Perfect Superstar - ตอนที่ 816 เข้าใจและสนับสนุน
ตอนที่ 816 เข้าใจและสนับสนุน
เฉินกั๋วจื้อจ้องลู่เฉินเขม็ง สีหน้าท่าทางเคร่งขรึม
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบุคคลชั้นนำในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ในประเทศ เฉินกั๋วจื้อไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในวงการที่พูดภาษาจีนเท่านั้น แต่ยังมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติอีกด้วย เขาเคยได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบผู้กำกับที่ดีที่สุดในเอเชียจากนิตยสารต่างประเทศที่มีชื่อเสียง
ต่อหน้าเฉินกั๋วจื้อไม่ว่านักแสดงและศิลปินจะสูงส่งมาจากไหน อย่าพยายามเล่นใหญ่ มีดารานักแสดงภาพยนตร์ที่ถูกเขาดุและสั่งสอนมามากกว่าคนสองคน ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งนั้น
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ทุกคนรู้สึกประหม่า เฉินกั๋วจื้อเป็นบุคคลที่ไม่ยอมก้มหัวให้ความไม่ถูกต้อง ไม่ว่าลู่เฉินจะได้รับความนิยมสูงแค่ไหน หรือมีชื่อเสียงโด่งดังเพียงใด ถ้าเกิดล่วงเกินเขาเข้าละก็ อย่าได้คิดว่าจะมีผลไม้ดีๆ ให้กินอีกเลย
หากทั้งคู่เผชิญหน้ากันขึ้นมาจริงๆ นั่นก็จะเป็นหายนะสำหรับทีมงานกองภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร!’ เป็นแน่
ลู่เฉินไม่ได้หลบสายตาของเฉินกั๋วจื้อ ดวงตาของเขาฉายแววจริงจังและซื่อสัตย์
ภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในความสำเร็จหรือความล้มเหลวของภาพยนตร์เรื่องนี้จะส่งผลโดยตรงต่อการขยายและพัฒนาเฉินเฟยมีเดียในอนาคต รวมทั้งตัวเขาเองด้วย
สำหรับโปรเจกต์นี้ ลู่เฉินได้เตรียมการมาเป็นเวลานาน ได้ทุ่มเททั้งสติปัญญาและความพยายามอย่างมาก แค่เงินลงทุนเพียงอย่างเดียวก็ปาไปตั้งหลายร้อยล้านแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้สัดส่วนการลงทุนก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น ห้ามล้มเหลวอย่างเด็ดขาด
เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของภาพยนตร์คืออะไร
บางคนก็บอกว่าอยู่ที่คุณภาพ บางคนก็บอกว่าอยู่ที่การโฆษณา บางคนก็บอกว่าอยู่ที่การลงทุน บางคนก็บอกว่าขึ้นอยู่กับดวง!
ลู่เฉินเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทัศนคติที่มีต่อภาพยนตร์ ทัศนคติที่ซื่อสัตย์และจริงใจ!
จะสร้างภาพยนตร์ดีๆ ได้อย่างไร หากไม่มีทัศนคติที่ซื่อสัตย์และจริงใจ
บางทีบางคนอาจสร้างรายได้จากภาพยนตร์ห่วยๆ ที่มาจากการสร้างกระแสโปรโมต และบางคนก็ทุ่มเงินให้ดารา ดึงดูดความสนใจด้วยผลลัพธ์ที่เร้าใจ แต่ความอดทนของผู้ชมมีขีดจำกัด
ของที่เอาใจมวลชนเหล่านั้น แม้จะสำเร็จได้สักระยะหนึ่ง ก็จะถูกตลาดละทิ้งไปในที่สุด เหลือเพียงผลงานที่ใช้ความจริงใจเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง มีพลังชีวิตและอิทธิพลในระยะยาว
ลู่เฉินหวังว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะเป็นผลงานเช่นนี้ และเขาก็ทำงานหนักเพื่อการนี้
แม้ว่าส่งผลให้การถ่ายทำล่าช้าไปมาก
และหากการยืนกรานของเขาทำให้เฉินกั๋วจื้อไม่พอใจ แม้กระทั่งเกิดความขัดแย้งขึ้นด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าเขาจะเคารพอีกฝ่ายมากแค่ไหน ก็จะไม่มีการประนีประนอมอย่างเด็ดขาด แม้ว่าเฉินกั๋วจื้อจะลาออกจากกองภาพยนตร์ก็ตาม!
จู่ๆ เฉินกั๋วจื้อก็หัวเราะขึ้นมา
เขายิ้มกว้างและเต็มไปด้วยความปลื้มใจ แววตาที่มองไปยังลู่เฉินฉายแววชื่นชมขึ้นมาเล็กน้อย
“ต้องรับประกันคุณภาพก่อน…”
ผู้กำกับใหญ่ยิ้มกริ่มพลางเอ่ย “คุณพูดถูก ตอนแรกผมกังวลว่าคุณจะทนรับแรงกดดันไม่ไหว แต่ตอนนี้ผมโล่งใจแล้ว พลาดช่วงกำหนดการฉายภาพยนตร์ก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้สร้างภาพยนตร์เพื่อให้ทันตามกำหนดเวลา”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ทำให้บรรยากาศในห้องวีไอพีผ่อนคลายลงในพริบตา
ลู่เฉินยิ้มและเอ่ยว่า “ขอบคุณที่เข้าใจครับ…”
“ยังจะมีอะไรที่ผมยังไม่เข้าใจอีกล่ะ”
เฉินกั๋วจื้อเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจ “ผมในเวลานั้น รั้นกว่าคุณเสียอีก เพราะแบบนี้เลยล่วงเกินคนอื่นๆ ไปไม่น้อยเลย ลำบากมามากเหลือเกิน แต่ผมก็อดทนและทำให้คนที่หัวเราะเยาะพวกนั้นกลายเป็นตัวตลกไป!”
“ผมอายุมากแล้ว จะกำกับภาพยนตร์ได้อีกสักกี่ปีกัน อนาคตเป็นของคนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณ สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็คือเดินไปพร้อมกับพวกคุณและส่งพวกคุณไปอีกขั้น ส่วนระยะทางข้างหน้าพวกคุณต้องไปด้วยตัวเอง”
เฉินกั๋วจื้อชื่นชมลู่เฉิน ไม่ใช่เพียงเพราะลู่เฉินมอบโปรแกรมการแสดงที่โดดเด่นมากมายในงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิให้กับเขาเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะเขามองเห็นคุณภาพที่ยอดเยี่ยมในตัวลู่เฉิน
ลู่เฉินยังเด็ก เป็นคนมากด้วยความสามารถ และความนิยมของเขานั้นภายในวงการบันเทิงของประเทศนี้ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ แต่เพราะเขาไม่ได้ลุ่มหลงเย่อหยิ่งในตนเอง ในทางกลับกันเป็นคนถ่อมตัวและระมัดระวังรอบคอบ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ
สิ่งที่น่ายกย่องคือลู่เฉินไม่เพียงแต่มีความคิดสร้างสรรค์และค้นหาสิ่งใหม่ๆ ในภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังมีความอดทนและมีความพากเพียรมากอีกด้วย
ในมุมมองของเฉินกั๋วจื้อ ถ้ามีศิลปินอย่างลู่เฉินในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์มากกว่านี้อีกสักสองสามคน นั่นคงจะดีกว่านี้มาก
สิ่งที่เขาถามลู่เฉินไปเมื่อสักครู่นี้ เป็นเพียงแค่บททดสอบเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง
เฉินเฟยเอ๋อร์เอ่ยขึ้น “ผู้กำกับเฉินคะ คุณยังไม่แก่เสียหน่อย…”
เฉินกั๋วจื้อหัวเราะอย่างโง่เขลา “ผมแก่แล้วจริงๆ เมื่อสิบปีก่อนผมสามารถให้ทีมงานอยู่จนดึกเพื่อถ่ายทำไปพร้อมกับผม การถ่ายทำกินเวลาไปสามวันสามคืนก็ไม่รู้สึกเหนื่อย ตอนนี้จะปฏิเสธว่าไม่แก่เห็นทีจะไม่ได้”
“เสี่ยวลู่ สิ่งที่คุณยืนกรานมานั้นถูกต้องแล้ว แต่คุณต้องใส่ใจกับสภาพจิตใจของทีมงานด้วย…”
ลู่เฉินพยักหน้าเอ่ย “ผมทราบครับ ไว้ผมจะคิดหาวิธีเพิ่มขวัญกำลังใจ”
เฉินกั๋วจื้อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเทียบกับทีมงานในกองแล้ว ผู้กำกับเปรียบเสมือนแม่ทัพ แม่ทัพที่ดีต้องไม่เพียงแค่รู้วิธีสั่งการศึกเท่านั้น ยังจำเป็นต้องรู้วิธีเข้าถึงหัวอกของทหารด้วย ใช้วิธีนี้เท่านั้นจึงจะคว้าชัยชนะมาได้”
“ผมเชื่อว่าคุณจะเป็นผู้บัญชาการที่ดี!”
ลู่เฉินฟังอย่างนอบน้อมและจริงจัง
สำหรับผู้กำกับใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าเขานี้ ความเคารพของลู่เฉินไม่ใช่แค่ผิวเผินเท่านั้น อันที่จริงในช่วงเวลานี้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากเฉินกั๋วจื้อในการถ่ายทำ และได้รับประสบการณ์อันมีค่ามหาศาล
อีกทั้งเฉินกั๋วจื้อไม่เคยหวงวิชาในการสอนเขา ทั้งยังเป็นผู้เริ่มให้คำแนะนำมากมายแก่เขา
ลู่เฉินเชื่อว่าหลังจากเจอบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ของ ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ในอนาคตเมื่อเขากำกับภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อีกสองภาคด้วยตัวเอง น่าจะไม่มีอุปสรรคอะไรมากมาย
จะบอกว่าเฉินกั๋วจื้อเป็นอาจารย์ของเขา ก็คงจะไม่เกินจริง!
เฉินกั๋วจื้อพูด ลู่เฉินฟัง ส่วนคนอื่นมองอย่างเงียบๆ ภาพนี้เข้ากันได้ดีมากจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
…
วันรุ่งขึ้น ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ยังคงดำเนินการถ่ายทำต่อไปในโรงถ่ายหนิงซาน
ก่อนเริ่มเปิดกล้อง ลู่เฉินได้ประกาศเรื่องสำคัญให้กับทีมงานทุกคนก่อนเป็นอันดับแรก นั่นคือหลังจาก ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ภาคแรกของภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เข้าฉาย เฉินเฟยมีเดียจะให้ห้าเปอร์เซ็นต์ของกำไรบ็อกซ์ออฟฟิศเป็นโบนัสสำหรับทีมงาน จะได้แตกต่างกันตามอัตราส่วนผลงาน และมีส่วนแบ่งกันทุกคน!
เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ในหลายกรณีบทบาทของเงินนั้นมีผลโดยตรงและและมีพลังมหาศาล
‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศได้มากแค่ไหนนั้นไม่มีใครรู้ แต่ไม่มีใครคิดว่าภาพยนตร์กำลังภายในเรื่องนี้จะขาดทุน และกำไรก็เป็นเรื่องที่แน่นอน มีแต่คำถามที่ว่าจะได้มากหรือได้น้อยแค่นั้นเอง
ห้าเปอร์เซ็นต์ดูเหมือนจะไม่มาก แต่เป็นโบนัสสำหรับทีมงานนั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ห้าเปอร์เซ็นต์ของกำไรร้อยล้านคือห้าล้าน แม้แต่พนักงานทั่วไปส่วนใหญ่ขั้นต่ำก็สามารถแบ่งได้หลายพันเลยทีเดียว
ถ้า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ทำกำไรได้หลายร้อยล้านละก็…
มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น!
ภายใต้ความเร้าใจจากรางวัลที่มากมายนี้ ได้ปลุกขวัญกำลังใจของทีมงานเพิ่มขึ้นในทันใด และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือบุคคลสำคัญหลักทั้งสองอย่างเฉินกั๋วจื้อและลู่เฉินเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภายใต้การนำของพวกเขาการถ่ายทำดำเนินต่อไปอย่างมีระเบียบ
ฉากยากๆ ถ่ายเสร็จไปอีกฉากแล้วฉากเล่า แม้แต่นักแสดงตัวประกอบที่เข้าร่วมแสดงก็เรียนรู้อย่างรวดเร็วหลังจากการทดลองหลายครั้งก่อนหน้านี้ ความคืบหน้าที่ล่าช้าในช่วงแรกก็ค่อยๆ ทยอยตามทัน!
แต่เมื่อปัญหาภายในของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ค่อยๆ คลี่คลายลง แรงกดดันจากภายนอกก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
……………………………………………………