Perfect Superstar - ตอนที่ 661 ปฏิเสธการยั่วยวน
ตอนที่ 661 ปฏิเสธการยั่วยวน
อยู่ในวงการบันเทิง ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งล่อลวงต่างๆ
เงินทอง ชื่อเสียง ความงาม…น้อยคนนักที่จะควบคุมตัวเองได้ คนที่ตกไปอยู่ในห้วงดังกล่าวมันมีนับไม่ถ้วน
ตั้งแต่ลู่เฉินเข้าวงการมา เขาผ่านประสบการณ์การถูกยั่วยวนแบบนี้มากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะปกติเขาระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างดี เกรงว่าจะต้องเจอเรื่องแบบนี้มากกว่านี้สองสามเท่ากระทั่งสิบกว่าเท่า
ดาราที่เป็นที่นิยมสูงอย่างลู่เฉิน ทั้งยังไม่แต่งงาน แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ชายที่เหมือนเพชรหรือทองคำในวงการ ดึงดูดผู้หญิงมากมายให้มาสนใจเขาเป็นเรื่องปกติ ถ้าเขายินยอม เขาอยากจะเล่นด้วยสักกี่คนก็ได้
ศิลปินบางคนเป็นแบบนี้ กินมั่วไปหมดอย่างตามใจตัวเอง ทั้งยังสร้างข่าวฉาวเพื่อเพิ่มความดังให้กับตัวเอง เพียงแค่ยังไม่แต่งงานคำวิจารณ์ก็มักจะอะลุ้มอล่วยให้ ทุกคนไม่ถือสาหาความ
จินเจียน่ายังอายุน้อย และสวยมาก มีลักษณะแบบสาวต่างชาติ อีกทั้งเธอยังแอบเปิดโอกาสให้อย่างชัดเจน ผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่หวั่นไหว ลู่เฉินก็เหมือนกัน
แต่ลู่เฉินไม่เหมือนกับคนอื่น เขามีความเชื่อและความมั่นคงของตัวเอง มีคนรักที่เขาต้องทะนุถนอม
ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธจินเจียน่า
ต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องความรัก ลู่เฉินก็ไม่ชอบนำเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ถ้าเกิดเขามีความสัมพันธ์อะไรกับฝ่ายนั้น ก็เท่ากับเป็นการฝังลูกระเบิดเอาไว้ในกองละคร
จินเจียน่าคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะปฏิเสธเธออย่างง่ายดายขนาดนี้ ราวกับไม่ทันได้คิดเลย ทำให้เธอที่ปกติประสบความสำเร็จเรื่องผู้ชายเสมอรู้สึกแปลกใจมากจนอึ้งไป
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย โบกขวดน้ำแร่ในมือบอกว่า “แล้วก็ ขอบคุณครับสำหรับน้ำ”
นี่หมายถึงการไล่แขก
แต่จินเจียน่าไม่ยอมแพ้ ยังอยากจะลองอีกครั้ง “อาจารย์ลู่เฉินคะ…”
“พี่ลู่เฉิน!”
ตอนนั้นเอง เสียงไพเราะสดใสดังมาจากเบื้องหลังของลู่เฉิน
ลู่เฉินอดหันไปดูไม่ได้ แล้วก็ต้องยิ้มออกมา “เสี่ยวชู”
คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมู่เสี่ยวชู
มู่เสี่ยวชูไม่ได้อยู่ในกองถ่าย ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ เธอปรากฏตัวที่นี่ แน่นอนว่ามาเยี่ยมชมงาน
วันนี้อากาศร้อน เธอสวมเสื้อยืดลายการ์ตูนแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ขาสั้น ท่อนขาคู่ขาวราวเนื้อหยกดูล่อตา ผมยาวสยายกับรอยยิ้มอ่อนหวาน เหมือนกับนักศึกษาสาวสวยประจำมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง
เทียบกับจินเจียน่าแล้ว มู่เสี่ยวชูไม่ได้ดูเซ็กซี่น่าดึงดูด แต่เธอสดใสน่ารัก มีความบริสุทธิ์ที่ไม่ถูกแปดเปื้อน ทำให้ฝ่ายแรกดูจืดเจื่อนไป!
ลู่เฉินลุกขึ้นยืน ยิ้มถามว่า “เธอมาได้ยังไง”
มู่เสี่ยวชูเอามือไพล่หลัง หัวเราะคิกคักวิ่งมาหยุดตรงหน้าเขาตอบว่า “วันนี้หนูหยุดพักผ่อน ได้ยินพี่เฟยบอกว่าพี่มาถ่ายละครที่มหาวิทยาลัยของหนู เลยมาเยี่ยมทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี!”
ลู่เฉินเข้าใจแล้ว
มู่เสี่ยวชูเป็นนักศึกษาของวิทยาลัยภาษาต่างประเทศแห่งปักกิ่ง ตอนแรกที่เธอเข้าร่วมประกวดรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เธอยังอยู่ปีหนึ่ง แม้ต่อมาเธอได้เซ็นสัญญากับเฟยสือเรคคอร์ดแล้ว แต่เธอไม่ได้ลาออกจากวิทยาลัยไปเลย
ดังนั้นที่เธอบอกว่าตัวเองเป็น ‘เจ้าบ้าน’ ไม่ถือว่าผิด
ลู่เฉินยิ้ม “ดีสิ มื้อเที่ยงนี้เธอเลี้ยงด้วย!”
“เลี้ยงก็เลี้ยงสิ”
มู่เสี่ยวชูตอบรับอย่างว่าง่าย “หนูรู้ว่าแถวนี้มีร้านไหนอร่อยบ้าง”
ลู่เฉินโบกมือ “ไปเถอะ!”
เขาหันไปพยักหน้าให้จินเจียน่า จากนั้นสั่งงานกับผู้ช่วยไม่กี่ประโยค แล้วตามมู่เสี่ยวชูออกไปหาอะไรกิน
จินเจียน่ามองดูเงาเบื้องหลังของคนทั้งสอง ได้แต่กัดริมฝีปากอย่างแรง
“ผู้หญิงคนนี้ต้องอยากยั่วยวนพี่แน่นอน…”
ระหว่างทางเดินในสวนป่าของวิทยาลัย มู่เสี่ยวชูพูดกับลู่เฉินด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พี่ลู่เฉิน พี่ต้องระวังนะ”
ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก “ยั่วยวนอะไรกันเล่า เด็กน้อยอย่าซี้ซั้วพูด”
“หนูไม่ใช่เด็กน้อยนะ…”
มู่เสี่ยวชูย่นจมูก บ่นกระปอดกระแปดว่า “หนูมองออก เธอไม่ประสงค์ดี!”
ลู่เฉินยิ้มแล้วส่ายหัว ไม่ได้โต้เถียงกับเธอต่อ
มู่เสี่ยวชูเป็นห่วงเขา อีกอย่างตอนนี้เธอก็โตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว
“เธอจะพาพี่ไปไหน”
แม้สั่งให้ผู้ช่วยบอกกับผู้กำกับแล้ว แต่เวลาพักเที่ยงนั้นมีไม่นาน เขาไม่อยากไปไกลแล้วปล่อยให้คนอื่นรอเขากลับมา
ที่ที่มู่เสี่ยวชูพาลู่เฉินไปรับประทานอาหาร เป็นร้านในซอยแห่งหนึ่งนอกวิทยาลัย
ซอยนี้ดูเก่าแก่ แน่นอนว่าต้องเป็นถนนแห่งอาหารเลิศรส สองฝั่งข้างทางมีร้านอาหารเล็กๆ ร้านชานม ร้านกาแฟตั้งอยู่เรียงราย ทำธุรกิจขายของให้กับเหล่านักศึกษา
แต่เพราะเป็นช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน แม้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้มีลูกค้ามากนัก
มู่เสี่ยวชูพาลู่เฉินมาที่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง
หาที่นั่งได้แล้ว เธอยิ้มบอกกับลู่เฉินว่า “เมื่อก่อนตอนที่หนูมาเรียน ชอบมากินที่ร้านนี้กับเพื่อนๆ เนื้อวัวตุ๋นซอสเครื่องเทศ หมี่สามสหาย กับข้าวผัดไข่ของที่นี่อร่อยมาก!”
ลู่เฉินพยักหน้า “ถ้างั้นสั่งมาอย่างละหนึ่งที่ พี่รู้สึกหิวจนจะกลืนวัวได้ทั้งตัวแล้ว!”
มู่เสี่ยวชูหัวเราะ แล้วเรียกเถ้าแก่เนี้ยมารับรายการอาหาร
เถ้าแก่เนี้ยจำทั้งลู่เฉินและมู่เสี่ยวชูได้ รู้สึกประทับใจจนมือที่ถือเมนูอาหารสั่นไปหมด สั่งเสร็จแล้วยังขอให้ทั้งสองช่วยเซ็นชื่อให้ด้วยความดีใจ
รู้จักมู่เสี่ยวชูไม่ใช่เพราะเธอเป็นสมาชิกวงเอ็มเอสเอ็นที่กำลังโด่งดังที่สุดในประเทศตอนนี้ แต่เพราะเป็นลูกค้าเก่าแก่ ส่วนลู่เฉินเถ้าแก่เนี้ยรู้จักเพราะเธอดูละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ กับ ‘ฟูลเฮ้าส์’
เธอเป็นแฟนคลับของลู่เฉิน!
โชคดีที่ในร้านมีแขกไม่กี่คน ไม่อย่างนั้นคงจะลำบากแน่
มู่เสี่ยวชูแนะนำได้ไม่เลว อย่ามองว่าเป็นร้านอาหารเล็กๆ ในร้านไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก แต่สภาพร้านกับอาหารสะอาดดี ทั้งอาหารและบะหมี่ก็ยังอร่อยถูกปาก
โดยเฉพาะเนื้อวัวตุ๋นซอสเครื่องเทศที่หั่นเป็นแผ่นๆ ได้บางเหมือนปีกจักจั่น ละลายทันทีเมื่อเข้าปาก รสชาติของเนื้อก็ชุ่มฉ่ำ
ลู่เฉินกินหมดจานในเวลาอันรวดเร็ว!
ส่วนหมี่สามสหายกับข้าวผัดไข่ก็อร่อยมาก เขาออกกำลังกายหนักทุกวัน ปริมาณอาหารจึงต้องมากตาม รับประทานอย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนมู่เสี่ยวชูกินบะหมี่เข้าไปครึ่งชามก็ไม่กินแล้ว เวลาที่มากกว่านั้นเอาไว้มองดูลู่เฉินกิน
ลู่เฉินหัวเราะ “เธอกินเยอะๆ หน่อย ไม่ต้องห่วงเรื่องหุ่น ร่างกายต้องการสารอาหารที่เพียงพอ”
มู่เสี่ยวชูพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก้มหน้าใช้ตะเกียบกินบะหมี่จนหมด
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอเอ่ยปากถามอย่างลังเลว่า “พี่ลู่เฉินคะ คืนวันมะรืนพี่ว่างไหม”
“คืนวันมะรืน?”
ลู่เฉินคิดอย่างละเอียด ก่อนจะตอบว่า “น่าจะว่างนะ นอกจากมีการถ่ายละครเพิ่ม”
เขาถามต่อ “ทำไมเหรอ”
มู่เสี่ยวชูบิดไปมาอย่างเอียงอาย “วันมะรืนมีงานแฟนมีตติ้ง ทางบริษัทจัดให้ พี่ลู่เฉินจะมา…”
ลู่เฉินพยักหน้า “ได้แน่นอนไม่มีปัญหา จัดที่ไหน พี่ต้องไปให้ได้!”
เขามองมู่เสี่ยวชูเป็นน้องสาว การไปโชว์ตัวที่งานแฟนมีตติ้งของน้องสาวก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ
มู่เสี่ยวชูยิ้มหวานเหมือนดอกไม้บาน “ดีจังเลย!”
ลู่เฉินยิ้มพลางยื่นมือออกไปหยิบเศษบะหมี่ที่ติดอยู่ข้างมุมปากของเธอออกให้
มู่เสี่ยวชูตะลึง แล้วปื้นสีแดงปื้นใหญ่ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ
…………………………………………