ยวเจี่ยกันเถอะดูสิว่าบาร์ที่หังโจวต่างจากที่ฮ่องกงตรงไหนบ้าง”
เลี่ยวเจี่ยตบมือหนึ่งที “ได้เลย! ตอนนี้ผมจะโทรหาเสี่ยวลิ่ว ให้จองโต๊ะไว้ก่อน”
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออก
ฝ่ายนั้นตื่นเต้นมากที่ได้รับสายของเลี่ยวเจี่ย พูดเสียงดังฟังชัดแม้แต่คนที่อยู่ในห้องวีไอพีก็ยังได้ยินชัดเจน เมื่อรู้ว่าเลี่ยวเจี่ยจะพาเพื่อนมาเที่ยว เขารู้สึกยินดีต้อนรับเป็นที่สุด และยังตะโกนว่าจะเหมาเลี้ยงทั้งหมด
ส่วนที่นั่งน่ะเหรอ มีแน่นอน ถึงไม่มีก็ต้องมี!
เลี่ยวเจี่ยพูดสองสามประโยคแล้วจึงวางสาย จากนั้นก็โบกมือพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”
…………………………………………………………………………