Perfect Superstar - ตอนที่ 741 ไม่มีปัญหา
ตอนที่ 741 ไม่มีปัญหา
Ink Stone_Fantasy
“พี่เซิง!”
เมื่อเห็นหลิวกั่งเซิง ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ยืนขึ้นทักทายพร้อมกัน
หลิวกั่งเซิงหัวเราะพร้อมกางแขนออกกอดลู่เฉินสุดแรง “ไม่เจอกันนานเลย!”
เป็นเวลานานมากที่ทั้งสองไม่ได้พบกัน ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองพบกันคืองานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’รอบปฐมทัศน์ที่ฮ่องกง แต่พวกเขาก็ได้ติดต่อกันมาโดยตลอด และมิตรภาพของทั้งคู่ก็แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
หลิวกั่งเซิงชื่นชมลู่เฉิน ทุกคนในฮ่องกงรู้ดี!
ไม่นานมานี้ ลู่เฉินได้เกิดเรื่องขึ้นที่อเมริกา หลิวกั่งเซิงโทรหาเขาเป็นอย่างแรกในทันทีที่ทราบข่าว และเขายังฝากฝังเพื่อนของเขาในอเมริกาให้ดูแลลู่เฉินด้วย แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่น้ำใจของคนคนนี้ ลู่เฉินก็ขอน้อมรับไว้ในใจ
วันนี้หลิวกั่งเซิงไม่ได้มาคนเดียว เขามาพร้อมกับหญิงสาวใบหน้าสวยหวานอ่อนโยนหนึ่งคน
“นี่ภรรยาของฉัน หลูจิ้งอี๋…”
หลิวกั่งเซิงเริ่มแนะนำให้ทั้งสองรู้จัก “ได้ยินมาว่าพวกเธอทั้งคู่มาถึงแล้ว และเธอก็อยากเจอคู่พระนางของละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ด้วย”
ลู่เฉินค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย และรีบพูดขึ้นอย่างสุภาพ “สวัสดีครับพี่สะใภ้ เจอกันเป็นครั้งแรกฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ภรรยาของหลิวกั่งเซิงเป็นบุคคลในตำนานของวงการ
ลู่เฉินรู้จักอีกฝ่าย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอตัวจริง
หลูจิ้งอี๋เป็นรองมิสฮ่องกงในปี 1995 พ่อของเธอเป็นทนายความใหญ่ในฮ่องกง แม่ของเธอเป็นหมอ ฐานะทางครอบครัวเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว แต่เธอเลือกที่จะเข้าสู่วงการบันเทิงหลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย
หลังจากคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งจากการประกวดมิสฮ่องกง เพียงไม่นานเธอได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่ และออกอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกก่อน จากนั้นก็ถ่ายทำภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่องติดต่อกัน เส้นทางสู่ดวงดาวนั้นเรียกได้ว่าราบเรียบไม่มีอุปสรรคใดๆ
แต่ทว่าเมื่อเธอเพิ่งเริ่มมีชื่อเสียง จู่ๆ เธอก็ลาออกจากวงการบันเทิง ตั้งแต่นั้นมาเธอก็หายตัวไปจากสายตาของบรรดาแฟนคลับ และไม่ค่อยมีข่าวเกี่ยวกับเธอปรากฏในสื่อสักทักเท่าไรนัก
ความจริงแล้วเหตุผลที่มิสฮ่องกงสุดสวยคนนี้ออกจากวงการบันเทิง เป็นเพราะเธอได้พบและตกหลุมรักกับหลิวกั่งเซิงระหว่างการร่วมงานกันในครั้งแรก และตัดสินใจถอยไปอยู่เบื้องหลังอย่างไม่ลังเล
ความจริงแล้วเหตุผลที่มิสฮ่องกงสุดสวยคนนี้ออกจากวงการบันเทิง เป็นเพราะเธอได้พบและตกหลุมรักกับหลิวกั่งเซิงระหว่างการร่วมงานกันในครั้งแรก และตัดสินใจถอยไปอยู่เบื้องหลังอย่างไม่ลังเล
ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่างหลิวกั่งเซิงไม่เคยเปิดเผยฐานะของหลูจิ้งอี๋อย่างเป็นทางการเลยสักครั้ง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นผ่านไป 20 ปีก็ราวกับหนึ่งวัน หลูจิ้งอี๋สนับสนุนหลิวกั่งเซิงอย่างสุดใจ หลิวกั่งเซิงเองก็ปกป้องภรรยาของเขาเป็นอย่างดี
ลู่เฉินเคยเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับหลูจิ้งอี๋ในอินเทอร์เน็ต และรู้ว่าเธอเลี้ยงลูกชายและลูกสาวให้หลิวกั่งเซิง ถึงจะถูกเก็บเงียบแต่ก็เต็มใจลำบาก ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าชื่นชมอย่างแท้จริง
หลิวกั่งเซิงหึงขึ้นมาแล้ว “เขาจะหล่อกว่าฉันได้ยังไง!”
หลังจากหัวเราะ สายตาของหลูจิ้งอี๋ก็ไปหยุดอยู่ที่เฉินเฟยเอ๋อร์
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มและพูด “พี่จิ้งอี๋ชมเกินไปแล้ว ฉันว่าพี่นั่นแหละถึงเรียกว่าสวยจริงๆ!”
แม้ว่าพวกเขาจะห่างกันสิบกว่าปี และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน แต่หลูจิ้งอี๋และเฉินเฟยเอ๋อร์มีความรู้สึกว่าพบกันครั้งแรกก็เหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน หลังจากนั่งลงก็คุยกันอย่างสนิทสนม
ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่างหลิวกั่งเซิงไม่เคยเปิดเผยฐานะของหลูจิ้งอี๋อย่างเป็นทางการเลยสักครั้ง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นผ่านไป 20 ปีก็ราวกับหนึ่งวัน หลูจิ้งอี๋สนับสนุนหลิวกั่งเซิงอย่างสุดใจ หลิวกั่งเซิงเองก็ปกป้องภรรยาของเขาเป็นอย่างดี
ตอนนี้หลิวกั่งเซิงมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ค่อยๆ เปิดเผยสถานการณ์ครอบครัวของเขาต่อสาธารณชน ทุกคนเชื่อว่าสามีภรรยาที่เป็นแบบอย่างของวงการบันเทิงคู๋นี้ ในท้ายที่สุดจะยืนหยัดอยู่ต่อหน้าทุกคนได้อย่างแน่นอน
หลูจิ้งอี๋ยิ้มเล็กน้อย “สวัสดีค่ะลู่เฉิน ยินดีที่ได้รู้จัก ตัวจริงคุณหล่อกว่าในทีวีเยอะเลยนะคะ!”
ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้ บรรยากาศสนิทสนมกลมกลืนเป็นกันเองมาก
เธอจับมือเฉินเฟยเอ๋อร์และอุทานขึ้น “คุณเฉินสวยจริงๆ อืม สวยกว่าในทีวีซะอีก!”
หลูจิ้งอี๋ส่ายหัว “พี่แก่แล้วนะ…”
เมื่อรวมซือฟางเข้าไปอีก หัวข้อการสนทนาระหว่างหญิงสาวทั้งสามคนก็ไม่มีทีท่าทีว่าจะจบง่ายๆ
หลูจิ้งอี๋เป็นแฟนคลับของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ เธอไม่เพียงรับชมภาพยนตร์เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ และละครเรื่อง‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ กับ ‘ฟูลเฮาส์’ ที่ทั้งคู่แสดงนำเท่านั้น เธอยังติดตามละครเรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ อีกด้วย!
แม้ว่าปีนี้คุณนายหลิวคนนี้จะอายุ 40 ปี แต่เมื่อพูดถึงละครทีวีก็ไม่ต่างจากแฟนละครทั่วไปมากนัก
หลิวกั่งเซิงดึงลู่เฉินออกไปอีกทาง คุยเรื่องรายการ ‘ร้องเพลง! ฮ่องกง’ ที่เตรียมการมานานกว่าครึ่งปีกับเขา
รายการ ‘ร้องเพลง! ฮ่องกง’ เป็นรายการประกวดความสามารถที่ลู่เฉิน หลิวกั่งเซิง รวมไปถึงคนฮ่องกงในวงการจำนวนมากร่วมกันคิดสร้างขึ้นมาเมื่อปีที่แล้วตอนที่ลู่ฉันมาสร้างชื่อเสียงที่ฮ่องกง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเพลงต้นฉบับของฮ่องกง และทำให้ผลงานเพลงภาษากวางตุ้งกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง!
คุณนายจินเสนอให้จัดทำรายการ ลู่เฉินเป็นคนคิดชื่อ แต่คนที่ผลักดันจริงๆ กลับเป็นหลิวกั่งเซิง
เป็นเพราะความสมัครใจเข้าร่วมของเขา ดังนั้นทั้งสถานีโทรทัศน์เอทีวีและสถานีโทรทัศน์ฮ่องกงจึงแข่งขันกันช่วงชิงสิทธิ์ในการผลิตและออกอากาศรายการ หลังจากการแข่งขันที่ดุเดือด กลายเป็นสถานีโทรทัศน์ฮ่องกงที่ยิ้มออกในตอนท้าย
ผู้บริหารระดับสูงของสถานีโทรทัศน์ให้ความสำคัญกับรายการนี้อย่างยิ่ง มีการนำเสนอแผนงานของรายการสามชุดทั้งก่อนและหลัง และได้ทำการวิจัยตลาดเป็นจำนวนมาก จนถึงตอนนี้ในเบื้องต้นได้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว แต่ขาดเรื่องสำคัญไปหนึ่งเรื่อง
เดิมทีรายการ ‘ร้องเพลง! ฮ่องกง’ มีแผนที่จะเริ่มออดิชั่นในเดือนกันยายน แต่การกำเนิดรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ และอิทธิพลมหาศาลของรายการนี้ ทำให้สถานีโทรทัศน์ต้องแก้ไขแผนงานอีกครั้ง
หลิวกั่งเซิงพูดกับลู่เฉินอย่างตรงไปตรงมา “รายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ของนายทำได้โดดเด่นมาก คนจากสถานีโทรทัศน์ต่างก็อยู่ภายใต้แรงกดดัน และเป้าหมายของฉันคือการทำให้รายการ ‘ร้องเพลง! ฮ่องกง’ เป็นรายการเพลงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮ่องกง พวกเขาได้แก้ไขแผนงานของรายการไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง…”
พอพูดไป หลิวกั่งเซิงก็หัวเราะขึ้นมา “ดังนั้นนายจะต้องเข้าร่วมในรายการนี้”
ลู่เฉินตอบตกลงในทันที “ไม่มีปัญหาครับ!”
เขามีความสุขมาก แต่ทว่าหลิวกั่งเซิงกลับรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย “นายไม่จำเป็นต้องตอบตกลงเร็วขนาดนั้นก็ได้ มาคุยเรื่องตารางงานกันก่อนจะดีกว่า กำหนดการเป็นเดือนมีนาคมหรือเมษายนปีหน้าได้ไหม”
ในฐานะศิลปินระดับแนวหน้าในฮ่องกง หลิวกั่งเซิงทราบความนิยมปัจจุบันของลู่เฉินในประเทศจีนเป็นอย่างดี ตารางงานแน่นเต็มอย่างแน่นอน ตามสถานการณ์โดยทั่วไปแล้วไม่ต้องพูดถึงปีนี้เลยด้วยซ้ำ เป็นเรื่องปกติที่ตารางงานในปีหน้าจะเต็มแล้ว
เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลู่เฉินจะเข้าร่วม แต่จะไม่ให้เหตุผลนี้ไปกระทบกับตารางงานของลู่เฉินเด็ดขาด
ลู่เฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เดือนเมษายนน่าจะไม่มีปัญหา หลังจากกลับไปแล้วผมจะคอนเฟิร์มตารางงานเอาไว้ให้ครับ”
ละคร ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ใกล้จะจบบริบูรณ์ และต่อไปเขาจะถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ซึ่งจะต้องถ่ายทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนปีหน้า ไม่อย่างนั้นเวลาสำหรับการผลิตในช่วงท้ายก็คงไม่ทันในช่วงเทศกาลฤดูร้อน
หลิวกั่งเซิงมีความสุขมาก “งั้นก็เยี่ยมเลย ตอนนี้พลังในด้านความคิดริเริ่มทางดนตรีของฮ่องกงขาดแคลนไปจริงๆ ฉันหวังว่ารายการนี้จะทำให้ผู้ที่มีพรสวรรค์เหล่านี้โดดเด่นขึ้นมา!”
ลู่เฉินพยักหน้าเมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของรุ่นพี่ที่เป็นราชาเพลงคนนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกประทับใจ
ในระดับของหลิวกั่งเซิงแล้ว ไม่ว่าชื่อเสียงและโชคลาภจะมากเพียงใดก็เป็นเหมือนก้อนเมฆที่ลอยล่อง สิ่งที่เขามีคือความรักและความจริงใจในอาชีพการงาน ทั้งยังยินดีผลักดันผู้อื่น เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนสังคมและอาชีพนี้
รักแท้เช่นนี้ ควรค่าแก่การให้ลู่เฉินเรียนรู้!
……………………………………………………………..