Perfect Superstar - ตอนที่ 637 สิ่งที่อาลัยอาวรณ์ที่สุด
ตอนที่ 637 สิ่งที่อาลัยอาวรณ์ที่สุด
รายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ซีซันแรกมีทั้งหมดสิบสี่ตอน สุดท้ายจะมีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ขึ้นหนึ่งครั้ง ดังนั้นจะมีทั้งหมดสิบห้าตอน
และเมื่อลู่เฉินเดินทางจากหังโจวกลับบ้านนั้น ตอนที่สิบสี่ได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว
นี่คือแนวทางปฏิบัติของรายการประกวดความสามารถในประเทศ สิ่งที่ผู้ชมเห็นในทีวีไม่ใช่การถ่ายทอดสด แต่เป็นเนื้อหาที่ได้รับการแก้ไขอย่างระมัดระวังในเวลาต่อมา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือพวกโค้ช เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในที่เดียวกันเป็นเวลาสองหรือสามเดือน หรือเดินทางมาสัปดาห์ละครั้งเพื่อบันทึกเทปได้
หลังจากที่เลี่ยวเจี่ยอัดตอนที่สิบสี่เสร็จสิ้นก็ตบตูดกลับปักกิ่งทันที เขาจะต้องถ่ายโฆษณาสองชิ้นที่ปักกิ่งและเป็นนักแสดงรับเชิญตามคำเชิญของเพื่อนในหนังเรื่องหนึ่ง หลังจากนั้นก็บินกลับไปพักผ่อนที่ออสเตรเลีย จนปลายเดือนสิงหาคมก็จะบินกลับมาที่หังโจวเพื่อร่วมคอนเสิร์ตของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’
ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์พักที่หังโจวยาวขึ้นอีกสองวัน รอจนลู่เสวี่ยปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว ทั้งสามจึงจะกลับไปที่เมืองปินไห่พร้อมกัน
แต่ยังมีแขกอีกคนหนึ่งติดตามไปด้วย
นั่นก็คือซือฟาง
หลังจากที่ได้อยู่ร่วมกันมากว่าหนึ่งเดือน ทั้งซือฟางและเฉินเฟยเอ๋อร์ก็กลายเป็นเพื่อนรักกันทันที แม้แต่ลู่เฉินเองก็ไม่ถือเป็นคนนอกแล้ว
แม้ว่าหากพูดถึงสถานะในวงการ สถานะของซือฟางสูงกว่าลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์มากนัก แต่เธอกลับมองทั้งสองเป็นเพื่อน เรียกพี่เรียกน้องได้เลย
เดิมทีเมื่ออัด ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ เสร็จสิ้น ซือฟางก็ต้องกลับไปที่ฮ่องกง แต่เมื่อได้ยินว่าลู่เฉินจะกลับบ้านเกิด เธอก็เกิดอยากดื่มด่ำวิวของเมืองปินไห่ขึ้นมาทันที ถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมเยียนคุณแม่ของลู่เฉินด้วย
ลู่เฉินที่ไหนเลยจะไม่ต้อนรับ จากจะกลับบ้านกันสามคนได้กลายเป็นสี่คนทันที รถเบนซ์หนึ่งคันนั่งได้พอดิบพอดี
เป็นลู่เสวี่ยที่ดีใจจะแย่ เธอเป็นแฟนคลับของซือฟางนะ จึงถือโอกาสนี้ใกล้ชิดกลับไอดอลเสียเลย เธอใช้มือถือของตัวเองถ่ายรูปไปถึงสิบกว่ารูปเลย
ระยะทางจากเมืองหังโจวไปเมืองปินไห่ไม่ไกลมาก หากเดินทางด้วยทางด่วนก็ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น คนกลุ่มนี้ออกเดินทางตอนบ่ายสองโมง สี่โมงกว่าก็เดินทางเข้าสู่เขตปินไห่แล้ว
ซือฟางมองออกไปนอกหน้าต่างพลางประเมินทิวทัศน์ของเมืองฮู่ไห่อย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างตกใจว่า “บ้านเกิดของนายนี่ไฮโซเหมือนกันนะเนี่ย”
แม้ว่าปินไห่จะเป็นเมืองระดับตำบล แต่เพราะว่าตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้และติดทะเล อีกทั้งชาวเมืองปินไห่ยังทำธุรกิจโรงงานเสียมาก เพราะเหตุนี้เศรษฐกิจจึงรุ่งเรืองมาก การสร้างเมืองก็มีการเปลี่ยนแปลงรายวันเลย แม้ว่าไม่มีทางเทียบได้กับเมืองหลวงระดับมณฑลอย่างหังโจว แต่ก็มีอาคารสูงทั้งสองข้างของถนนสายหลัก
ลู่เฉินยิ้มและกล่าวว่า “ไม่เลวเลย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การพัฒนาค่อนข้างเร็ว และมีอาคารสูงหลายแห่งถูกสร้างขึ้น”
ซือฟางพูดพร้อมกับถอนหายใจว่า “ตอนที่ฉันอยู่ที่ฮ่องกง ฉันมักจะได้ยินคนพูดว่านอกจากปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเซินฮวา สถานที่อื่นๆ ในแผ่นดินใหญ่นั้นล้าหลังมาก คราวนี้ฉันมาที่แผ่นดินใหญ่ถึงได้รู้ว่าอะไรคือเชื่อในสิ่งที่เห็น”
ซือฟางนั้นเป็นคนฮ่องกงโดยแท้ บรรพบุรุษสามารถสืบย้อนไปถึงผู้อพยพที่ย้ายจากหูหนานและหูเป่ยไปยังฮ่องกงในช่วงปลายราชวงศ์ชิง เธอมาแผ่นดินใหญ่นับครั้งได้ ก่อนหน้านี้เคยไปที่ปักกิ่งและฮวาเฉิง ไม่เคยเดินทางลงมายังเมืองเล็กๆ ทางใต้มาก่อนเลย
แต่ไหนแต่ไร เศรษฐกิจการค้าของฮ่องกงก็รุ่งเรืองกว่าแผ่นดินใหญ่ คนฮ่องกงมากมายรวมถึงสื่อฮ่องกง มักมีความรู้สึกเหนือกว่าอยู่เสมอ และมักมองว่าแผ่นดินใหญ่เป็นเหมือนสถานที่ที่ล้าหลังไม่ทันสมัย ต่อให้หลายปีมานี้เศรษฐกิจของแผ่นดินใหญ่จะรุ่งเรืองก้าวกระโดดเพียงใดก็ตาม สื่อต่างๆ ก็นำเสนอน้อยมาก
ดังนั้นคนฮ่องกงที่ไม่ค่อยได้เดินทางมายังแผ่นดินใหญ่และดูแต่สื่อที่ลำเอียง จึงคิดเอาเองว่าแผ่นดินใหญ่นั้นมีเพียงเมืองอย่างปักกิ่งเท่านั้นที่รุ่งเรือง ที่อื่นยังคงยากจนข้นแค้นอยู่
แม้แต่ซือฟางเองยังเข้าใจผิดเลย
รถเบนซ์ขับผ่านถนนเส้นหลัก ก่อนเบนสายเข้าสู่ถนนเส้นหนึ่ง ไม่นานก็มาถึงยังเขตชุมชนจิ่งเซิ่ง
ด้านในของคฤหาสน์ตระกูลลู่ ฟางอวิ๋นได้รออยู่นานแล้ว
เมื่อวานนี้ลู่เฉินได้โทรศัพท์มาบอกแม่ของเขาไว้ก่อนแล้ว ฟางอวิ๋นทราบแล้วว่าเฉินเฟยเอ๋อร์และซือฟางจะเดินทางมาด้วย เมื่อเธอเห็นลูกชายและลูกสาว ทั้งยังมีว่าที่สะใภ้ สีหน้าจึงอดไม่ได้ที่จะปรากฏรอยยิ้มแห่งความเบิกบานออกมา
“แม่คะ!”
ลู่เสวี่ยกระโดดขึ้นและลงเหมือนกระต่ายสีขาวตัวเล็กๆ ที่อารมณ์ดี เธออ้าแขนและกอดฟางอวิ๋นเอาไว้ “พวกเรากลับมาแล้วค่ะ!”
“เจ้าลูกคนนี้นี่”
ฟางอวิ๋นตบเบาๆ ไปหนึ่งที “เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ยังไม่รู้จักโตอีก”
มีแขกอยู่นะ ลูเสวี่ยแลบลิ้น รีบปล่อยฟางอวิ๋นออกจากอ้อมกอด
ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เดินขึ้นไปข้างหน้า เฉินเฟยเอ๋อร์สนิทสนมกับฟางอวิ๋นอยู่แล้ว “คุณป้า…”
หลังจากนั้นก็เริ่มแนะนำซือฟางอย่างเป็นทางการ
ซือฟางพูดอย่างมีมารยาท “คุณนายลู่ ฉันชื่อซือฟางนะคะ ขอรบกวนด้วยนะคะ”
ฟางอวิ๋นยกยิ้มพร้อมกับจับมือเธอไว้ ก่อนจะพูดว่า “ยินดีต้อนรับนะคะ คุณซือเป็นแขกสำคัญ ฉันจะรีบต้อนรับเลยละสิไม่ว่า คุณคิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองนะ อย่าได้เกรงใจเด็ดขาด”
ซือฟางยิ้มก่อนตอบ “ขอบคุณค่ะ…”
ลู่เฉินและคนอื่นๆ พักที่เมืองปินไห่สามวัน สามวันนี้ซือฟางพักอยู่ที่คฤหาสน์ของลู่เฉิน ทิ้งผู้ช่วยของตนไว้ที่เมืองหังโจว เธอมาในฐานะเพื่อนจริงๆ
เงียบไปครู่หนึ่ง เธอเอ่ยออกมาอย่างนับถือว่า “คุณนายลู่คะ คุณยังสวยและวัยรุ่นอยู่เลย ฉันต้องขอความรู้เรื่องความลับการดูแลตัวเองแล้วค่ะ”
สมัยยังสาวฟางอวิ๋นเองก็เป็นสาวงามที่เลื่องลือไปทั่ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางให้กำเนิด ‘ผลงานคุณภาพ’ อย่างสามพี่น้องตระกูลลู่ออกมาได้หรอก ผิวโดยธรรมชาติก็ดีมากแล้ว อายุสี่สิบกว่าแต่ไม่แก่เลย
แต่ช่วงที่ลู่ชิ่งเซิงเพิ่งจะเสียชีวิตไปในหลายปีนั้น เพื่อใช้หนี้ให้ครอบครัว ฟางอวิ๋นใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาก วันคืนผ่านไปนางซูบผอมไปมาก แต่สองปีมานี้สีหน้าเธอไม่เพียงกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว ยังดูดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เมื่อเธอยืนเคียงข้างเฉินเฟยเอ๋อร์ หากบอกว่าเป็นพี่น้องกันก็คงมีคนเชื่อ ไม่น่าซือฟางถึงได้ประหลาดใจมาก
ฟางอวิ๋นพูดว่า “คุณซือต่างหากที่ยังวัยรุ่นและสวยงามของจริง พวกเราไปคุยกันในบ้านเถอะค่ะ”
คืนนั้นฟางอวิ๋นลงครัวเอง เธอใช้ความสามารถทั้งหมดทำอาหารเลิศรสเพื่อแขกที่เดินทางมาไกล ทำให้ซือฟางชมเปาะไม่หยุดปาก
คนที่ปกติแล้วจะระวังเรื่องอาหารการกินอย่างเธอ ยังกินอิ่มไปถึงแปดเก้าส่วนเลย
มือนี้กินอย่างเบิกบานจริงๆ
หลังจากมื้ออาหารเย็นแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์และลู่เสวี่ยก็แย่งกันล้างจาน สุดท้ายลู่เสวี่ยแย่งชนะ เฉินเฟยเอ๋อร์ทำได้เพียงรั้งซือฟางให้ร่วมดื่มชาหลังมื้ออาหารด้วยกัน
ลู่เฉินเองก็มีเรื่องอยากจะสนทนากับแม่ของเขา “แม่ครับ ผมซื้อบ้านหลังใหญ่ที่เมืองหังโจว ตอนนี้ลู่เสวี่ยเองก็กำลังเรียนมหาวิทยาลัยที่หังโจว แม่ย้ายไปอยู่ที่หังโจวดีไหม จะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวที่นี่”
ฟางอวิ๋นหัวเราะพลางส่ายหน้าตอบว่า “แม่ยังไม่เกษียณเลย จะไปทำอะไรที่หังโจวล่ะ อีกอย่างแม้ว่าพวกลูกจะไม่อยู่ที่นี่ แต่แม่ไม่เหงาหรอกนะ ที่หังโจวนี่สิถึงจะไม่มีเพื่อนฝูงเลย”
“ลูกไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอก แม่สบายดีมาก หากว่าลูกสงสารแม่จริงๆ อย่างนั้นก็รีบแต่งงานกับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วมีหลานสักคนให้แม่เลี้ยง อย่างนี้สิแม่ถึงจะไม่เหงา”
ในเมื่อแม่พูดมีเหตุผลอย่างนี้ ลู่เฉินเองก็จนใจจะเอ่ยต่อแล้ว
ที่จริงแล้วไม่ว่าเขาอยู่ภายนอกจะโด่งดังแค่ไหน หาเงินได้เท่าไร ที่ห่วงหาที่สุดในใจก็ยังคงเป็นการที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา และใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสวยงาม
…………………………………………