Perfect Superstar - ตอนที่ 734 ต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก
ตอนที่ 734 ต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก
การเสนอให้เชิญเฉินกั๋วจื้อมากำกับภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เป็นการเสนอของเฉินเฟยเอ๋อร์
อย่างแรกเลยเฉินกั๋วจื้อมีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงภาพยนตร์ในประเทศ ภาพยนตร์ที่เขาถ่ายทำนั้นยอดเยี่ยมอย่างมีสไตล์ และผสมผสานแก่นแท้ของวัฒนธรรมจีนและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกัน มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นไม่เหมือนใครรับประกันบ็อกซ์ออฟฟิศได้อย่างแท้จริง
อย่างที่สองสไตล์การถ่ายทำของเฉินกั๋วจื้อนั้นเข้มงวดและใส่ใจ ทั้งยังไม่ขาดจินตนาการอันล้ำเลิศ โดยเฉพาะ ‘ยุทธศาสตร์สามพันลี้’ ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่เขาถ่ายทำไปเมื่อปีก่อน ไม่เพียงได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชมเท่านั้น แต่ยังขายดีในบ็อกซ์ออฟฟิศอีกด้วย จัดอยู่ในประเภทผลงานที่ได้รับการยกย่องและเป็นที่นิยม
ดังนั้นถ้าได้เขามากำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะสามารถบุกเบิกโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในของลู่เฉินให้กลายเป็นผลงานที่แปลกใหม่ วางรากฐานที่ดีสำหรับการขยายโปรเจกต์ในอนาคต
นอกจากนี้อาศัยชื่อเสียงของเฉินกั๋วจื้อ ภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ยังสามารถสร้างชื่อในเทศกาลภาพยนตร์ที่สำคัญทั้งในและต่างประเทศในปีหน้า และขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อผ่านการร่วมงานกับเฉินกั๋วจื้อ สถานะในวงการภาพยนตร์ของลู่เฉินจะยกระดับขึ้นไปอีกเท่าตัว
พระเอกของเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะต้องเป็นตัวลู่เฉินเองด้วย
แม้จะเป็นความคิดที่สวยหรูดูดี แต่ผู้กำกับใหญ่ท่านนี้เชิญมาได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน แค่เขาเอ่ยออกมาเพียงเล็กน้อย นักลงทุนไม่รู้กี่คนต่อกี่คนก็หอบกล่องที่เต็มไปด้วยธนบัตรวิ่งไปรอถึงหน้าประตูบ้านเขาแล้ว
สำหรับบทภาพยนตร์ นั่นเป็นสิ่งที่อยากได้เท่าไรก็ได้เท่านั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีบทดีๆ เลยด้วยซ้ำ
ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้สนิทสนมกับเฉินกั๋วจื้อมากนัก เมื่ออยากให้อีกฝ่ายประทับใจ นอกจากความจริงใจแล้ว ยังต้องเอาของดีออกมาจริงๆ ด้วย
สำหรับคำขอที่ลู่เฉินเสนอมานั้น ทำให้เฉินกั๋วจื้อรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เขาหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “แท้จริงแล้วคุณมีไอเดียแบบนี้นี่เองเหรอ อืม ผมเคยอ่านนิยายเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มาก่อน เป็นนิยายกำลังภายในที่น่าสนใจมากทีเดียว”
มีหวังขึ้นมาแล้ว?
เมื่อได้ยินน้ำเสียงผ่อนคลายของเขาลู่เฉินก็อดประหลาดใจไม่ได้ “ผู้กำกับเฉิน ผมรู้ว่างานของคุณยุ่งมาก ปีนี้ทั้งปีคงไม่ว่างแน่นอน ดังนั้นค่อยถ่ายทำปีหน้าก็ไม่เป็นไร ผมคิดว่าคุณเหมาะสมที่จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่สุดแล้ว”
“คุณอย่าเพิ่งสวมหมวกสูง[1]ให้ผม…”
เฉินกั๋วจื้อพูดยิ้มๆ “มาคุยกันก่อน คุณวางแผนจะใช้งบประมาณเท่าไร”
ลู่เฉินพูดอย่างไม่ลังเล “เริ่มที่ 100 ล้าน ถึง…ยังไม่มีเพดาน ยกให้คุณตัดสินใจได้เลย!”
งบเริ่มต้น 100 ล้านหยวน แถมยังไม่มีเพดานอีก
เมื่อเฉินกั๋วจื้อที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วนได้ยินถึงกับหางตากระตุก “ใจกล้าพอตัว…”
หากเปลี่ยนเป็นดาราหนุ่มคนอื่นมาบอกเขาแบบนี้ละก็ ส่วนใหญ่จะถูกเฉินกั๋วจื้อมองข้ามไม่สนใจ ค่าใช้จ่ายในการสร้างภาพยนตร์อาจสูงต่ำแตกต่างกันไป หลักแสนหรือหลักล้านก็สามารถสร้างภาพยนตร์ได้ หลักร้อยล้านหรือหลักพันล้านก็สามารถสร้างภาพยนตร์ได้เช่นกัน แต่หากไม่มีเพดานนั่นก็คงเป็นเรื่องไร้สาระแล้วละ
แม้ว่าลู่เฉินจะไม่ได้พูดอะไรมากมายแต่เขาชัดเจนมาก งบประมาณถูกกำหนดให้เฉินกั๋วจื้อตัดสินใจทั้งหมด เกิน 100 ล้านหยวนก็ไม่มีปัญหา นับว่าใจกล้ามากจริงๆ
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของลู่เฉิน
ก่อนการพบกันในครั้งนี้ เฉินกั๋วจื้อรู้จักและมีความเข้าใจลู่เฉินดี รู้ว่าลู่เฉินไม่มีทางพูดจาส่งเดชแน่นอน ความคิดในตอนแรกให้สามคะแนนจนกระทั่งตอนนี้เพิ่มไปถึงห้าคะแนนแล้ว
แต่เขาไม่สามารถตกลงได้ในทันทีทันใด หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้น “อีกสองสามวันผมค่อยให้คำตอบคุณ”
ลู่เฉินเข้าใจดีว่าเฉินกั๋วจื้อพูดมาถึงขั้นนี้ ถือได้ว่าเสร็จเรื่องไปครึ่งหนึ่งแล้ว เขาจึงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ขอบคุณผู้กำกับเฉิน ถ้าอย่างนั้นผมจะรอข่าวดีจากคุณ!”
เฉินกั๋วจื้อส่ายหัวยกกระดาษต้นฉบับในมือขึ้นแล้วพูดว่า “ควรจะเป็นผมที่ขอบคุณคุณถึงจะถูก…”
บทประพันธ์เพลงต้นฉบับสองเพลงและบทละครต้นฉบับอีกหนึ่งเรื่อง ช่วยเขาได้มากจริงๆ อย่างน้อยในงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิปี 2018 ที่เขารับผิดชอบเป็นผู้กำกับใหญ่ก็มียังรายการแสดงดีๆ อยู่
ผลของการพบกันส่วนตัวในครั้งนี้ ต่างเป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย
ทางฝั่งของเฉินกั๋วจื้อไม่ต้องพูดถึง ได้รับมาอย่างเต็มที่ กระทั่งพูดได้ว่าเซอร์ไพรส์มาก ทว่าฝั่งลู่เฉินแม้จะไม่ได้รับคำสัญญาจากเฉินกั๋วจื้อ แต่เขาได้สร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับผู้กำกับใหญ่ท่านนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเฉินเฟยมีเดียในอนาคต
คนมีคุณธรรมจะได้รับการช่วยเหลือสนับสนุน คนไม่มีคุณธรรมจะไร้คนช่วยเหลือสนับสนุน หลักการนี้ใช้ได้ทุกที่!
ตอนบ่ายลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์กลับไปที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท ภารกิจการถ่ายทำตอนต่อของ ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ นั้นค่อนข้างหนักมาก วันนี้กว่าจะปลีกตัวออกมาได้ไม่ง่ายเลย ไม่ควรเสียเวลาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
กลับมาถึงที่เฉินเฟยมีเดียไม่เพียงแต่ต้องจัดการกับหลายๆ เรื่องของบริษัทเท่านั้น เฉินเฟยเอ๋อร์ยังต้องอัดเพลงประกอบละคร ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ อีกหนึ่งเพลง ต้องอัดเสียงในสตูดิโอที่สำนักงานใหญ่นั่นเอง
เมื่อทั้งสองมาถึงในสตูดิโอบันทึกเสียง ทีมงานทุกคนก็พร้อมแล้ว สตูดิโอที่ใช้เงินหลายสิบล้านในการสร้างกำลังว่างรออยู่ กำลังเฝ้ารอคอยให้ราชินีขึ้นบัลลังก์เปล่งเสียงออกมา
เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ปล่อยเพลงใหม่ออกมาสักพักแล้ว แฟนคลับของเธอหลายคนบ่นในบล็อกว่า ตอนนี้ราชินีเพลงมีแฟนแล้วกลับลืมพวกเขา โชว์สวีทหวานให้คนโสดอิจฉาได้ทั้งวี่ทั้งวัน ชักจะเกินไปหน่อยแล้ว!
มีเสียงบ่นกันระงม ดังนั้นลู่เฉินจึงได้เตรียมเพลงประกอบละคร ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ เอาไว้หลายเพลง นอกจากเพลงประกอบละครหลักแล้ว ยังวางแผนที่จะปล่อยอัลบั้มเพลงประกอบละครต้นฉบับให้เฉินเฟยเอ๋อร์หลังจากที่ละครออกอากาศจนจบแล้ว เพื่อปลอบประโลมความน้อยใจของบรรดาแฟนคลับ
เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงประกอบละครแต่งขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน และวันนี้ก็เพิ่งจะมีเวลามาอัดเสียง
คิวการถ่ายละคร ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ แน่นมากจริงๆ ผลงานที่มอบให้เฉินกั๋วจื้อไปสองเพลงเพื่อใช้ในงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิก่อนหน้านี้ เฉินเฟยเอ๋อร์ยังไม่ได้มาร่วมอัดเดโมเลย
จนถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะได้มีโอกาสร้องเพลงอีกครั้ง
ในห้องควบคุมเสียงที่กั้นจากห้องอัดเสียงด้วยกระจกหนา นอกจากลู่เฉินและวิศวกรเสียงสองคนแล้ว ยังมีลู่ซีและถงซินเหยาที่เพิ่งเซ็นสัญญากับเฉินเฟยมีเดียได้ไม่นานอยู่ที่นั่นด้วย
เด็กสาวอายุ 20 ปีที่แจ้งเกิดผ่านรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ คนนี้ โชคดีได้เข้ามาแทนที่อันซินแชมป์เสียงดี และถูกลู่เฉินจับเซ็นสัญญา ขณะนี้อยู่ระหว่างการฝึกซ้อมที่เข้มงวดจากทางบริษัท
เฉินเฟยมีเดียในปัจจุบันมีขนาดและความแข็งแกร่งไม่เหมือนกันกับสตูดิโอลู่เฉินแบบเดิมอีกต่อไป เพราะได้เชิญอาจารย์เฉพาะทางด้านการเต้น ดนตรี เครื่องดนตรี การออกแบบภาพลักษณ์ และอื่นๆ มาเป็นจำนวนมาก เพื่อรับผิดชอบฝึกฝนศิลปินฝึกหัดใหม่ๆ โดยเฉพาะ
หนึ่งในครูสอนเต้นสองคน ยังเป็นครูที่เชิญมาจากเกาหลีผ่านทางเอสพีจี
อย่ามองว่าถงซินเหยาเป็นเด็กสาวที่มาจากครอบครัวร่ำรวย เห็นอย่างนี้ก็สามารถทนต่อความยากลำบากได้ดี การฝึกฝนในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเธอพัฒนาขึ้นมากในทุกด้าน ภาพลักษณ์และบุคลิกของเธอยิ่งมีความโดดเด่นมากขึ้น วันเดบิวต์แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
เดิมทีเธอมีชั้นเรียนวิชาบุคลิกภาพในตอนบ่าย แต่เมื่อรู้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์กำลังจะอัดเพลงเธอจึงรีบวิ่งมาดู และได้รับอนุญาตจากอาจารย์เรียบร้อย
เพราะเธอเป็นแฟนตัวยงของเฉินเฟยเอ๋อร์!
ในเวลานี้เฉินเฟยเอ๋อร์มาถึงที่สตูดิโอบันทึกเสียง เมื่อเธอยืนอยู่หน้าไมโครโฟนและสวมหูฟังมอนิเตอร์ ราชินีผู้เคยครองวงการดนตรีคนนั้นได้หวนกลับมาอีกครั้งแล้ว!
………………………………………………………….
[1]สวมหมวกสูง อุปมาถึงการประจบสอพลอด้วยคำพูดที่ไพเราะ