Perfect Superstar - ตอนที่ 732 ขึ้นแสดงคู่กันไปเลย!
ตอนที่ 732 ขึ้นแสดงคู่กันไปเลย!
“เยี่ยมมาก!”
สำหรับเพลงแรกที่ลู่เฉินนำมานั้น เฉินกั๋วจื้อไม่ลังเลที่จะเอ่ยชมเชย “มีเอกลักษณ์มาก!”
ตอนที่หยิบหูฟังขึ้นมา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก และถึงกับรู้สึกอคติเล็กน้อย แต่หลังจากฟังเพลงนี้แล้ว ผู้กำกับใหญ่ท่านนี้ก็ได้มีทัศนคติที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และชื่นชมเขาจากใจ
แม้ว่าเฉินกั๋วจื้อจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ แต่ความสามารถในการประเมินผลงานดนตรีของเขาไม่ได้ด้อยเลย และในผลงานภาพยนตร์ของเขา ก็ให้ความสำคัญกับเพลงประกอบภาพยนตร์เสมอ ดังนั้นเขาจึงสามารถประเมินค่าของเพลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ
สิ่งนี้ทำให้ผู้ช่วยที่นั่งข้างเขาประหลาดใจ เพราะเฉินกั๋วจื้อไม่ค่อยพูดยกย่องชมเชยการใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งกว่านั้นดาราไอดอลยุคปัจจุบัน ก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรสำหรับเขาเท่าไร เพราะฉะนั้นการได้รับการประเมินว่า ‘ดีมาก’ จากปากของเขานั้นถือว่ายากมาก
ด้วยฐานะและระดับของเฉินกั๋วจื้อในตอนนี้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องสรรเสริญหรือยกย่องลู่เฉินเลย แม้ว่าลู่เฉินจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงที่โด่งดังที่สุดในประเทศจีน ดังนั้นคำชมของเขามีคุณค่าประหนึ่งทองคำ
พูดได้เลยว่าหากสองคำนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็เพียงพอแล้วที่จะอยู่บนหน้าแรกของสื่อบันเทิงต่างๆ มากมาย!
ลู่เฉินกล่าวอย่างสุภาพ “ขอบคุณสำหรับคำชมของผู้กำกับเฉินครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์แอบยกนิ้วโป้งให้เขา คำชมของเฉินกั๋วจื้อต่อลู่เฉินนั้นทำให้เธอรู้สึกเป็นเกียรติ
เฉินกั๋วจื้อโบกมือและพูดอย่างกระตือรือร้น “ผมจะฟังเพลงที่สอง…”
เขาสวมหูฟังอีกครั้งแล้วกดปุ่มเล่นบนเครื่องเล่นเพลง
ห้านาทีต่อมา
เมื่อฟังเพลงที่สองจบ เฉินกั๋วจื้อตกอยู่ในภวังค์ความเงียบอย่างเกินความคาดหมาย ดูเหมือนกับว่าเขากำลังขบคิดปัญหาที่ยากจะเข้าใจ เป็นพักใหญ่โดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
โชคดีที่ทุกคนมีความอดทนพอที่จะรออย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้กำกับใหญ่ถอนหายใจและพูดว่า “ตอนนี้ผมสับสนมาก…”
ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
เพียงฟังเฉินกั๋วจื้อพูดต่อ “สองเพลงนี้โดดเด่นจริงๆ จนผมไม่รู้ว่าจะเลือกเพลงไหนสำหรับงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิดี พวกคุณก็น่าจะรู้ ตามหลักการแล้วศิลปินดาราสามารถเข้าร่วมแสดงในงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิได้เพียงรายการเดียวเท่านั้น”
ในฐานะที่เป็นรายการวาไรตี้ขนาดใหญ่ที่มีเรตติ้งสูงสุดและจำนวนผู้ชมที่มากที่สุดในโลก ปฏิเสธไม่ได้ถึงอิทธิพลของงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน ทำให้รายการนี้กลายเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าเป็นพิเศษ
สำหรับงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลินั้นมีรายการแสดงมากเกินไปจริงๆ รายการแสดงที่จะได้รับคัดเลือกมักจะต้องผ่านการพิจารณาหลายขั้นตอน และมีค่าใช้จ่ายสูงถึงจะสามารถขึ้นแสดงบนเวทีที่ผู้ชมตั้งตารอคอยได้
อิทธิพลของงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่มีต่อศิลปินดารายิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ดังนั้นงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิจึงมีกฎเกณฑ์ที่รู้กันว่าศิลปินดาราสามารถเข้าร่วมแสดงได้เพียงรายการเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเบื่อและรำคาญได้!
ตอนนี้ลู่เฉินนำเพลงมาสองบทเพลง จากผลงานของเขาแล้ว การแสดงที่เขาจะเข้าร่วมต้องเป็นการร้องเพลงอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะน่าเกลียดจนเกินไป
เฉินกั๋วจื้อชอบทั้งสองเพลงมาก แต่ถึงอย่างไรจะให้ลู่เฉินขึ้นแสดงสองรายการติดต่อกันคงไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะ
มันเป็นการฝืนกฎน่ะสิ!
แม้ในครั้งนี้ในฐานะผู้กำกับหลักของงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เขาค่อนข้างมีอำนาจในการตัดสินใจก็ตาม แต่การยกเว้นให้เป็นกรณีแรกแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ดังนั้นเขาถึงได้รู้สึกขัดแย้งในใจ
เมื่อเข้าใจความคิดของเฉินกั๋วจื้อลู่เฉินก็ยิ้มขึ้นทันใด “ผู้กำกับเฉิน คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกขัดแย้ง ผมขึ้นร้องแค่เพลงแรกก็ได้ ส่วนเพลงที่สอง ผมยินดีมอบให้งานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางไปเลยฟรีๆ!”
เขาใช้เวลาเพียงสองวันในการแต่งบทเพลงทั้งสองนี้ขึ้นมา จากนั้นมีการอัดเดโมในสตูดิโอของเฉินเฟยมีเดีย และสำเนาเดโมก็อยู่ในมือของเฉินกั๋วจื้อ
ลู่เฉินได้ปรึกษากับเฉินเฟยเอ๋อร์มาก่อนหน้านี้ และเขารู้กฎของงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิดี ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าตนเองจะได้แสดงทั้งสองรายการ ส่วนเพลงที่สองเขาเอามาเพื่อซื้อน้ำใจ!
ไม่ว่าจะมอบให้สถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนหรือเฉินกั๋วจื้อก็ล้วนแต่คุ้มค่าทั้งนั้น
“มอบให้งานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางฟรีๆ เลยเหรอ”
ความคิดของเฉินกั๋วจื้อเอนเอียง ดวงตาของเขาเป็นประกาย ตบมือฉาด “ไม่เลว เพลงที่สองเหมาะกับวิธีการร้องแสนไพเราะมากกว่า เอาไว้สำหรับตอนปิดท้ายรายการจะดีมาก…”
เขามองดูลู่เฉินด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากเดิม “เสี่ยวลู่ คุณเก่งมากจริงๆ”
เฉินกั๋วจื้อเห็นศิลปินหนุ่มมานักต่อนักแล้ว แต่ดาราหนุ่มที่มีพรสวรรค์และมารยาทดีอย่างลู่เฉินนั้นหายากจริงๆ เขาพอใจอย่างมากจนยากเกินที่จะบรรยายออกมา
ครั้งนี้มาถูกทางแล้ว!
ผู้ช่วยของเฉินกั๋วจื้อตกใจจนลูกตาแทบจะหลุดจากเบ้า เขาอยากจะแย้งออกไปเหลือเกิน ‘บอส คุณชื่นชมอย่างนี้จะดีจริงๆ เหรอ’
ความชื่นชมของเฉินกั๋วจื้อที่มีต่อลู่เฉิน แสดงออกทางใบหน้าหมดแล้ว
“อย่างนี้ก็แล้วกัน เพลงแรกในเมื่อเป็นการร้องหมู่…”
ผู้กำกับใหญ่เฉินชี้ไปที่ลู่เฉิน จากนั้นก็ชี้ไปที่เฉินเฟยเอ๋อร์ตามลำดับ “งั้นพวกคุณทั้งสองก็ขึ้นแสดงคู่กันไปเลยสิ!”
หา?
คำแนะนำของเฉินกั๋วจื้อที่เสนอมา เป็นสิ่งที่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่เคยคิดมาก่อน
เฉินเฟยเออร์ยิ้มอย่างขมขื่น “ผู้กำกับเฉิน ฉันเคยแสดงในงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิมาแล้วสองครั้ง…”
ในวงการเพลงป็อป ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่นักร้องหญิงคนเดียวที่เข้าร่วมแสดงในงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิถึงสองครั้ง แต่ก็ถือว่ามีน้อยคนจริงๆ
สำหรับผู้ที่เคยแสดงมาแล้วสามครั้งนั้น ไม่เคยมีแม้แต่คนเดียว!
แต่ถ้าไม่ใช่นักร้องเพลงป็อป การขึ้นแสดงในงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลินับสิบครั้งละก็มีให้เห็น เรียกได้ว่าเป็นงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่เขียวชอุ่มตลอดปีอย่างแท้จริง
สำหรับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้ว ความดึงดูดใจของงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลินั้นไม่ได้มากมายอะไร แต่หากได้แสดงคู่กับลู่เฉินก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นหากบอกว่าไม่สนใจก็คงจะเป็นการโกหก
เฉินกั๋วจื้อยิ้มพลางพูดว่า “สองครั้งแล้วจะเป็นอะไรไป ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่คุณขึ้นแสดงในงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิคือปี 2013 ผ่านมาตั้งห้าปี ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”
เขาหยิบเพลงของลู่เฉินมาสองเพลง แต่สามารถให้ลู่เฉินขึ้นแสดงได้รายการเดียว จึงมีความคิดที่จะชดเชยให้
เฉินเฟยเอ๋อร์อยู่ด้วยพอดี และเพลงแรกยังเป็นการร้องเพลงหมู่อีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้ก็ให้ตามน้ำอย่างตรงไปตรงมานี่แหละ
เฉินเฟยเอ๋อร์ครุ่นคิดครู่หนึ่งและพูดอย่างไม่ลังเล “ขอบคุณค่ะผู้กำกับเฉิน!”
ในเมื่อเฉินกั๋วจื้อพูดขึ้นมาอย่างนี้ หากปฏิเสธอีกคงจะหยาบคายเกินไปหน่อย
เฉินกั๋วจื้อหัวเราะเสียงดัง “ไม่ต้องเกรงใจ หากจะขอบคุณละก็ต้องขอบคุณแฟนของคุณนู่น!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็หันไปมองลู่เฉิน สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยนลึกซึ้ง
ลู่เฉินยิ้มและเอื้อมไปจับมือเล็กๆ ของเธอ
หลังจากที่เฉินกั๋วจื้อปล่อยไม้เด็ดไป กลับไม่ได้คิดที่จะปล่อยลู่เฉินไป เขาถามขึ้น “เสี่ยวลู่ คุณมีข้อเสนอแนะหรือแนวคิดดีๆ เกี่ยวกับงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิปีจออีกไหม ยังไงก็พูดให้ผมฟังหน่อย!”
เขาถูกใจลู่เฉินมาก และมีความคิดที่จะระดมสมองเข้าด้วยกัน
อันที่จริงเขาได้รับผลงานต้นฉบับที่ยอดเยี่ยมทั้งสองชิ้นมาแล้ว สิ่งที่เขาได้รับมานั้นยิ่งใหญ่มากพอแล้ว
เฉินกั๋วจื้อถามไปอย่างนั้นเอง แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ ลู่เฉินยังเก็บไม้เด็ดเอาไว้อีกจริงๆ
เขาขอให้เฉินเฟยเอ๋อร์นำต้นฉบับออกมาอีกฉบับ
“ยังมีโน้ตเพลงอีกเหรอ”
เฉินกั๋วจื้อรู้สึกประหลาดใจจริงๆ เป็นไปไม่ได้หรอกน่า
ลู่เฉินส่ายหัวพูดขึ้น “ไม่ใช่โน้ตเพลงหรอกครับ ผู้กำกับเฉินลองดูก่อน”
ด้วยความงุนงงระคนสงสัยเฉินกั๋วจื้อหยิบกระดาษต้นฉบับที่เฉินเฟยเอ๋อร์ยื่นให้
เขาเพียงเหลือบมองดู สายตาของเขาอึ้งไปเล็กน้อย
สิ่งที่ลู่เฉินหยิบออกมาอีกครั้งไม่ใช่โน้ตเพลงจริงๆ แต่กลับเป็น ‘บทละครเรื่องสั้น’
…………………………………………………..