Perfect Superstar - ตอนที่ 679 ยอมแพ้
ตอนที่ 679 ยอมแพ้
วันที่ 13 เดือนสิงหาคม ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์กลับมาถึงปักกิ่ง
หลายเดือนมานี้ เพราะต้องอัดรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า บวกกับภารกิจงานอื่นๆ ทั้งสองบินไปมาระหว่างปักกิ่งและเมืองหังโจวถึงสิบกว่าครั้ง ทำให้ลู่เฉินอยากจะซื้อเครื่องบินส่วนตัวเลยทีเดียว
แม้ว่าการคมนาคมระหว่างปักกิ่งและหังโจวจะสะดวกมากแล้ว เที่ยวบินในแต่ละวันและรถไฟความเร็วสูงก็มีเยอะมาก แต่ในฐานะที่เป็นดาราไอดอล การเดินทางก็มักจะมีเรื่องไม่สะดวกต่างๆ นานา แฟนคลับบางคนก็รู้รอบด้านจริงๆ พวกเขามักจะได้รับทราบข้อมูลการเดินทางของทั้งสองล่วงหน้าก่อนเสมอ หลังจากนั้นก็มาเฝ้าติดตามดาราที่สนามบิน แม้ว่าจะหลบไปใช้ช่องทางวีไอพีก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกดักเอาไว้
และตั้งแต่ไหนแต่ไรลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกับเหล่าแฟนคลับมาโดยตลอด ดังนั้นหากมีแฟนคลับมารับที่สนามบินก็ต้องถ่ายรูปคู่หรือโดนถ่ายรูปเสมอ สุดท้ายกลับดึงดูดแฟนคลับให้มามากยิ่งขึ้น ทำให้ทั้งสองคนอดที่จะกังวลไม่ได้
ถ้าหากมีเครื่องบินส่วนตัวอย่างนั้นก็คงสะดวกมากขึ้น แต่น่าเสียดายที่การควบคุมการบินภายในประเทศนั้นเข้มงวดมาก และขั้นตอนการขอใช้เส้นทางก็ซับซ้อนและใช้เวลานาน แม้ว่าลู่เฉินจะสามารถซื้อเครื่องบินได้ ก็ยังถือว่าลำบากอยู่สำหรับการใช้งานในแต่ละวัน
ที่ยุ่งยากไม่เพียงแค่เหล่าแฟนคลับติดตามดาราที่บ้าคลั่งเหล่านั้น คนที่ได้รับโอกาสอยู่ในมือแล้วก็ยุ่งยากเหมือนกัน
“พวกเธอไม่พอใจในสัญญาความร่วมมือเหรอ”
วันที่สองหลังจากกลับมาที่ปักกิ่ง ลู่เฉินได้รับโทรศัพท์จากลู่ซีเมื่ออยู่ที่โรงถ่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์ไหวโหรว เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
สิ่งที่พี่สาวเพิ่งบอกเขาก็คือ เรื่องที่จะเซ็นสัญญากับอันซิน
อันซินได้รับตำแหน่งแชมป์เปี้ยนในรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ในฐานะนักเรียนในทีมของเฉินเฟยเอ๋อร์ ตามที่รายการประกาศไว้ในตอนแรก นอกจากเธอจะได้รับเงินรางวัลก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งแล้ว ยังได้รับโอกาสเซ็นสัญญากับเฉินเฟยมีเดียอีกด้วย
และก่อนหน้านี้อันซินยังแสดงให้เห็นว่าเธอเองก็รอคอยที่จะได้เซ็นสัญญากับเฉินเฟยมีเดียเช่นกัน
นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย แม้ว่าเฉินเฟยมีเดียจะเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน แต่ในวงการนี้ถือว่ามีชื่อเสียงมากๆ มีลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ที่เป็นดาราดังอยู่ ศิลปินใหม่หากได้เซ็นสัญญามาอยู่ในบริษัท นั่นก็โชคดีมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลู่เฉิน ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานชั้นยอดมาแล้วมากมาย มีแนวโน้มที่จะเป็นเจ้าพ่อเพลงป็อปคนใหม่เลยละ
ตราบใดที่เขาอยู่ในวงการเป็นเวลานานพอ และผลิตผลงานออกมามากกว่านี้ ก็ต้องได้รับเกียรติอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อมีพื้นฐานอย่างนี้ อันซินก็ยินดี ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกดีกับนักร้องที่ขยันมากๆ คนนี้เป็นอย่างยิ่ง การเซ็นสัญญาควรเป็นเรื่องที่ราบรื่นสิ ทำไมถึงเกิดติดขัดขึ้นมาได้นะ
“ทำไมเป็นอย่างนี้ได้”
ลู่เฉินรู้สึกแย่มาก ไม่ได้เป็นเพราะว่าไม่ได้เซ็นสัญญากับอันซินจึงรู้สึกว่าจะเกิดผลเสียกับเฉินเฟยมีเดียหรืออย่างไร แต่เป็นเพราะเขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีกลิ่นตุๆ เกิดขึ้น
ลู่ซีพูดว่า “ผู้จัดการของเธอรับมือยาก เธอยื่นข้อเสนอมามากมาย ฉันสรุปไว้แล้ว ก็แทบจะอยากได้เงินเดือนและสวัสดิการเทียบเท่ากับดารานักแสดงชั้นแนวหน้าเลย พวกเรายังต้องตั้งสตูดิโอเดี่ยวให้เธอภายใต้ชื่อบริษัทเราอีกด้วย”
ลู่เฉินอ้าปากค้างหมดคำพูดทันที
เพื่อที่จะขยายขนาดและความสามารถ บริษัทเฉินเฟยมีเดียในตอนนี้ได้เปลี่ยนกลยุทธ์การพัฒนา จากที่ไม่เซ็นสัญญากับใครเลย ก็เริ่มดึงดูดผู้มีความสามารถที่โดดเด่นให้เข้ามาร่วมงาน และมีน้องใหม่ที่โดดเด่นหลายคนภายใต้สังกัดเฉินเฟยมีเดียแล้ว
แตกต่างจากบริษัทเอเจนซี่ในวงการบันเทิงหลายแห่งที่แทบจะขูดเลือดขูดเนื้อศิลปินในสังกัดของตัวเอง สัญญาจ้างงานของศิลปินในสังกัดเฉินเฟยมีเดียไม่เอารัดเอาเปรียบเลย สวัสดิการต่างๆ ก็สูงกว่าระดับกลางของคนในอาชีพเดียวกัน ทั้งยังมีความใจกว้างในด้านข้อจำกัดของแต่ละคน ต่อให้ศิลปินฉีกสัญญาแล้วจากไปไม่ต้องเสียค่าฉีกสัญญามากมายนัก ทั้งยังมีอิสระเป็นอย่างมาก
เหตุผลด้านหนึ่งก็เพราะว่าลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องหาเงินจากการสรรหาคนหน้าใหม่ หากเหมาะสมก็อยู่ด้วยกัน หากไม่เหมาะสมก็แยกย้ายกันไป แม้ว่าวิธีการดำเนินงานแบบนี้จะดูไม่ค่อยเป็นธุรกิจหรือไม่ค่อยเป็นมืออาชีพเท่าไรนัก แต่ลู่เฉินคิดว่าเฉินเฟยมีเดียก็น่าจะเป็นบริษัทที่มีน้ำใจบริษัทหนึ่งทีเดียว
เมื่อคราวที่ลู่เฉินเริ่มเข้าวงการนั้น ก็เคยเจอกับเรื่องที่ถูกบังคับให้เซ็นสัญญาไม่เป็นธรรม ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาไม่อยากให้เฉินเฟยมีเดียกลายเป็นอย่างที่ตนเกลียด
และสัญญาที่ให้อันซินนั้นก็ไม่ใช่สัญญาสำหรับศิลปินหน้าใหม่ เป็นสัญญาเอเจนซี่ที่มีระดับสูงกว่า แน่นอนว่าเงื่อนไขต้องดีกว่าแน่
สุดท้ายกลับถูกปฏิเสธเสียแล้ว
เขาคิดดู ก่อนจะพูดว่า “แตงที่ฝืนเด็ดจากต้น ย่อมไม่หวาน ในเมื่อเจรจาไม่สำเร็จ อย่างนั้นก็ยอมแพ้เถอะ”
ลู่ซีเสียดายมาก “ที่จริงอันซินไม่เลวเลย แต่ผู้จัดการคนนี้ของเธอนี่…เฮ้อ ช่างเถอะ”
ตอนนี้เธออยู่หังโจว เคยสัมผัสกับอันซินมาบ้าง เข้าใจในตัวอันซินอยู่บ้าง
ในฐานะแชมป์ของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ตอนนี้อันซินได้รับความนิยมอย่างมาก เธอมีแฟนคลับในบล็อกมากกว่า ห้าล้านคน และมีบริษัทแผ่นเสียงและบริษัทเอเจนซี่หลายแห่งที่ได้ยื่นไมตรีให้เธอ
นี่คงเป็นสาเหตุที่ผู้จัดการส่วนตัวของเธอกล้าที่จะยื่นข้อต่อรองกับเฉินเฟยมีเดียอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อวางสายแล้ว ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ
เฉินเฟยเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้านข้างเขาถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทางอันซินเกิดปัญหา?”
ลู่เฉินพยักหน้า ก่อนจะเล่าเรื่องราวย่อๆ ให้ฟัง
หลังจากที่เฉินเฟยเอ๋อร์ฟังจบก็หมดคำพูดทันที เธอได้สัมผัสกับอันซินนานที่สุด และรู้สึกดีกับเด็กสาวที่ใบหน้าธรรมดา แต่ขยันหมั่นเพียรและมีพรสวรรค์คนนี้อย่างมาก ดังนั้นจึงยินดีที่จะเซ็นสัญญากับอันซิน
แต่ผลปรากฏว่าตอนนี้เหมือนเธอเอาใบหน้าร้อนๆ ของตนไปแนบกับก้นเย็นๆ ของคนอื่นอย่างงั้นเลย
แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คาดไม่ถึงอะไร คนเราก็ล้วนเปลี่ยนกันได้เสมอ โดยเฉพาะบ่อน้ำแห่งวงการบันเทิงนี้ หลังจากเข้าไปแล้วเมื่อจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเร็วอย่างนี้แหละ
ตอนแรกอันซินเป็นนักร้องตัวเล็กๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้ดังพอๆ กับดาราระดับสองและสามแล้ว หากจะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ กำลังเป็นที่นิยมเรียกร้องผลประโยชน์ที่สูงขึ้นก็เป็นเรื่องปกติ
แม้ว่าเธอจะไม่มีความคิดอะไรมากนัก แต่ผู้จัดการที่รับค่าคอมมิชชันคงไม่มีทางยอมแพ้แน่ๆ
“อย่างนั้นก็ช่างเถอะ…”
เฉินเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกเสียดายเช่นกัน แต่ไม่ได้เสนอเงื่อนไขใดๆ มากขึ้นเพื่อตอบสนองความคิดของอีกฝ่าย
ไม่ใช่เพราะว่าลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ตระหนี่ แต่เพราะความนิยมของอันซินนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น และข้อเสียของเธอที่จริงก็ชัดเจนมาก การนำพาเธอขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงยิ่งขึ้นไปอีกก็ต้องแลกมาด้วยอะไรที่มากกว่าเช่นกัน
สำหรับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้น
กริ๊งๆ
สุดท้ายเมื่อเฉินเฟยเอ๋อร์เพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์ส่วนตัวของเธอดังขึ้น
คนที่โทรหาเธอก็คืออันซินนั่นเอง
เฉินเฟยเอ๋อร์รับสายนี้ หลังจาก อืมๆ อาๆ อยู่สองสามนาทีก็วางสายลง
ลู่เฉินยกยิ้มก่อนจะถามว่า “เธอว่าไงบ้าง”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดอย่างเกียจคร้าน “ไม่ได้พูดอะไรหรอก ก่อนอื่นก็ขอโทษ และหวังว่าเราจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขบางข้อได้ เธอยังบอกด้วยว่าผู้จัดการของเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของเธอหรืออะไรสักอย่าง สรุปก็คือ…”
“ช่างเถอะ!”
เธอโยนโทรศัพท์ไปด้านข้าง เหมือนโยนภาระอะไรสักอย่างทิ้งไป
แม้ว่าภายนอกเฉินเฟยเอ๋อร์จะแสดงให้ผู้คนเห็นด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรและอ่อนโยนอยู่เสมอ แต่เธอก็ทระนงตนมาก
แม้ว่าอันซินจะโทรศัพท์มาขอโทษและอธิบาย แต่เธอยังคงรู้สึกเสียใจ
รู้สึกว่าตนนั้นได้เสียความรู้สึกไปมากมาย
อย่างนั้นก็ยอมแพ้เถอะ
ลู่เฉินกุมมือแฟนสาวก่อนจะบีบลงอย่างต้องการปลอบใจ ในขณะเดียวกันก็โยนเรื่องนี้ออกไปจากสมองทันที
แต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ ความยุ่งยากเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
………………………………