Perfect Superstar - ตอนที่ 634 มหาวิทยาลัยของเสียวเสวี่ย
ตอนที่ 634 มหาวิทยาลัยของเสียวเสวี่ย
มหาวิทยาลัยครูเจ้อตง ห้องสี่ศูนย์ห้าในหอพักหญิงตึกห้า
เตียงสองชั้นสองชุดและโต๊ะคู่เติมเต็มห้องเล็กๆ จนเหลือเพียงช่องว่างให้เดินตรงกลาง แต่ทั้งผนังและพื้นก็สะอาดเอี่ยม และมีการตกแต่งด้วยสีชมพูน่ารักมากมาย กลิ่นจางๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศนั้น คือกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของสาวๆ
ลู่เสวี่ยนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง ถือโทรศัพท์ไว้ในมือพลางปล่อยความคิดเหม่อลอย
เธอมาเรียนหนังสือที่นี่ได้หนึ่งปีแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะปิดเทอมกลับบ้านแล้ว
สอบเอนทรานซ์ปีที่แล้วลู่เสวี่ยสอบได้ไม่เลว อาศัยคะแนนของเธอหากจะไปมหาวิทยาลัยที่ดีกว่านี้ก็ไม่มีปัญหา แต่เธอยังคงเลือกมหาวิทยาลัยครูเจ้อตง เพราะว่าเธออยากเป็นครูมาตั้งแต่แรก
เป็นครูดีจะตาย ไม่เพียงแค่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ ไหนจะมีปิดเทอมหน้าร้อนหน้าหนาวอีก และยังดุเด็กดื้อได้ด้วย
แถมสาขาที่ลู่เสวี่ยเรียนยังเป็นสาขาศิลปะ ต่อไปถ้าเป็นครูศิลปะก็ยิ่งสบายใหญ่ ตัวเธอเองชอบวาดรูปมาแต่ไหนแต่ไร มีพรสวรรค์ด้านนี้ ยิ่งเหมาะสมที่สุดไปเลย
ชีวิตมหาวิทยาลัยหนึ่งปีนี้ ลู่เสวี่ยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาก เพื่อนอีกสามคนที่อยู่หอด้วยกันก็สนิทกันไม่เลว มีเพื่อนสนิทของตัวเอง เรียกว่าชีวิตเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ได้เลย
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เธอมีพี่ชายที่ทุกคนต่างอิจฉา
เพียงแต่ตั้งแต่เข้าสู่มหาวิทยาลัยครูเจ้อตง ลู่เสวี่ยแทบจะไม่เคยเอ่ยถึงพี่ชายกับใครเลย สาเหตุหลักๆ ก็เพราะว่าไม่อยากกลายเป็นคนที่ทุกคนให้ความสนใจ
แต่สถานการณ์ในวันนี้แตกต่างออกไป
แอ๊ด…
เสียงประตูเปิดออก หญิงสาวสามคนเดินเข้ามาพร้อมเสียงหัวเราะ จึงทำให้ลู่เสวี่ยหยุดความคิดไปเสีย
“เสียวเสวี่ย เธอไม่ได้บอกหรือว่าวันนี้จะมีคนมาเลี้ยงข้าวพวกเรา ตอนนี้มันจะห้าโมงแล้วนะ”
คนที่พูดคำนี้ออกมาคือหวังเยี่ยนที่อายุมากที่สุดในบรรดาผู้หญิงทั้งสี่คน สาวหูหนานที่นิสัยตรงไปตรงมาพูดขึ้น “นี่คงไม่ได้ถูกเทแล้วมั้ง อย่างนั้นพวกเราออกไปกินกันเองเถอะ ทุกคนหารกันก็ได้นี่”
หญิงสาวในชุดสีแดงที่อยู่ด้านหลังหวังเยี่ยนเม้มปากก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใครกันที่กล้าเทเสียวเสวี่ยน้องสาวของเรา หล่อนต้องโดนสังหารแน่!”
หญิงสาวในชุดสีแดงชื่อหลินอวี่เยียน เป็นคนหังโจว เธอสวยที่สุดในบรรดาสี่สาว เธอเป็นดาวคณะภาษาจีน ดังนั้นเธอมักจะมีคนจีบหลายคน แต่เธอเลือกเยอะ จนถึงทุกวันนี้จึงยังเป็นโสดอยู่
หลินอวี่เยียนถูกชะตากับลู่เสวี่ยมาก ทั้งสองคนสนิทกันมาก
หญิงสาวที่สวมกระโปรงสีขาวคนสุดท้ายชื่อ ไป๋ฟางฟาง เป็นคนฮู่ไห่ หน้าตาสวยแถมยังฉลาด เธอถามอย่างสงสัยว่า “เสียวเสวี่ย เธอบอกมาก่อนเลยว่าคนที่จะมาเป็นใครกันแน่ หรือว่าเป็นคนรักที่เธอแอบซ่อนไว้ข้างนอก”
ลู่เสวี่ยหน้าแดง เธอยื่นมือไปตีไป๋ฟางฟาง “คนรักในความลับอะไรกัน ไม่น่าฟังเลย นั่นคือพี่ชายฉันเอง”
ไป๋ฟางฟางรีบหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดด้วยความประหลาดใจ “พี่ชายเธอเหรอ เธอมีพี่ชายเมื่อไหร่ ฉันไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงมาก่อน คือพี่ฉิงหรือเปล่า”
ทั้งหวังเยี่ยนและหลินอวี่เยียนหัวเราะอย่างหนักจนลู่เสวี่ยพูดไม่ออก ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยื่นมือไปแสดงท่าทางดูถูกไป๋ฟางฟาง เธอไม่อยากอธิบายอีกต่อไป รอดูไปเถอะ!
“ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี…”
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทันที เสียงเรียกเข้าคือเพลง ‘ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี’ ของลู่เฉิน
ลู่เสวี่ยดวงตาเป็นประกายในทันที เธอไม่สนใจไป๋ฟางฟางอีกต่อไป รีบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว “พี่?”
“อืมๆ หนูรู้แล้ว หนูจะไปเดี๋ยวนี้ พี่รอหนูหน่อยนะ”
ไป๋ฟางฟาง หวังเยี่ยน และคนอื่นๆ สบตากัน พี่ชายของลู่เสวี่ยจะเลี้ยงข้าวพวกเธอจริงหรือ
ลู่เสวี่ยวางสาย ก่อนจะแกว่งโทรศัพท์ไปมาต่อหน้าพวกเธอ พลางพูดว่า “พี่ชายฉันอยู่นอกมหาวิทยาลัยแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
หลินอวี่เยียนพูดอย่างตกตะลึงว่า “เสียวเสวี่ย พี่ชายเธอมาจริงๆ เหรอ”
ลู่เสวี่ยอดไม่ไหวกลอกตามองบนไปหนึ่งที ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่นว่า “ใช่สิ พี่ชายแท้ๆ เลยด้วย”
เมื่อเห็นเธอทำหน้าจริงจังอย่างนี้ ทุกคนถึงได้เชื่อในที่สุด “ไอหยา”
หวังเยี่ยนรีบพูดต่อว่า “อย่างนั้นฉันรีบหวีผมก่อน ขอเวลาสองสามนาที”
“ฉันด้วย”
“อย่างนั้นขอฉันแต่งหน้าเพิ่มหน่อย”
ปากบอกว่าสองสามนาที แต่พอพวกผู้หญิงพวกนี้แต่งตัวแต่งหน้าเข้าจริง เวลาก็ไม่น้อยเลย หากไม่ใช่เพราะลู่เสวี่ยค่อยเร่งเรื่อยๆ เดาว่าอีกครั้งชั่วโมงก็คงไม่ได้ออกแน่
ต่อให้เป็นอย่างนี้ก็ตาม พอพวกเธอมาถึงใต้ตึกนั้น ก็ล่วงเลยไปห้าโมงกว่าแล้ว
“เสียวเสวี่ย…”
ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งหอบดอกไม้ช่อใหญ่เดินเข้ามาหา สายตาอบอุ่นจ้องมองมายังลู่เสวี่ย
นอกประตูหอพักหญิงของมหาวิทยาลัยครู มักมีหนุ่มๆ รออยู่มากมาย หนุ่มๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นนักศึกษาที่นี่ ต่างก็มาเพื่อตามหาสาวคนใดคนหนึ่ง หรือพาคนไหนไปออกเดต ซึ่งก็ถือเป็นวิวหนึ่งของมหาวิทยาลัยเลย
ปกติแล้ว การแสดงออกถึงความรัก ขอความรัก แม้กระทั่งภาพการขอเป็นแฟนก็พบเจอได้บ่อยๆ ทุกคนต่างก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไร
ผู้ชายคนนี้สูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ท่าทางสะอาดสะอ้าน ก็ถือว่าไม่เลวเท่าไร อย่างน้อยก็ดีกว่าหลายคนด้านข้างที่ดูหน้าเถื่อนๆ แต่สำหรับลู่เสวี่ยแล้ว อีกฝ่ายไม่ต่างอะไรกับแมลงวันเลย
เธอหยุดฝีเท้าก่อนจะขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “อู๋เฮ่า ฉันไม่ได้สนิทกับพี่ขนาดนั้น ดังนั้นอย่ามาเรียกฉันว่า เสียวเสวี่ย แล้วพี่มีธุระอะไร”
ชายร่างสูงคนนั้นเผยสีหน้าผิดหวังออกมา ก่อนจะหัวเราะพลางเอ่ยว่า “เสียว…ลู่เสวี่ย ฉันอยากชวนเธอไปกินข้าว แล้วค่อยไปดูหนังดีไหม ตั๋วหนังฉันก็ซื้อมาแล้วนะ”
ลู่เสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขอบใจ แต่ฉันมีนัดแล้ว ลาก่อน”
เธอแทบจะไม่สนใจดอกไม้ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้เลย รีบดึงหลินอวี่เยียนเดินอ้อมจากไป
อู๋เฮ่าคนนี้เป็นรุ่นพี่ของเธอ แต่ว่าอยู่สาขาภาษาจีน เขาถือว่าตัวเองมีความสามารถและฐานะที่บ้านดีหน่อยก็เลยตอแยเธอไม่เลิก เธอรำคาญอย่างมาก ปกติแล้วเธอแทบจะไม่พูดดีด้วยเลย วันนี้ก็เช่นกัน
หวังเยี่ยนกับไป๋ฟางฟางรีบเดินตามไปทันที
หวังเยี่ยนนั้นรู้จักกับอู๋เฮ่า ตอนเดินผ่านเขาจึงพูดว่า “เสียวเสวี่ยมีนัดแล้วจริงๆ มีคนชวนพวกเราไปเลี้ยงอาหารเย็น เพราะอย่างงั้นพี่กลับไปเถอะ”
เธอเองก็มีเจตนาดี แต่อู๋เฮ่าเหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างนั้นเลย
เมื่อมองเงาร่างของลู่เสวี่ยเดินห่างออกไปเรื่อย เขาขบกรามแน่น ก่อนจะเดินตามติดออกไป
อยากจะดูว่าคนที่นัดลู่เสวี่ยออกไปได้คือคนแบบไหนกันแน่
ลู่เสวี่ยไม่ได้สนใจคนที่เดินตามมา เธอกลัวว่าคนที่รอจะรอนาน ดังนั้นจึงรีบดึงหลินอวี่เยียนเร่งฝีเท้า ไม่นานก็เดินไปถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย
ใกล้จะพลบค่ำเต็มที ริมถนนหน้ามหาวิทยาลัยมักจะมีรถจอดอยู่ไม่น้อย วันนี้ก็เช่นกัน แต่ลู่เสวี่ยก็สามารถหารถเป้าหมายเจอได้ในเวลาอันรวดเร็ว
บริเวณที่อยู่ห่างไกลออกไปสิบกว่าเมตร มีรถเบนซ์สีดำคนหนึ่งจอดอยู่ ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมแว่นตาสีดำกำลังยืนพิงรถพลางมองไปมาซ้ายขวา
“พี่คะ!”
ลู่เสวี่ยรีบเรียกออกไป ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายพร้อมยกยิ้มเบิกบาน
เด็กสาวอีกสามคนที่ตามลู่เสวี่ยมาสังเกตเห็นชายหนุ่มคนนี้แล้ว ในใจของพวกเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
นี่คือพี่ชายของลู่เสวี่ย? ดูเจ๋งไม่เบาเลย!
……………………………………