Perfect Superstar - ตอนที่ 748 แชร์ความสุข
ตอนที่ 748 แชร์ความสุข
กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว
“เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
เฉินเฟยเอ๋อร์โยนกระเป๋าออก พลางทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนั่งเล่นอย่างไร้ความเป็นกุลสตรี บิดร่างอรชร ส่งเสียงครางออกมาอย่างพึงพอใจชวนคนให้เข้าใจผิดได้ง่ายๆ
“อื้อ อยู่บ้านเนี่ยสบายที่สุดแล้ว!”
ก็ต้องสะดวกสบายแน่นอนอยู่แล้ว เพราะโซฟาสั่งทำพิเศษนี้ทำมาจากผ้าคุณภาพสูงและหนังแท้ ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง คุณสมบัติที่พิเศษที่สุดคือไม่ว่าจะนั่งหรือนอนก็สะดวกสบายมาก
ลู่เฉินวางกระเป๋าเดินทางไว้ข้างๆ แล้วพูดยิ้มๆ “หิวหรือยัง ผมจะไปต้มบะหมี่สองชาม”
ทั้งสองนั่งเที่ยวบินจากฮ่องกงกลับกรุงปักกิ่งในตอนบ่าย แต่เนื่องจากเส้นทางการบินหนาแน่นแออัดเกินไป จึงมีการควบคุมการจราจรที่ยาวนาน ดังนั้นก็เลยรอที่สนามบินเป็นเวลาสามชั่วโมงเต็มก่อนขึ้นเครื่อง
พอถึงกรุงปักกิ่งก็บังเอิญเจอชั่วโมงเร่งด่วนในช่วงตอนเย็น เลยต้องติดอยู่บนถนนนานกว่าสองชั่วโมง
สถานการณ์ล้มลุกคลุกคลานเช่นนี้ ลู่เฉินยังดีอยู่ แต่เฉินเฟยเอ๋อร์นั้นเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ นอนอยู่บนโซฟาจนขี้เกียจจะขยับตัว งึมงำเสียงเบาอย่างหมดแรง “ปวดหัว ไม่อยากอาหารเลย…”
ลู่เฉินรู้สึกสงสารเล็กน้อย จึงเดินไปนั่งบนโซฟา ช้อนศีรษะของเฉินเฟยเอ๋อร์วางบนต้นขาของตนเอง จากนั้นค่อยๆ นวดบริเวณขมับของเธอเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “งั้นผมสั่งอาหารสักสองสามอย่างให้มาส่งที่บ้าน คุณอยากกินอะไรล่ะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์งึมงำสองสามคำแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่อยากทำงานอีกต่อไปด้วย!”
“ได้ๆๆ…”
ลู่เฉินหัวเราะพลางพูดขึ้น “แล้วแต่คุณเลย ผมจะอยู่พักผ่อนที่บ้านกับคุณสักสองสามวัน เรื่องอื่นเก็บไว้ก่อนแล้วกัน”
อันที่จริงลู่เฉินรู้ดีว่าแฟนสาวของเขามีอารมณ์ฉุนเฉียวนิดหน่อยในบางครั้ง แต่จริงๆ แล้วความเป็นมืออาชีพของเธอแข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก เมื่อเข้าสู่โหมดทำงานก็มักจะลืมกินลืมนอนอยู่บ่อยครั้ง และพยายามยิ่งกว่าใครๆ
ตั้งแต่เด็กใหม่ที่ไม่เป็นที่รู้จักจนเป็นซูเปอร์สตาร์ในปัจจุบัน เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่เพียงอาศัยโชคเท่านั้น แต่ยังอาศัยการทำงานหนักและความพากเพียรของเธอด้วย
ไม่มีใครประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย แม้แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น!
ไม่มีใครประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย แม้แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น!
ถ้าขอให้เธอหยุดทำงานและออกจากวงการบันเทิงเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เธอจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน
ลู่เฉินตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่เคย!”
อยากให้ความรักมั่นคงอยู่ตลอดไป ความเข้าใจและความเคารพซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญมาก ปกติแล้วนิสัยของเฉินเฟยเอ๋อร์นั้นดีมากๆ แต่ในบางครั้งเธอก็อารมณ์เสียบ้าง ทะเลาะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กับลู่เฉิน งอนกันบ้างอะไรบ้างเท่านั้นเอง
แต่ชีวิตสามช่วงในความฝัน ทำให้เขามีวุฒิภาวะและประสบการณ์ที่เหนือกว่าคนทั่วไป อีกทั้งยังสร้างเขาให้เป็นคนใจกว้างและมีจิตใจที่พร้อมให้อภัยอีกด้วย
“ฉันไม่เชื่อหรอกนะ…”
ลู่เฉินก้มศีรษะลงไปจูบเธอหนึ่งที ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ถ้าขอให้เธอหยุดทำงานและออกจากวงการบันเทิงเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เธอจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ก็อดยิ้มไม่ได้ เธอเหยียดแขนออกและกอดเข้าที่คอของลู่เฉิน แววตาอ่อนโยนและถามว่า “นายบอกความจริงมาหน่อย ตอนที่ฉันไร้เหตุผล นายเคยรำคาญฉันบ้างไหม”
กว่าคนสองคนจะรักกันไม่ใช่เรื่องง่าย การอยู่ร่วมกันยิ่งยากเข้าไปอีก โดยเฉพาะในวงการบันเทิงที่มีสิ่งยั่วยวนใจมากเกินไป ในฐานะคู่รักดารา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะดีกันตลอดเวลา
ถ้าลู่เฉินยังเป็นลู่เฉินคนเดิมเมื่อสามปีที่แล้ว โดยที่ไม่เคยประสบกับความฝันแปลกประหลาดนั้นมาก่อน บางทีหากโดนกดดันหนักซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาอาจจะเลิกกับเฉินเฟยเอ๋อร์เลยก็ได้
ดังนั้นแม้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะอายุมากกว่าลู่เฉิน แต่ในความสัมพันธ์ฉันคนรักของคนสองคน ความอดทนและความโอนอ่อนของลู่เฉิน ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขา
ปากเฉินเฟยเอ๋อร์บอกไม่เชื่อ คิ้วตาพร้อมใบหน้ากลับยิ้มแย้มดูมีความสุขมาก แววตาดูอ่อนโยนและมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
กริ๊งๆ
ในห้วงเวลาที่คนทั้งคู่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในกระเป๋าเสื้อที่ลู่เฉินเพิ่งถอออกแล้วโยนไปด้านข้าง เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้นมาทำให้ทั้งสองตกใจ
“บ้าฉิบ”
ลู่เฉินสบถขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะทำเป็นไม่ได้ยินและกอดรัดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ต่อ
มือถือเครื่องนี้เป็นโทรศัพท์ส่วนตัว กำหนดให้เฉพาะญาติและเพื่อนในสมุดรายชื่อเท่านั้นที่สามารถโทรได้ คนแปลกหน้าไม่สามารถโทรเข้ามาได้แน่นอน ดังนั้นหากไม่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นจะไม่มีการรบกวนกันอย่างต่อเนื่องขนาดนี้แน่นอน
เสียงโทรศัพท์ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เฉินเฟยเอ๋อร์ทนไม่ไหว ยิ้มและผลักเขาออกไป “รับสายเถอะ เผื่อมีอะไรสำคัญ”
ลู่เฉินส่ายหัวอย่างหมดคำพูด ก่อนจะยืดตัวขึ้นหยิบเสื้อ
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และเห็นว่าเป็นสายของหลี่มู่ซือ
ลู่เฉินรู้สึกโล่งใจในทันที เมื่อรับโทรศัพท์ไม่วายที่จะบ่นออกไป “พี่มู่ซือที่นู่นเป็นตอนเช้า แต่ที่นี่มันดึกแล้วนะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
ขณะนี้เป็นช่วงฤดูหนาวในอเมริกา เวลาระหว่างนิวยอร์กกับปักกิ่งต่างกันถึง 13 ชั่วโมง ดังนั้นที่นี่จึงเป็นช่วงกลางคืนและที่นั่นเป็นช่วงเช้า ช่วงเวลาสลับกันพอดี
“หรือว่าไปรบกวนเรื่องดีๆ ระหว่างนายกับเฉินเฟยเออร์เข้าล่ะ”
หลี่มู่ซือพูดด้วยรอยยิ้มทางโทรศัพท์ “ถ้าเป็นกรณีนี้ฉันค่อยโทรไปใหม่ก็ได้ ไม่เป็นไร”
ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะมองโทรศัพท์ในมือของเขา สงสัยว่าหลี่มู่ซือต้องมีวิธีการแฮกบางอย่างที่ร้ายกาจมาก ถึงขนาดที่อยู่ในนิวยอร์กซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ก็ยังรู้ทุกย่างก้าวของเขา
จะเดาแม่นเกินไปแล้ว!
เขายิ้มอย่างขมขื่น “พี่มู่ซืออย่าล้อผมสิ…”
หลี่มู่ซือหัวเราะ “ไม่ล้อแล้วก็ได้ ฉันแค่จะโทรมาถามว่า ในฐานะมหาเศรษฐีหน้าใหม่นายรู้สึกยังไงบ้าง”
มหาเศรษฐีหน้าใหม่?
ลู่เฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งไม่เข้าใจว่าหลี่มู่ซือกำลังพูดถึงอะไร
แต่เขาตื่นขึ้นจากภวังค์อย่างรวดเร็ว “เว็บไซต์ระดมทุนได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในแนสแด็กแล้ว!”
หลี่มู่ซือถอนหายใจและพูด “อาจารย์ลู่ ฉันละนับถือนายจริงๆ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ยังไม่ใส่ใจอีก”
ลู่เฉินหัวเราะหึๆ
การขึ้นทะเบียนของเว็บไซต์ระดมทุนในแนสแด็กของอเมริกานั้นเป็นเรื่องที่พลิกผันหลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จ หลี่มู่ซือเดินทางไปอยู่ที่นิวยอร์กเป็นเวลาครึ่งปีเต็ม ในระหว่างนั้นเธอต้องผ่านเหตุการณ์การเจรจาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ขณะนี้ตลาดอินเทอร์เน็ตในประเทศถูกแบ่งโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างสมบูรณ์ หากบริษัทอินเทอร์เน็ตรุ่นใหม่ที่มีความแข็งแกร่งและมีพลังต่อสู้เพียงพอ จะอาศัยผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์เพียงหนึ่งหรือสองชิ้น เข้าไปหารายได้ในตลาดหุ้นสหรัฐผ่านการร่วมทุน นั่นเป็นเรื่องที่ยากมาก
นายทุนอเมริกันไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นแม้แต่เว็บไซต์ระดมทุนที่มีรูปแบบที่เป็นนวัตกรรมและผลกำไรที่ดี ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากและจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนไปไม่น้อย ในที่สุดก็เสร็จสิ้นกระบวนการที่สำคัญที่สุด!
ในฐานะผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ระดมทุน เดิมทีหลี่มู่ซือเชิญลู่เฉินไปเยี่ยมชมการแลกเปลี่ยนแบบสดๆ ที่แนสแด็ก เพื่อเข้าร่วมในพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ของเว็บไซต์ระดมทุน
แต่เพราะลู่เฉินจำเป็นต้องเข้าร่วมในงานเฉลิมฉลองวันกลับคืนสู่อ้อมกอดจีนของฮ่องกง ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบรับคำเชิญได้
แต่หลี่มู่ซือก็โทรหาลู่เฉินตั้งแต่แรกทันที
แชร์ความสุขนี้ไปด้วยกัน!
……………………………………………………………..