Perfect Superstar - ตอนที่ 830 รู้สึกเป็นเกียรติ
ตอนที่ 830 รู้สึกเป็นเกียรติ
เป็นระยะเวลาเกือบสี่ปีที่ลู่เฉินเดบิวต์ ลู่เฉินมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตอนนั้นมาก
ตอนนี้เขาได้รวมเอาความทรงจำทั้งสามชีวิตจากโลกแห่งความฝันเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์
หลังจากผ่านบททดสอบอุปสรรคของวงการบันเทิงมา ไม่ว่าจะเป็นการสั่งสมประสบการณ์ทางด้านจิตใจหรือการเปิดโลกทรรศน์ ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าซูเปอร์สตาร์ตัวจริงเหล่านั้นหรอก
ถ้าบอกว่าลู่เฉินเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่แล้ว มีความนิยมระดับซูเปอร์สตาร์ ถ้าอย่างนั้นคุณสมบัติประจำตัวตอนนี้ก็มากยิ่งกว่าซูเปอร์สตาร์ขึ้นไปอีก ราวกับยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต
เป็นเพราะเหตุผลนี้เอง ลู่เฉินในปัจจุบันนี้จึงไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่ไม่มีผลได้ผลเสียตรงหน้าของเขาเด็ดขาด ตราบใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวที่สามารถทำลายชื่อเสียงของบุคคล ความเห็นของสาธารณชนทั่วไปก็ไม่สามารถทำให้เขาสั่นคลอนได้เลย
แล้วทำไมเขาจะต้องเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับสิ่งถูกผิดเหล่านี้ด้วยล่ะ เพราะสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้นั้นท้ายที่สุดก็คือผลงานต่างหาก!
ในเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ นี้ ลู่เฉินไม่เพียงแต่ใช้เงินลงทุนไปจำนวนมาก แต่ยังทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างหนัก ในที่สุดการถ่ายทำก่อนหน้านี้ก็เสร็จสิ้นตามกำหนดการผลิต ทว่าขั้นตอนต่อไปสำคัญกว่านั้นอีก จะเอาเวลากับพลังที่ไหนไปสู้รบปรบมือกับคนอื่นอีกล่ะ
แน่นอนว่าลู่ซีไม่ได้นิ่งนอนใจ จากนิสัยของเธอแล้วถ้าคนอื่นเข้ามาหาเรื่องละก็ ควรจะฟาดกลับอย่างโหดร้ายทารุณไปเลยถึงจะถูก ไม่ยอมให้ดูถูกแม้แต่คำเดียวหรอก
แต่ในอีกด้านหนึ่ง สำหรับพี่สาวแล้วการสนับสนุนลู่เฉินนั้นเป็นสิ่งที่ไร้เงื่อนไขใดๆ ในเมื่อลู่เฉินตัดสินใจที่จะเพิกเฉย เธอก็ยอมยกเลิกแผนประชาสัมพันธ์ตอบโต้หลายอย่างที่คิดไว้ มุ่งเน้นที่ไปการจัดการและปรับปรุงกิจการภายในของเฉินเฟยมีเดีย เพื่อไม่ให้ความคิดของสาธารณชนภายนอกส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจของพนักงานบริษัท
และท่าทีที่ไม่ให้ความร่วมมืออย่าง ‘คุณพูดของคุณไป ฉันก็ยุ่งของฉันไป’ ของเฉินเฟยมีเดียนั้น ก็ทำให้สื่อที่จงใจยั่วโมโหสร้างเรื่องถูกผิดเหล่านั้นราวกับหนูลากเต่า ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี หลังจากก่อกวนไปได้สักพักก็หยุดวิพากษ์วิจารณ์ไปเอง
การส่งต่อข้อมูลข่าวสารของสังคมปัจจุบันนั้นรวดเร็วเกินไป ข่าวใหม่โผล่ขึ้นมาทุกวันอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งถ้าไม่ใช่เหตุการณ์ใหญ่สะเทือนฟ้าดินอะไร เมื่อความร้อนระอุผ่านพ้นไปเดี๋ยวก็เงียบลงไปเองนั่นแหละ
คนที่เศร้ากลับเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาว บริษัทภาพยนตร์ต้าตี้ และบริษัทคราวน์พิคเจอร์ส ทั้งสามบริษัทนี้ล้วนเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในวงการ และสองบริษัทข้างหลังยังเป็นบริษัทภาพยนตร์เก่าแก่อีกด้วย ครั้งนี้นับว่าเรือล่มในคลองระบายน้ำเลยก็ว่าได้
แม้ว่าด้วยรากฐานของบริษัททั้งสามแห่ง ความล้มเหลวของภาพยนตร์เรื่องหนึ่งไม่ได้เลวร้ายจนถึงกับทำให้บริษัทพลิกฟื้นกลับมาไม่ได้ แต่มันก็รวดเร็วจนกลายเป็นเรื่องตลกในวงการ รวมถึงทำให้ผู้ใหญ่ขายขี้หน้าไปแล้ว
วันเวลาผ่านไปอย่างเงียบเชียบ กรุงปักกิ่งก็ได้เข้าสู่เดือนแห่งเปลวเพลิง ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ และ ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ ได้ทยอยออกจากโรงภาพยนตร์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง การเดินทางที่ลำบากอย่างแสนสาหัสได้สิ้นสุดลงแล้ว
ภายใต้การถูกบดขยี้จากภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง ‘นักบินในฝัน’ ของดิสนีย์ในช่วงฤดูร้อน ภาพยนตร์กำลังภายในทั้งสามเรื่อง ไม่มีเรื่องไหนได้ทุนคืนจากยอดจำหน่ายตั๋ว ทั้งยังขาดทุนย่อยยับมหาศาลเลยทีเดียว
เพราะเหตุนี้ ส่งผลให้ภาพยนตร์แนวเดียวกันเตรียมยกเลิกไปหลายเรื่อง นักลงทุนไม่ชื่นชอบภาพยนตร์กำลังภายในแล้ว ความโด่งดังอึกทึกครึกโครมก่อนหน้านี้ บัดนี้สลายหายเข้ากลีบเมฆไปแล้วเรียบร้อย
และในขณะเดียวกัน มีภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องดังมากมายที่เข้าฉายในประเทศแย่งชิงยอดจำหน่ายตั๋วราวกับหมาป่าหิวโหย ดึงดูดความสนใจของผู้ชมไปเรียบร้อย ไม่มีใครสนใจภาพยนตร์ที่ทำออกมาล้มเหลวไม่กี่เรื่องนั้นอีกต่อไป
นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดังได้สรุปเอาไว้บนบล็อกล่างฉาว คิดว่าจุดจบของภาพยนตร์อย่างเช่น ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ เป็นการลิ้มรสความล้มเหลวของภาพยนตร์ในประเทศที่หวังจะจุดประกายเส้นทางใหม่ หากยังต้องการเอาชนะรูปแบบตายตัวเดิมๆ ของภาพยนตร์ในประเทศ ก็ต้องหาหนทางอื่นแล้ว
ความคิดเห็นของเขาได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ คนในวงการ
‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่คาดว่าจะเข้าฉายในวันชาติจีนกลับไม่ค่อยมีคนพูดถึงสักเท่าไร มุมมองโดยรวมของทุกคนเป็นการมองโลกในแง่ร้าย เชื่อกันว่ามี ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ และภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ เป็นตัวอย่าง เป็นเรื่องยากที่ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
บางคนถึงกับทำนายทายทักว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะเป็นตอนอวสานของลู่เฉิน เป็นการยุติการอยู่ยงคงกระพันของเขา!
ฤดูร้อนสิ้นสุดลงแล้ว
เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดทั้งเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม นอกจากภาพยนตร์ที่ลงทุนน้อยสองเรื่องได้รับชื่อเสียงที่ดีแล้ว ไม่มีภาพยนตร์ในประเทศเรื่องไหนควรค่าแก่การกล่าวถึงจริงๆ และยอดจำหน่ายตั๋วส่วนใหญ่ก็ถูกภาพยนตร์ฮอลลีวูดเก็บเกี่ยวไปทั้งหมด
ในวันที่ 10 กันยายน ยังมีระยะเวลาอีก 20 วันก่อนที่ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะเข้าฉาย
“เยี่ยมมาก!”
ณ สำนักงานใหญ่เฉินเฟยมีเดีย ในห้องออดิชันที่ปรับปรุงมาเป็นห้องประชุมเล็กชั่วคราว เมื่อคำบรรยายตอนจบปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เฉินกั๋วจื้อที่นั่งอยู่กลางโซนแถวหน้าลุกยืนขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “โดดเด่นมาก ดีกว่าที่ผมคาดไว้เสียอีก!”
มีเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังขึ้นภายในห้องออดิชัน
เฉินกั๋วจื้อเอื้อมมือไปหาลู่เฉินที่ยืนขึ้นและพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ลู่เฉิน ผมดีใจและรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับคุณในภาพยนตร์เรื่องนี้!”
ภาพยนตร์ที่เพิ่งฉายจบในห้องออดิชัน เป็นเวอร์ชันตัดต่อดิจิทัลของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าเฉินกั๋วจื้อจะเป็นผู้กำกับของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ แต่งานของเขาเน้นไปที่การถ่ายทำเป็นหลัก โดยทั่วไปแล้วสเปเชียลเอฟเฟกต์ การตัดต่อ พากย์เสียง ซาวด์แทร็ก เบื้องหลังทั้งหมดนี้ลู่เฉินเป็นผู้รับผิดชอบ
พูดกันตามตรง ตอนที่รับปากถ่ายทำเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ในตอนแรก เฉินกั๋วจื้อไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมาก หลักๆ แล้วเป็นเพราะเขารู้สึกประทับใจกับความจริงใจของลู่เฉิน และยังเป็นเพราะเขาติดหนี้บุญคุณของบุคคลที่กล่าวมา
แต่หลังจากถ่ายทำภาพยนตร์ไปแล้ว จนมาถึงตอนนี้ได้เห็นผลลัพธ์สุดท้าย หัวใจของผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่ก็ตกตะลึงพรึงเพริดมากเช่นกัน กระนั้นเมื่อตอนที่กำกับการถ่ายทำเขายังรู้สึกเสียใจไม่หายที่ไม่ได้ทุ่มเทไปร้อยเปอร์เซ็นต์
รายละเอียดบางอย่างในภาพยนตร์ไม่สมบูรณ์แบบ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครไม่ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนและพล็อตเรื่องหักมุมยังหยาบไปเล็กน้อย…จากมุมมองของมืออาชีพ ยังค้นพบปัญหาอีกมากมาย
แต่ทว่าปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถบดบังความงดงามตระการตาของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้ โดยเฉพาะเอฟเฟกต์ของฉากสำคัญหลายๆ ฉากนั้นโดดเด่นมาก ทำให้เขาที่เป็นถึงผู้กำกับที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศรู้สึกถึงความแปลกใหม่เช่นกัน!
สัญชาตญาณของมืออาชีพบอกเฉินกั๋วจื้อว่า เรื่องนี้จะเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมอย่างมาก!
เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีคนพูดสาดเสียเทเสียในสื่อเมื่อไม่นานมานี้ เฉินกั๋วจื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ผู้กำกับเฉินกล่าวเกินไปแล้ว…”
ลู่เฉินรีบกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “การที่ได้ร่วมงานกับคุณนับว่าเป็นความโชคดีและเป็นเกียรติของผมถึงจะถูก!”
ลู่เฉินพูดออกมาจากใจจริง ถ้าไม่มีเฉินกั๋วจื้อผู้กำกับมากความสามารถคนนี้ การถ่ายทำ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ในช่วงแรกคงจะไม่ราบรื่นขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเฉินกั๋วจื้อ จะบอกว่าเฉินกั๋วจื้อเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง ควรค่าแก่ความเคารพของเขา
เฉินกั๋วจื้อยิ้มพลางส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “พูดแล้วเขินจัง ไม่ได้ลงแรงช่วยอะไรมาก แต่ได้แขวนขื่อเป็นผู้กำกับ…”
หลังจากหยุดนิ่งไปสักครู่ เขาก็เอ่ยถามขึ้น “ยังเหลือเวลาอีก 20 วันก็จะเข้าฉายแล้ว ทำไมถึงยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวประชาสัมพันธ์ของพวกคุณเลยล่ะ”
ในฐานะภาพยนตร์ที่มีการลงทุนหลายร้อยล้าน งานประชาสัมพันธ์ของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ล่าช้าอย่างเห็นได้ชัด โดยทั่วไปควรจะเริ่มขึ้นตั้งแต่หนึ่งเดือนหรือสองเดือนก่อนหน้านี้เสียด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าเฉินกั๋วจื้อทราบเกี่ยวกับสถานการณ์เมื่อสองเดือนก่อนดี ไม่เหมาะสำหรับการประชาสัมพันธ์จริงๆ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มันก็ออกจะเกินไปสักหน่อย!
………………………………………………