Perfect Superstar - ตอนที่ 78 บทเพลงแห่งกาลเวลา
ตอนที่ 78 บทเพลงแห่งกาลเวลา!
ในโลกความฝันของลู่เฉิน เพลง ‘ดอกไม้เหล่านั้น’ เป็นเพลงชื่อดังของนักร้องมากความสามารถคนหนึ่ง
เสียงที่ทุ้มต่ำ เพราะพริ้ง และยังแฝงไปด้วยความเศร้าโศก ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนซาบซึ้งตรึงใจ และถูกนักร้องเพลงโฟล์คนำไปร้องใหม่อยู่หลายครั้ง ทั้งยังมักจะถูกร้องในงานเลี้ยงอำลาในโรงเรียนอยู่บ่อยๆ ยิ่งกว่านั้นคือในงานเลี้ยงจบการศึกษา
แม้ว่าจะเป็นคนละห้วงเวลา เสน่ห์ของเพลงนี้ก็ไม่มีจืดจางเลย
มันสามารถดึงอารมณ์ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่เบื้องลึกในจิตใจของคน โดยเฉพาะคนที่เคยรัก เคยคิดถึง เคยเสียใจ เคยเจ็บปวด แน่นอนว่าจะต้องมีอารมณ์ร่วม จึงเกิดเสียงเรียกร้องอย่างรุนแรงเป็นธรรมดา
ดังนั้นจึงมีหญิงสาวหลายคนน้ำตาไหล ในเนื้อเพลงเต็มไปด้วยความทรงจำอันสวยงาม เต็มไปด้วยความคิดถึงคะนึงหา สุดท้ายจบลงด้วยการลาจาก…พวกเราต่างคนต่างไปสุดขอบฟ้าตามทางของตัวเอง!
ในเพลง ‘ดอกไม้เหล่านั้น’ ลู่เฉินทุ่มเทความจริงใจทั้งหมดของตัวเองลงไป
เขาใช้เพลงนี้เพื่อเป็นการบอกลาช่วงวัยรุ่นในมหาวิทยาลัยของตัวเอง
“ดอกไม้เหล่านั้น ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินก้มตัวโค้งลงตั้งฉากกับพื้น
เสียงปรบมือเหมือนปะทุขึ้นมากลางอากาศ ราวกับระเบิดในสมรภูมิรบ ทั้งรุนแรงและยาวนาน!
หญิงสาวหลายคนลุกขึ้นยืน ดวงตาของพวกเธอรื้นไปด้วยน้ำตา ออกแรงปรบมือคู่งามอ่อนนุ่ม ถึงจะปรบมือจนฝ่ามือแดง เจ็บแล้วก็ไม่สนใจ
พวกชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน พวกเขาแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมามากกว่า นั่นคือเปล่งเสียงตะโกนโห่ร้อง
“ร้องได้ดี!” “ร้องอีกรอบ!” “ร้องอีกเพลง!”…
ไม่นาน เสียงเรียกร้องทั้งหมดเหลือเพียงคำสั้นๆ คำเดียวว่า เอาอีก!
“เอาอีก!”
ชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านี้ยังไม่เคยเผชิญความจริงของสังคมโลก พวกเขายังรักษาความซื่อตรงในจิตใจไว้ได้
พวกเขาชื่นชอบ พวกเธอปลาบปลื้ม พวกเธอและพวกเขาปรบมือด้วยความชื่นชมอย่างไม่ยั้ง
ลู่เฉินลุกขึ้นยืน พยักหน้าเอ่ยว่า “ขอบคุณครับ!”
เขาผ่อนลมหายใจยาว จากนั้นหันหลังกลับไปด้านหลังเวที
จบแล้ว
“เอาอีก!” “เอาอีก!” “เอาอีก!”
แต่ว่าเสียงเชียร์ที่พร้อมเพรียงกันจากเบื้องล่างเวทีไม่ได้จางหายไปเพราะการจากไปของลู่เฉิน กลับยิ่งรุนแรงมากขึ้น แรงเรียกร้องที่ถาโถมเหมือนกับจะทำให้หลังคาห้องประชุมถล่มลงมาเลยทีเดียว!
เสียงห้าวของชายหนุ่ม เสียงแหลมเล็กของหญิงสาว ผสมผสานกันเป็นเสียงเดียว
“เอาอีก!”
เหล่าอธิการบดีและคณาจารย์ที่นั่งอยู่สองแถวหน้าสุดพากันนั่งไม่ติด พวกเขายืนขึ้นหันหลังกลับมา โบกมือให้นักศึกษาเงียบสงบลง อย่าได้รบกวนการแสดงต่อไป
แต่ไม่มีใครสนใจพวกเขา อำนาจของพวกเขาหมดสิ้นลงตั้งแต่วันจบการศึกษาแล้ว!
หลายคนทำหน้าเหลอหลา ไม่รู้จะจัดการอย่างไรจึงดี ถึงอย่างไรก็เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นในการแสดงวันจบการศึกษาน้อยมาก ปกติแล้วไม่เคยมี
แม้แต่ลู่เฉินยังคิดไม่ถึง
เขากำลังจะเดินลงจากเวที พิธีกรของงานก็วิ่งเข้ามาขวางเขาเอาไว้
“ลู่เฉิน นายกลับขึ้นไปบนเวทีร้องอีกเพลงหนึ่ง!”
นักศึกษามหาวิทยาลัยชอบวู่วาม ยิ่งถ้าสถานการณ์ควบคุมไม่อยู่ อาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงตามมาได้
สีหน้าของพิธีกรซีดเผือด
“ได้!”
ลู่เฉินรับรู้ถึงความรุนแรงของปัญหา หันหลังกลับไปกลางเวที
เขาปรากฏตัวขึ้นบนเวทีอีกครั้ง เสียงเรียกร้องสงบลงอย่างรวดเร็ว แต่ทุกคนยังคงยืนอยู่
ลู่เฉินเรียบเรียงความคิด แล้วพูดใส่ไมโครโฟนว่า “ขอบคุณทุกคนนะครับ ขอบคุณพวกคุณที่ชอบในเพลงของผม ถ้าอย่างนั้นผมจะร้องอีกเพลงมอบให้พวกคุณ เป็นเพลงที่ผมเขียนเองเหมือนกัน หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบ”
“ชื่อของมันคือ บทเพลงแห่งกาลเวลา!”
เสียงปรบมือกระหึ่มอีกครั้ง ราวกับเสียงฝนที่กระหน่ำลงบนใบกล้วย
แต่แล้วก็หายหมดจบสิ้นภายในชั่วพริบตา
เพราะลู่เฉินเริ่มร้องเพลงแล้ว
“เวลาจ๋า เธอเดินช้าๆ หน่อย โลกแก่ขึ้นอีกปีแล้ว
จะให้ฉันไม่รีบร้อนได้อย่างไร
วัยสดใสกำลังจากลา
หลายปีขนาดนี้
เธอชอบบอกว่าเจอกันทีไรไม่เคยเปลี่ยนไป
แต่รูปภาพกลับบันทึกใบหน้าอันเยาว์วัยไว้แล้ว
สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือ
ความไร้เดียงสานี้
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ
กาลเวลานี้
ช่วงวัยรุ่นหลายปีนั้น
จากไปไม่หวนกลับคืน
ได้พบคนที่ทำให้ฉันคิดถึง
โลกนี้ก็ยังเป็นโลกนี้
แต่ไม่มีเธอกับฉันอีกแล้ว
…”
เขาร้องเพลงเล่นกีตาร์ไปตามใจคิด ลู่เฉินร้องเพลงได้อย่างจับใจ ให้เสียงเพลงดึงดูดผู้คนให้ย้อนเวลากลับไปลิ้มรสชาติสวยงามที่เคยได้รับ ทบทวนถึงผู้คนที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตของตนคนแล้วคนเล่า
เพลงนี้มีความเศร้าเหมือนเพลง ‘ดอกไม้เหล่านั้น’ แต่มีความโหยหาวันวานมากกว่า
เหมือนกับท่อนสร้อยที่ร้องว่า
“…
ช่วงเวลานี้ สั่นไหว สั่นไหว
ช่วงเวลานี้ หมุนไป หมุนไป
ช่วงเวลานี้ สั่นไหว สั่นไหว
ช่วงเวลานี้ มันหมุนไป หมุนไป!
…”
น้ำเสียงสะอาดสดใสของลู่เฉินเจือปนความเศร้าโศก ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมถูกปกคลุมไปด้วยอารมณ์บางอย่างที่บอกไม่ถูก ทุกคนนั่งลงโดยไม่รู้ตัว ฟังเพลงที่ลู่เฉินร้องอย่างเงียบๆ
ทุกสิ่งเงียบสงบ รวมทั้งเบื้องหลังเวที
การออกแบบของห้องประชุมใหญ่ทันสมัยมาก เขตหลังเวทีมีจอโทรทัศน์ถ่ายทอดสดการแสดงที่กำลังดำเนินบนเวทีตอนนี้
ทุกคนในห้องแต่งตัวมารุมกันอยู่ตรงหน้าจอ
เฉาซิ่วจูเป็นหนึ่งในนั้น
เธอเพิ่งเสียน้ำตาไป หางตายังมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่
คนที่เสียน้ำตาเหมือนกันไม่ใช่แค่เธอคนเดียว
“…
ช่วงวัยรุ่นหลายปีนั้น
ผ่านไปแล้วไม่อาจหวนคืน
ได้พบคนที่ทำให้ฉันคิดถึง
สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความไร้เดียงสา
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ
กาลเวลานี้!
ฉันอยากร้องเพลงแห่งกาลเวลาให้เธอ
เพื่อให้ช่วงวัยเยาว์ของฉันไม่แก่เฒ่า
ฉันอยากร้องเพลงแห่งกาลเวลาให้เธอ
เพื่อให้ช่วงวัยเยาว์ของฉันไม่แก่เฒ่า
…”
ช่วงวัยเยาว์ของพวกเราจะไม่มีวันเก่า!
ร้องท่อนสุดท้ายจบ ลู่เฉินไม่ได้กล่าวขอบคุณอีกเป็นครั้งที่สอง เขาลุกขึ้นก้มโค้งคำนับแล้วถอยหลัง ลงจากเวทีไป
ที่เหลือก็ให้ทุกคนค่อยๆ คิดทบทวนไปเถอะ
ครั้งนี้เขาไม่ถูกรั้งให้กลับขึ้นเวที เพราะทุกคนยังจมดิ่งอยู่กับอารมณ์ของเพลง
ลู่เฉินกลับเข้ามาถึงหลังเวที
เขาเพิ่งลงมา ก็มีร่างของใครคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามากอดเขาไว้เต็มเหนี่ยว!
ลู่เฉินตกใจจนสะดุ้ง มองดีๆ แล้วก็ร้องออกมาว่า “นี่ นี่ นี่ หัวหน้าเฉา เสียมารยาท ห้ามกอดนะ!”
คนที่กอดเขาคือเฉาซิ่วจู หัวหน้าชั้นสาวคนนี้คลายอ้อมแขนจากเขาโดยที่ขอบตายังแดงก่ำ “ลู่เฉิน นายร้องได้ดีจริงๆ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่านายมีความสามารถแบบนี้ด้วย!”
ลู่เฉินหัวเราะ “อย่างฉันเรียกว่าของดีที่มาช้าไปหน่อย…”
ตอนนี้เอง คนที่อยู่รอบๆ ล้อมวงกันเข้ามาหาลู่เฉิน ปรบมือให้เขาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ทั้งการแสดงบนเวที หรือจะเป็นการแสดงที่เพิ่งสิ้นสุดลง พวกเขาใช้เสียงปรบมือที่พร้อมเพรียงและอบอุ่นจริงใจ เพื่อแสดงความชื่นชมลู่เฉิน!
ลู่เฉินทั้งตกใจทั้งซึ้งใจ เขาไม่มีอะไรตอบแทนนอกจากคำว่า “ขอบคุณ ขอบคุณทุกคน ขอบคุณพวกคุณมาก!”
ในบรรดาผู้ที่ห้อมล้อมลู่เฉินอยู่มีซูเซวียนอยู่ด้วย เธอยิ้มเล็กน้อยแทนคำอวยพร
…
งานเลี้ยงจบการศึกษาสิ้นสุดลง ลู่เฉินและพวกเกาเฮ่อสามคนกลับเข้าหอพัก เป็นเวลาดึกปาเข้าไปห้าทุ่มครึ่ง แล้ว
ทุกคนไม่ได้พูดอะไรกัน นอนอยู่บนเตียงของตัวเอง
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายในมหาวิทยาลัยแล้ว
“ลาก่อน ชีวิตวัยรุ่นอันอัปยศ!”
ไม่รู้ว่าเสียงของใครตะโกนท่ามกลางความเงียบงันของค่ำคืนที่ดึกสงัด ทะลุผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามา
เหมือนกับเสียงร้องของหมาป่าที่บาดเจ็บ
“ลาก่อน มหาวิทยาลัยของฉัน!”
ปัง!
เสียงข้าวของแตกหักดังมาจากที่ไหนสักแห่ง
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงเหล่านี้เหมือนเป็นโรคติดต่อ เหมือนไข้ระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
เกาเฮ่อที่นอนอยู่เตียงชั้นล่างของลู่เฉิน จู่ๆ ก็กระโดดลุกขึ้นมา จนหัวของเขาชนกับฝาไม้ใต้เตียงเข้าอย่างแรง
แต่คนบุ่มบ่ามคนนี้ไม่ได้สนใจ เขาคว้ากระติกน้ำร้อนของตัวเองขึ้นมาแล้วเปิดหน้าต่าง ออกแรงขว้างกระติกน้ำร้อนของตัวเองออกไป ก่อนตะโกนไปนอกหน้าต่างสุดแรงเกิดว่า “หวังเสี่ยวหลิง ฉันรักเธอ!”
“กลับบ้านไปกับฉันเถอะ!”
ลู่เฉิน ว่านหงจื้อ และโจวรุ่ยมองหน้ากันเหลอหลา ไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไร
ว่านหงจื้อถือกระติกน้ำร้อนของตัวเองขึ้นมาเงียบๆ แล้วโยนออกไปนอกตึกเหมือนเกาเฮ่อ “วันอัปยศ!”
ลู่เฉินหัวเราะเสียงดัง แล้วกระโดดลงจากเตียง
มาโยนด้วยกันเถอะ!
กระติกน้ำร้อน กะละมังล้างหน้า แก้ว แปรงสีฟัน ถังขยะ หนังสือเรียน…
ทั้งเขตหอพักของมหาวิทยาลัย เปลี่ยนเป็นสนามรบอันบ้าคลั่งอย่างรวดเร็ว ทุกคนพากันขว้างปาข้าวของ!
เสียงของตกกระแทก เสียงแก้วแตก เสียงตะโกน เสียงร้องไห้…สะท้อนอยู่ในความมืดของค่ำคืนเงียบเหงา
นี่คือวัยรุ่นของพวกเรา!
ขว้างจนไม่มีอะไรจะขว้างแล้ว เกาเฮ่อก้มตัวลงไปลากลังเบียร์จากใต้เตียงลังหนึ่งออกมาเปิด
เขาหยิบขวดเบียร์ออกมาหลายขวดแบ่งให้พวกลู่เฉิน ตัวเองเปิดออกขวดหนึ่ง พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า
“คืนสุดท้ายในมหาวิทยาลัย พวกเราลืมตาไว้ ใครก็ห้ามนอน!”
เพิ่งสิ้นเสียง ประตูห้องพักก็มีคนผลักเปิด
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นหญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นบอบบาง น้ำตาไหลนองหน้า
เธอสะอื้น “เกาเฮ่อ ฉันจะกลับไปกับนาย”
พลั่ก!
ขวดเบียร์ในมือของเกาเฮ่อร่วงลงพื้น เบียร์ผสมฟองพวยพุ่งออกมาจากปากขวด
หกรดลงบนตัวของเขาจนเปื้อนไปหมด
……………………………………………………………………
Ink Stone_Fantasy
ข้อความถึงนักอ่าน
Ink Stone_Fantasy
เพลง 时光谣 โดย 王梵瑞 https://www.youtube.com/watch?v=TII9Pylf4mE&ab_channel=%E7%8E%8B%E6%A2%B5%E7%91%9E-Topic