Perfect Superstar - ตอนที่ 756 อิจฉามาก
ตอนที่ 756 อิจฉามาก
เมื่อไม่นานมานี้ ลู่เฉินได้ขึ้นปก ‘นิตยสารไทม์’ ของอเมริกา ด้วยฐานะกับอิทธิพลของเขาในตอนนี้ มีคุณสมบัติที่จะขึ้นหน้าปกนิตยสารใดๆ ก็ได้ในประเทศจีน
ความเป็นจริงในช่วงที่ผ่านมานี้ เฉินเฟยมีเดียได้รับคำขอสัมภาษณ์จากสื่อใหญ่ๆ มากมายนับไม่ถ้วน แต่ ‘พีเพิลส์มิวสิค’ ไม่เหมือนกัน มันเป็นตัวแทนของสื่อกระแสหลักแบบดั้งเดิมอย่างเป็นทางการ ไม่เหมือนสื่อทั่วไปที่ไล่ตามดาราเด็ดขาด
สาเหตุที่ลู่เฉินสามารถดึงดูดความสนใจของ ‘พีเพิลส์มิวสิค’ ได้ มีต้นเหตุมาจากเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เขาได้แต่งเพลงและร้องเพลง ‘มุกงามแห่งบูรพา’ ในงานเฉลิมฉลองวันกลับคืนสู่อ้อมกอดจีนของเกาะฮ่องกง
บทเพลงนี้เป็นเพลงที่ขับร้องร่วมกันโดยลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ หลิวกั่งเซิง และและซือฟาง ทุกวันนี้ถูกนำไปร้องกันอย่างแพร่หลาย เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางและยิ่งใหญ่
เพลง ‘มุกงามแห่งบูรพา’ แฝงไปด้วยแนวคิดและเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ ในความเป็นจริงได้เกินขอบเขตของดนตรีป็อปไปแล้ว ทำนองเพลงและเนื้อเพลงของมันได้สะท้อนความคิดของชาวฮ่องกงนับหมื่นนับพันคน!
วันที่สองหลังจากจบงานเฉลิมฉลอง สถานีโทรทัศน์ฮ่องกงได้สุ่มสัมภาษณ์ตามท้องถนนในฮ่องกง ผลที่ได้คือผู้ที่ได้ชมงานเฉลิมฉลองนี้ ยกเว้นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ต่างชื่นชมบทเพลงนี้ไม่ขาดปาก
ได้ยินว่ารัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงตั้งใจอยากจะให้เพลง ‘มุกงามแห่งบูรพา’ เป็นเพลงชาติฮ่องกง และเลือกเป็นสื่อการเรียนการสอนวิชาดนตรีของนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
เพราะฉะนั้นผลกระทบเชิงบวกที่ได้จาก ‘มุกงามแห่งบูรพา’ ทำให้ ‘พีเพิลส์มิวสิค’ ไม่อาจมองข้ามได้ จึงส่งนักข่าวประสบการณ์สูงมาสัมภาษณ์ลู่เฉิน
อันที่จริงถึงแม้ลู่เฉินจะประสบความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาในวงการเพลงป็อป แต่เขาก็มีผลงานเพลงธีมเช่นกัน เช่น ‘ฉันรักคุณประเทศจีน’ ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ เป็นต้น ดังนั้นจึงมีหัวข้อสนทนากับสื่อกระแสหลัก
“ผมคิดว่าเพลงป็อปกับเพลงดั้งเดิมและเพลงธีม ไม่เคยเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน จริงๆ แล้วเพลงป็อปมากมายล้วนอ้างอิงมาจากแก่นแท้ของดนตรีพื้นบ้าน…”
สำหรับการโต้ตอบกับถานหลิงนักข่าวที่ส่งมาจาก ‘พีเพิลส์มิวสิค’ ลู่เฉินพูดจาอย่างฉะฉาน “ผลงานเพลงธีมสามารถผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับการร้องเพลงที่สวยงาม เพลงทั่วไป และการร้องเพลงพื้นบ้านได้อย่างลงตัว ขอเพียงใช้ใจทำความเข้าใจความหมายแฝงที่อยู่ในเพลง จะสามารถทำให้ผู้ฟังชื่นชอบได้แน่นอน!”
‘พีเพิลส์มิวสิค’ สัมภาษณ์ลู่เฉินในหัวข้อที่ใหญ่มาก เกี่ยวข้องกับหลายๆ ด้านของดนตรีป็อปของจีนในปัจจุบันกับเพลงพื้นบ้านดั้งเดิมและเพลงธีม
ดนตรีป็อปในประเทศจีนเมื่อสองสามปีก่อนเรียกได้ว่าฉาบฉวยไร้แก่นสาร ผลงานสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยมลดน้อยลงทุกวัน เกิดการเลียนแบบตามกระแสอย่างรุนแรง เพลงยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีเกลื่อนตลาด
ลู่เฉินมีพรสวรรค์โดดเด่นขึ้นมาในวงการเพลงจีน สามารถพูดได้ว่าทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมาก เริ่มแรกเขามาด้วยสไตล์เพลงบัลลาด มอบสายน้ำที่ใสสะอาดให้กับวงการเพลง ยกระดับผลงานเพลงสร้างสรรค์ให้สูงขึ้น
สองสามปีที่ผ่านมา ลู่เฉินเป็นผู้นำพาดนตรีป็อปจีนเดินไปบนเส้นทางที่แข็งแรงและกระตือรือร้น ภายใต้แรงกระตุ้นจากความสำเร็จของเขา มีนักร้องนักแต่งเพลงที่โดดเด่นเกิดขึ้นมากลุ่มหนึ่ง
ดังนั้นในหัวข้อนี้ ลู่เฉินมีคุณสมบัติที่จะพูดได้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อเทียบกับสถานการณ์ของเพลงป็อป เพลงธีมและเพลงพื้นบ้านจริงๆ แล้วแย่ยิ่งกว่าถึงขนาดน่าอับอาย คนหนุ่มสาวที่เติบโตขึ้นมาในยุคใหม่ไม่ชอบ ไม่มีใครอยากฟังเท่าไร ทำให้สองอย่างหลังได้แต่อาศัยพลังของรัฐบาลคอยประคองเพื่อให้ดำรงอยู่ต่อไป
สำหรับปัญหาระหว่างเพลงป็อปกับเพลงธีมและเพลงพื้นบ้าน เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่ถกเถียงกันระหว่างนักดนตรีและนักวิจารณ์เพลงมาอย่างช้านาน มีคนพูดอย่างสุดโต่งว่า เป็นเพราะเพลงป็อปที่ทำรูปแบบเดียวกันจำนวนมากและการแสวงหาความเพลิดเพลินในการฟังเพลงที่ไม่ซับซ้อนได้โจมตีตลาด เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เพลงธีมและเพลงพื้นบ้านต้องตกต่ำ
เมื่อเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหาประเภทนี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเลย
ลู่เฉินเป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่ก้าวข้ามทั้งสองขอบเขต ซึ่งมีจำนวนน้อยมากในประเทศจีน และเขายังได้รับความสำเร็จอย่างสูง
สำหรับปัญหาใหญ่นี้ คำตอบของเขาไร้ซึ่งช่องว่างให้โจมตีได้อย่างแน่นอน
ลู่เฉินไม่ปฏิเสธปัญหาของเพลงป็อป และไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่เพลงธีมและเพลงพื้นบ้านกำลังเผชิญเช่นกัน ทว่าเขาไม่ได้วิจารณ์อย่างรุนแรงเหมือนใครหลายคน แต่กลับเสนอความคิดและวิธีการแก้ปัญหาของตัวเอง
มีเพลง ‘ฉันรักคุณประเทศจีน’ ‘มุกงามแห่งบูรพา’ เป็นตัวอย่างก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นคำตอบของลู่เฉินจึงมีแรงจูงใจอย่างมาก
แม้แต่ถานหลิงที่เคยสัมภาษณ์นักดนตรีชื่อดังและนักวิชาการหลายคน ก็อดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ
ก่อนที่ลู่เฉินจะรับสัมภาษณ์ของถานหลิง เขาไม่รู้คำถามสัมภาษณ์ของเธอ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนเตรียมคำตอบให้เขาเรียบร้อย คำตอบของเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นผลมาจากการคิดตรึกตรองมาอย่างลึกซึ้ง
นี่ทำให้ถานหลิงรู้สึกชื่นชมคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ยิ่งขึ้น
เธอยิ้มเอ่ยว่า “ขอบคุณค่ะ พวกเราพักกันก่อนเถอะ ขอฉันคิดคำถามอีกสองสามคำถามค่ะ”
ลู่เฉินยิ้มพราย “โอเคครับ…”
จากนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจึงถามอีกว่า “นักข่าวถาน พี่ถานช่วงนี้สบายดีไหมครับ”
คำถามนี้ถามอย่างกะทันหัน ถานหลิงกลับหัวเราะเอ่ยว่า “เขาตอนนี้สบายมากค่ะ ดื่มชาพูดคุยกับเพื่อนๆ ทุกวันบางครั้งก็ไปตกปลาบ้าง ถือว่าเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง!”
ลู่เฉินถอนหายใจกล่าวว่า “พูดเสียจนผมอิจฉามากๆ ครับ!”
“อย่าเลยค่ะ…”
ถานหลิงยิ้มเอ่ยว่า “เขาถือว่าเกษียณแล้ว แต่ชีวิตของคุณเพิ่งจะเริ่มต้น ถ้าหากเกษียณจริงๆ อย่างนั้นคงมีแฟนเพลงอีกมากมายต้องผิดหวังค่ะ!”
ทั้งสองคนกำลังพูดถึงถานหง ถานหลิงเป็นน้องสาวของถานหง ทว่าไม่ใช่น้องสาวๆ แท้ แต่เป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้อง
ตอนแรกลู่เฉินยังไม่รู้ แต่ถานหลิงเป็นคนบอกด้วยตัวเอง
ถานหงกับลู่เฉินเปรียบเสมือนอาจารย์และเพื่อน มิตรภาพระหว่างทั้งสองคนใครๆ ก็รู้ เมื่อมีความสัมพันธ์ระดับนี้ดังนั้นการสัมภาษณ์ในครั้งนี้จึงไม่ได้จริงจังและเคร่งขรึมเกินไป มีความผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน ประตูห้องถูกคนเคาะเบาๆ
ลู่เฉินหันไปแล้วเอ่ยว่า “เข้ามาได้…”
ประตูถูกผลักออก ถงซินเหยาชะโงกศีรษะเข้ามา เมื่อเห็นลู่เฉินกับถานหลิงนั่งคุยกัน เธอจึงหดศีรษะเล็กน้อยทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่กล้า
ลู่เฉินถามด้วยความสงสัย “ซินเหยา เธอมีอะไรหรือเปล่า เข้ามาพูดสิ”
ถงซินเหยาหน้าแดง รีบพยักหน้าเดินเข้ามาอย่างเชื่อฟัง “อาจารย์ลู่…”
ลู่เฉินแนะนำให้ถานหลิงรู้จัก “คนนี้คือถงซินเหยานักร้องหน้าใหม่ที่เซ็นสัญญากับบริษัทของเราครับ นี่คือนักข่าวถาน”
ถงซินเหยาโน้มตัวทักทายถานหลิงอย่างมีมารยาท “อาจารย์ถาน สวัสดีค่ะ”
ถานหลิงลุกขึ้นจับมือกับเธอ พลางยิ้มเอ่ยว่า “คุณถงสวยจังเลยค่ะ สวยกว่าในรูปอีก จะว่าไปแล้วลูกสาวของฉันก็เป็นแฟนคลับของคุณนะคะ!”
“อ๋า?”
ถงซินเหยาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด ยิ้มเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็เป็นเกียรติของฉันค่ะ”
ลู่เฉินถามว่า “ซินเหยา เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ถงซินเหยารีบกล่าวทันที “อาจารย์ลู่ วันพรุ่งนี้ฉันต้องไปโปรโมตที่ฮู่ไห่แล้ว ดังนั้นเย็นนี้ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวคุณกับพี่เฟยเอ๋อร์สักมื้อค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมีเวลาว่างไหมคะ”
“ตอนเย็น?”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ผมกำลังจะเลี้ยงข้าวนักข่าวถานพอดี งั้นคุณก็เป็นคนเลี้ยงเลยแล้วกัน”
ถงซินเหยาดีใจ “อย่างนั้นจะดีมากๆ ค่ะ!”
…………………………………………………………………………