Perfect Superstar - ตอนที่ 806 ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
ตอนที่ 806 ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
นับตั้งแต่ที่ได้เปิดตัวรายการ ‘ชุมนุมยอดมือปราบ’ ที่ร่วมผลิตโดยเฉินเฟยมีเดียและช่องวาไรตี้ของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ด้วยทีมผลิตที่แข็งแกร่ง ไอเดียที่แปลกใหม่ และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของรายการ ทำให้ชนะใจผู้ชมจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และเรตติ้งก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถึงปลายเดือนมีนาคม เรตติ้งของรายการนี้ก็เกิน 8% ไปแล้ว สร้างสถิติสูงสุดในบรรดารายการวาไรตี้ประเภทเดียวกันของช่องวาไรตี้ และครอบครองอันดับหนึ่งของรายการวาไรตี้ภายในประเทศ
ผู้เข้าแข่งขันจำนวนมากที่เข้าร่วมในรายการได้แสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมา ดึงดูดความสนใจจากผู้ชมในทุกๆ ด้าน
การจากไปของเมิ่งหู่ไม่ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายมากนัก แม้ว่าเขาจะทำได้อย่างยอดเยี่ยมในส่วนของการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับคู่แข่งที่มีรูปร่างหน้าตาที่ดีกว่า เขาไม่ได้มีกลุ่มแฟนคลับที่เยอะมากนัก
ลู่เฉินก็จากไปในเวลาเดียวกัน
วันที่ 25 เดือนมีนาคม ลู่เฉินออกจากปักกิ่งไปที่อำเภอหนิงซานซึ่งอยู่ในเจ้อเจียงตะวันออก เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดของภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’
ก่อนหน้าที่เขาจะมานั้น เหล่าทีมงานที่เพิ่งรวมกลุ่มขึ้นมาใหม่ของกองถ่าย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ รวมถึงผู้กำกับเฉินกั๋วจื้อได้เข้ามาอยู่ในโรงถ่ายหนิงซาน และได้เตรียมการสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว
อำเภอหนิงซานตั้งอยู่ในเมืองฉางซาน เครื่องบินที่ลู่เฉินนั่งมาจากปักกิ่งนั้นใช้เวลาบินเกือบสองชั่วโมง ก็ลงจอดบนรันเวย์ของสนามบินฉางซาน
การมาหนิงซานในครั้งนี้ลู่เฉินมาอย่างเงียบๆ แม้แต่ผู้ช่วยสักคนก็ไม่ได้ติดตามเขามา เขาสวมหมวกและแว่นตาปิดบังใบหน้าที่แท้จริง จากนั้นก็รีบไปด้วยตัวคนเดียวพร้อมกับกระเป๋าเดินทางอีกหนึ่งใบ
ออกจากอาคารผู้โดยสารแล้ว ก็มีรถจอดรออยู่ด้านนอกของสนามบิน
เมื่อเปิดประตูรถเมอร์เซเดสเบนซ์ออก ลู่เฉินก็มองเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์นั่งอยู่ที่เบาะหลังทันที
โดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ทั้งสองต่างกอดกันแน่น ดังคำกล่าวที่ว่าคู่รักที่ห่างกันไปในช่วงหนึ่งจะโหยหากันมากกว่าคู่แต่งานใหม่เสียอีก เมื่อนับดูแล้วก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่พวกเขาไม่ได้เจอกัน ย่อมคิดถึงคนรักมากเป็นเรื่องธรรมดา
ถึงแม้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าคิดถึงมากแค่ไหน แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้แอบอิงตัวเองเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของลู่เฉิน แต่เพราะที่นั่งเบาะหน้ายังมีผู้ช่วยและบอดี้การ์ดของเธอนั่งอยู่ด้วย ดังนั้นจึงทำได้เพียงระงับความปรารถนาและไม่ทำอะไรที่บุ่มบ่ามจนเกินไป
มีเพียงดวงตาที่สดใสของเธอที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตา พูดออกมาเบาๆ ว่า “บอกแล้วให้นายมาหาให้เร็วกว่านี้ นี่ตั้งนานกว่าจะ…”
ลู่เฉิมยิ้มอย่างขมขื่น “ผมปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นไม่ได้จริงๆ ครับ”
ถึงแม้ว่าลู่เฉินจะไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกรรมการของ ‘ชุมนุมยอดมือปราบ’ แต่ด้วยการร้องขอของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ทำให้เขายังต้องมีส่วนร่วมในการผลิตและถ่ายทำในฐานะแขกรับเชิญพิเศษ
และยังมีเรื่องของเฉินเฟยมีเดียอีก ทำให้งานที่ปักกิ่งนั้นยุ่งมากจนล่าช้ามาถึงตอนนี้
ในช่วงนี้เฉินเฟยเอ๋อร์และลู่เฉินจะพักอยู่ที่หนิงซานตลอด เมื่อมาถึงก็ไปเที่ยวเล่นกันก่อนสองสามวัน หลังจากนั้นหลักๆ แล้วจะเป็นการต้อนรับการมาถึงของสมาชิกในทีม และจัดเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายทำอย่างเป็นทางการ ไม่มีเวลาว่างที่จะกลับไปปักกิ่งเช่นเดียวกัน
นับตั้งแต่เริ่มทำโปรเจกต์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จนถึงตอนนี้ที่ใกล้จะเปิดกล้อง ใช้เวลาทั้งหมดมากกว่าหนึ่งปี ตามแผนการ ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ซึ่งเป็นภาคแรกนั้นจะฉายอย่างเป็นทางการในช่วงฤดูร้อน แต่ตอนนี้ใกล้จะเข้าสู่เดือนเมษายนแล้ว เวลาที่ใช้ในการถ่ายทำและการผลิตจึงจำกัดมาก
โชคดีที่ได้เตรียมตัวมาเป็นเวลานานพอแล้ว ในส่วนของทีมงานและเงินทุนก็มีเพียงพอ ผู้กำกับ นักแสดง และบทละครล้วนยอดเยี่ยม เชื่อว่าเมื่อเริ่มเข้าสู่การถ่ายทำ การถ่ายทำจะต้องเร็วมากอย่างแน่นอน
เมื่อพิจารณาถึงความยากของขั้นตอนหลังการถ่ายทำ ลู่เฉินยังเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วในกรณีที่ไม่สามารถฉายได้ทันในฤดูร้อน ก็จะเปลี่ยนไปเตรียมตัวฉายในช่วงวันชาติจีนแทน เพราะคุณภาพและประสิทธิภาพของภาพยนตร์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนหรือช่วงวันชาติจีนก็ตาม ในอีกหลายเดือนข้างหน้า งานของทั้งสองคนก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ต่อให้ตอนนี้เพิ่งจะได้เจอกัน แต่ก็ไม่มีเวลามาจี๋จ๋ากันมากมายนัก
เฉินเฟยเอ๋อร์ถอนหายใจ “งานยุ่งอยู่ตลอดไม่จบไม่สิ้น หรือว่าพวกเราจะลาออกจากวงการบันเทิงกันดี…”
ลู่เฉินรู้สึกขบขันกับคำพูดเชิงตัดพ้อของเธอ “ผมไม่มีปัญหานะ คุณอยากจะออกไหมล่ะ” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
พูดตามตรง ถ้าเฉินเฟยเอ๋อร์เบื่อกับการยืนอยู่ในสปอตไลต์แล้วจริงๆ เขาก็ยินดีที่จะโยนอาชีพที่เขาได้พยายามทำงานมาอย่างหนักนี้ทิ้งไปเพื่อติดตามเธอออกจากวงการบันเทิง หลีกหนีออกไปใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ ไปให้ไกลจากผู้คนที่พลุกพล่านจอแจ
อาชีพต่อให้สำคัญ แต่จะเทียบกับคนรักที่อยู่ข้างกายได้อย่างไรกัน
เงินที่ทั้งสองคนหามาได้นั้น ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสักหลายๆ รอบก็ยังใช้ไม่หมด แล้วทำไมจะใช้ชีวิตในแบบที่อยากจะเป็นไม่ได้กันล่ะ
น่าเสียดายที่เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่เต็มใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเวลานี้
เธอมองค้อนลู่เฉินอย่างไม่พอใจ “ฉันแค่พูดเฉยๆ ไม่ได้ใช่ไหม จริงๆ เลยนะนายเนี่ย…”
เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะไม่มีเหตุผล ดังนั้นลู่เฉินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนเรื่องคุย “คุณอยู่ที่นี่มีความสุขดีไหม คุณตากับคุณยายของผมเป็นยังไงบ้าง”
คุณตาและคุณยายของลู่เฉินล้วนยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลฟางถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่ในหนิงซาน ลู่เฉินมีลุงป้าน้าอามากมาย ลูกพี่ลูกน้องทั้งผู้ชายและผู้หญิงยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่
แต่ก่อนหน้านี้ครอบครัวของลู่เฉินไม่ค่อยได้ติดต่อกับทางหนิงซานมากนัก จะมีก็แค่ไปเยี่ยมญาติกันในช่วงเทศกาลเท่านั้น
คราวนี้เฉินเฟยเอ๋อร์ตามลู่ซีมาถึงหนิงซาน จึงได้ไปเยี่ยมคุณตากับคุณยายของลู่เฉินด้วย
“ท่านทั้งสองดีมากเลยละ ทั้งใจดีและมีเมตตา…”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกท่านร่างกายแข็งแรงกันดี คุณยายให้กำไลข้อมือหยกกับฉันด้วยนะ ยังคุยกันว่าเมื่อไหร่นายจะมาถึง พรุ่งนี้พวกเราไปหาท่านด้วยกันไหมล่ะ”
ลู่เฉินพยักหน้า “อืม เทศกาลเชงเม้งต้นเดือนหน้า ผมต้องกลับไปที่ปินไห่อีกรอบนะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์จับมือของลู่เฉินแล้วพูดว่า “ฉันจะไปกับนายด้วย”
ลู่เฉินมองไปที่แฟนสาวที่ซุกตัวอยู่ข้างๆ แย้มรอยยิ้มออกมาโดยไม่มีคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น
เมอร์เซเดสเบนซ์ขับตรงออกมาจากสนามบินที่กว้างขวาง มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เพื่อเข้าสู่ทางด่วน และรวมเข้ากับการจราจรที่เร่งรีบอย่างรวดเร็ว
หลังจากขับไปได้ครึ่งชั่วโมง รถก็ได้ลงจากทางด่วนและมาถึงหนิงซาน
หนิงซานนั้นล้อมรอบไปด้วยภูเขาทั้งสามด้าน มีทางออกแค่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น ที่นี่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและแม่น้ำ มีป่าดั้งเดิมขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา เนื่องจากไม่ได้รับความเสียหายจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ สภาพแวดล้อมโดยรอบและทัศนียภาพทางธรรมชาติจึงดีมาก
โรงถ่ายหนิงซานตั้งอยู่ที่เชิงเขาชิงหนิง เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ชมวิวหนิงซานที่สำคัญ สมาชิกหลักของทีมงาน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ก็ได้พักในโรงแรมแห่งหนึ่งในโรงถ่ายนี้
โรงแรมห้าดาวสูง 37 ชั้นแห่งนี้เป็นหนึ่งในอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ในหนิงซาน ทางเทศบาลทุ่มทุนไปมหาศาล เดิมทีคาดว่าโรงถ่ายแห่งนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากหลังจากเปิดกิจการ แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด
ดังนั้นคราวนี้ทีมงานของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้เลือกที่จะเปิดกล้องถ่ายทำในหนิงซานนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีความสำคัญต่ออำเภอหนิงซานมากแค่ไหน ทางเทศบาลยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ และพยายามให้ความร่วมมือกับการทำงานของทีมงานอย่างเต็มที่
แม้แต่เฉินกั๋วจื้อก็ยังโทรหาลู่เฉินเป็นกรณีพิเศษเพื่อยกย่องชื่นชมเขาที่เลือกสถานที่ได้เป็นอย่างดี
จะไปมีโรงถ่ายหนังขนาดใหญ่ที่ไหนอีกที่จะมีมาตรฐานการดูแลสูงขนาดนี้!
เมื่อลู่เฉินลงจากรถเขาก็เห็นป้ายสีแดงยาวแขวนอยู่ด้านนอกของโรงแรมเพื่อต้อนรับทีมงานทันที มันสะดุดตามาก
อาจเป็นเพราะการพยายามทำให้เขาดูเป็นคนสำคัญ เขาจึงมักจะรู้สึกว่าการกลับมาหนิงซานเพื่อถ่ายทำ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ในครั้งนี้นั้น ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและใกล้ชิด
ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วละ!
…………………………………………………………………………