Perfect Superstar - ตอนที่ 822 ความโกลาหลในยุทธภพ (2)
ตอนที่ 822 ความโกลาหลในยุทธภพ (2)
บนโลกล้วนแต่แสวงหากำไร บนโลกที่วุ่นวายล้วนเกิดเพราะผลประโยชน์ทั้งสิ้น
สภาพความโกลาหลในยุทธภพของตลาดภาพยนตร์ในประเทศนั้น พูดกันตามตรงก็คือเป็นการขัดกันทางผลประโยชน์ เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งของเค้กการจำหน่ายตั๋วก้อนใหญ่หลายหมื่นล้านชิ้น และใครๆ ต่างก็ต้องการคว้าชิ้นที่ใหญ่และหอมหวานที่สุดไป
ในศึกการแข่งขันครั้งนี้ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ กลายเป็นตัวประกอบที่ไม่โดดเด่น ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดไปทาง ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ และ ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ แทน
บริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาว บริษัทภาพยนตร์ต้าตี้ รวมไปถึงบริษัทคราวน์พิคเจอร์สที่ผลิต ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ ทั้งสามล้วนเป็นบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงในวงการนี้ ความสามารถเรียกได้ว่าทัดเทียมกัน อีกทั้งฮั่วเฟยเยวี่ย กู้เหล่ย และหลินลั่ว นักแสดงนำของภาพยนตร์กำลังภายในทั้งสามเรื่องก็ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นในบรรดาศิลปินวัยรุ่น ใครเป็นผู้ชนะ จะต้องกลายเป็นประเด็นร้อนอย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อจาก ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ และ ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ ก็ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกมาเช่นกัน คุณภาพของสเปเชียลเอฟเฟกต์ไม่ด้อยไปกว่าฝ่ายก่อนหน้าสักเท่าไร ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์อย่างอึกทึกครึกโครม ผู้คนอดไม่ได้ที่จะได้กลิ่นอายดินปืนของโปรแกรมภาพยนตร์ฤดูร้อนที่จะถึงนี้
‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 5 กรกฎาคม ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ เข้าฉายในวันที่ 12 กรกฎาคม และ ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ เข้าฉายในวันที่ 15 กรกฎาคม ความน่าสนุกของการปะทะกันระหว่างมังกรกับเสือได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!
และสถานการณ์เช่นนี้ทำให้หลายคนกังวลเกี่ยวกับเฉินเฟยมีเดียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ถูกเลื่อนวันเข้าฉายออกไปจนถึงวันชาติจีน เวลาห่างกันตั้งสองเดือนทำให้เสียโอกาสไปโดยสิ้นเชิง และยอดจำหน่ายตั๋วในอนาคตก็เป็นที่น่ากังวล
เหตุผลนั้นง่ายมาก สำหรับภาพยนตร์กำลังภายในแนวใหม่ที่กำลังมาแรง พวกเขาต้องมีความรู้สึกแปลกใหม่อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว และเต็มใจที่จะจ่ายเงินเข้าโรงภาพยนตร์เพื่อชมความสนุกอย่างแน่นอน แต่หลังจากดูภาพยนตร์ไปสองสามเรื่องแล้ว อาจเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายภาพยนตร์แนวเดียวกันได้ง่ายๆ
แน่นอนว่าอาศัยความนิยมของลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ หลิวกั่งเซิง และถานหง ยอดจำหน่ายตั๋วของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไม่ต่ำอย่างแน่นอน จะทำให้เฉินเฟยมีเดียขาดทุนละก็เป็นเรื่องยาก แต่ว่าอยากจะให้คำพูดกล้าได้กล้าเสียของลู่เฉินในพิธีเปิดกล้องเป็นจริงขึ้นมา…
นั่นเป็นเรื่องที่พูดยากแล้วละ
หลายคนในวงการนี้เชื่อว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่พลาดการเข้าฉายในช่วงฤดูร้อน เพราะข้อได้เปรียบในตอนแรกถูกยกให้ฝ่ายตรงข้าม ความเสียหายที่เกิดจากเลื่อนกำหนดฉายอย่างต่ำก็หลายร้อยล้าน
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้ลู่เฉินสูญเสียออร่าที่ล้อมรอบตัวเขา ‘ออร่าแห่งความคงกระพัน’
การไม่เป็นจุดสนใจของเฉินเฟยมีเดียในระยะนี้ดูเหมือนจะเป็นข้อพิสูจน์ในจุดนี้เช่นกัน
“ช่วงนี้บนสื่อมีเสียงวิจารณ์แย่ๆ ไม่น้อยเลย…”
ภายในออฟฟิศผู้จัดการใหญ่ สำนักงานใหญ่เฉินเฟยมีเดีย กรุงปักกิ่ง ลู่ซีโยนการ์ดเชิญหนึ่งใบไปที่ด้านหน้าของลู่เฉิน พร้อมเอ่ยว่า “เราควรจะมีการเคลื่อนไหวอะไรสักหน่อย ไม่ใช่เอาแต่ถูกตีอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้”
เมื่อไม่กี่วันก่อน ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ภาคแรกของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่ถ่ายทำในโรงถ่ายหนิงซานปิดกล้องลงอย่างเป็นทางการ และเข้าสู่ขั้นตอนหลังการผลิต ลู่เฉินและทีมงานหลักบางส่วนกลับกรุงปักกิ่งมาก่อน
แต่ทีมงานจะไม่ถูกยุบกลับจะเพิ่มปริมาณทีมงานให้มากขึ้นเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากการถ่ายทำภาพยนตร์อีกสองภาคจะดำเนินต่อไป และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
ในส่วนของการประชาสัมพันธ์ ในช่วงเวลานี้เฉินเฟยมีเดียนั้นไม่ต้องการเป็นจุดสนใจจริงๆ แม้แต่ข่าวการปิดกล้อง ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ก็ถูกประกาศบนบัญชีทางการไปรอบเดียว แม้กระทั่งนักข่าวก็ไม่ได้เชิญมาสัมภาษณ์
เสียงวิจารณ์แย่ๆ บนสื่อของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ยังคงมีต่อเนื่องเรื่อยๆ เหตุผลจริงๆ แล้วค่อนข้างซับซ้อน บ้างก็เป็นลูกเล่นของฝ่ายตรงข้าม บ้างก็เป็นการจุดประเด็นร้อน แน่นอนว่าต้องมีสาเหตุที่เฉินเฟยมีเดียไม่ได้โปรยเงินใดๆ อยู่ด้วย
จรรยาบรรณของสื่อส่วนใหญ่ อันที่จริงล้วนเป็นการประมูลราคาขาย ใครให้เงินมากหน่อยก็ขายให้คนนั้น เฉินเฟยมีเดียไม่ได้โปรยเงิน แต่ฝ่ายตรงข้ามโยนเงินให้ หากหวังว่าจะได้ยินเรื่องดีๆ นั่นก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกพิลึก
แม้ว่าเฉินเฟยมีเดียจะให้ความสำคัญกับคำวิจารณ์ของสาธารณชนและการประชาสัมพันธ์ของสื่อเป็นอย่างมาก งบประมาณที่ตั้งไว้ก็นับว่าสูงมาก แต่เมื่อเร็วๆ นี้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์มีท่าทีลดลง ย่อมนำมาซึ่งผลกระทบด้านลบบางส่วน
ในเรื่องนี้ลู่เฉินยิ้มและเอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบร้อนโปรแกรมภาพยนตร์ฤดูร้อนเพิ่งจะเริ่มต้น รอให้ภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องของพวกเขาเข้าฉาย เราค่อยเคลื่อนไหวก็ยังไม่สาย ชักหมัดกลับแล้วค่อยชกหมัดใหม่ถึงจะแกร่งกว่าเดิม!”
แนวความคิดของโปรแกรมภายยนตร์ฤดูร้อนมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายถึงตารางโปรแกรมภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคมของทุกปี ผู้ชมหลักคือนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 4-24 ปี บริษัทภาพยนตร์รายใหญ่มักให้ความสนใจเป็นพิเศษกับตารางโปรแกรมภาพยนตร์ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม เพื่อแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมหาศาลนี้
แต่ก่อนในประเทศจีนนั้น โปรแกรมภาพยนตร์ฤดูร้อนถือเป็นช่วงนอกฤดูกาลจำหน่ายตั๋วมาโดยตลอด ไม่ได้ให้ความสำคัญสักเท่าไร แต่ด้วยความเจริญรุ่งเรืองที่เพิ่มขึ้นของตลาดภาพยนตร์ในประเทศ มูลค่าของโปรแกรมภาพยนตร์ฤดูร้อนได้โดดเด่นขึ้นมาก จนกลายเป็นสมรภูมิรบไปโดยปริยาย
แต่โปรแกรมภาพยนตร์ฤดูร้อนในประเทศ เริ่มปลายเดือนมิถุนายน เดือนกรกฎาคมเป็นช่วงเวลายอดนิยม และเดือนสิงหาคมนับว่าเป็นช่วงสิ้นสุดฤดูกาล
‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ และ ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ ภาพยนตร์แนวเดียวกันที่ผลิตในประเทศทั้งสามเรื่องนี้ออกฉายพร้อมกันในช่วงเวลายอดนิยมอย่างเดือนกรกฎาคม สถานการณ์ดังกล่าวในอดีตที่ผ่านมานั้นค่อนข้างพบเห็นได้น้อย การต่อสู้ฟาดฟันคงดุเดือดน่าดู
สำหรับความนิ่งสงบของลู่เฉิน ลู่ซีอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา “ฮ่องเต้ไม่ได้รีบร้อน แต่ขันทีรีบร้อนสินะ…”
เนื่องจากลู่เฉินได้กำหนดแนวทางสำคัญในการประชาสัมพันธ์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นพอเห็นฝ่ายตรงข้ามประชาสัมพันธ์ด้วยการสร้างกระแสวิจารณ์มาโจมตีระลอกแล้วระลอกเล่าจนเกิดความโกลาหล ทางเฉินเฟยมีเดียก็อดทนอย่างยากลำบาก ภายในมีเสียงบ่นและไม่เข้าใจอยู่บ้าง รู้สึกกล้ำกลืนเจ็บช้ำที่โดนดูถูก
ลู่เฉินหัวเราะเสียงดัง และไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เขาหยิบการ์ดเชิญบนโต๊ะขึ้นมาด้วยความสงสัย
การ์ดเชิญฉบับนี้มาจากบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาว ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ จะฉายรอบปฐมทัศน์ที่วั่นหาวเวิลด์ซีเนม่าในอีก 5 วัน นั่นก็คือวันที่ 2 กรกฎาคม และได้เชิญลู่เฉินให้เข้าร่วม
ลู่เฉินรู้อยู่แล้วว่า ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ จะฉายรอบปฐมทัศน์ เพราะทางบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวได้ประชาสัมพันธ์มาเป็นเวลานานแล้ว สร้างกระแสเสียยิ่งใหญ่อลังการ
รอบปฐมทัศน์นี้ยังเป็นพิธีเปิดของวั่นหาวเวิลด์ซีเนม่าอีกด้วย แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวในการขยายธุรกิจภาพยนตร์ และมุ่งสู่เส้นทางแห่งความบันเทิงอย่างจริงจัง
ดังนั้นสำหรับรอบปฐมทัศน์นี้บริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวจึงได้ร่อนการ์ดเชิญไปอย่างกว้างขวาง และเชิญคนดังจากทุกสาขาอาชีพอีกด้วย
“ฉันกับเฟยเอ๋อร์ก็ได้กันคนละฉบับ…”
ลู่ซีถามขึ้น “ฉันต้องไปร่วมอยู่แล้ว แล้วพวกเธอสองคนล่ะ จะไปไหม”
แม้ว่าบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวและเฉินเฟยมีเดียจะมีความสัมพันธ์แบบคู่แข่งโดยตรง แต่ในด้านธุรกิจแล้ว ตราบใดที่ยังไม่ฉีกหน้ากัน ไว้หน้าได้ก็ควรจะไว้หน้าเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นจะทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ดีเท่าไร
ในฐานะที่ลู่ซีเป็นผู้จัดการใหญ่ของเฉินเฟยมีเดีย ได้รับบัตรเชิญแล้วไปเข้าร่วมด้วยตนเองถือเป็นการให้ความเคารพทางธุรกิจอย่างหนึ่ง แต่กับลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์จะไปหรือไม่ก็ไม่เป็นอะไร
จากความหมายที่ลู่ซีสื่อออกมานั้น การที่ทั้งสองคนไม่ไปร่วมจะเป็นการดีกว่า อีกอย่างเหตุผลนั้นก็แสนจะหาง่าย และก็ไม่ต้องกลัวคนจะเอาไปนินทาด้วย
ถ้าหากไปแล้ว กลับกลายเป็นการให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามใส่สีตีไข่ เท่ากับเป็นการช่วยเหลือศัตรูชัดๆ
“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ”
ลู่เฉินเลิกคิ้วขึ้น ตบการ์ดเชิญในมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ไปดูอะไรสนุกๆ ก็ดีเหมือนกัน”
………………………………………………………