Perfect Superstar - ตอนที่ 832 ความมั่นใจอันแรงกล้า
ตอนที่ 832 ความมั่นใจอันแรงกล้า
หลังจากส่งเฉินกั๋วจื้อออกไปแล้ว ลู่เฉินแจ้งลู่ซีให้เปิดการประชุมภายในบริษัททันที
ผู้รับผิดชอบแผนกบริหารทั่วไป แผนกการตลาด แผนกลูกค้าสัมพันธ์ แผนกการเงิน แผนกโลจิสติกส์…หัวหน้าแต่ละแผนก ขอเพียงไม่ได้ออกไปทำธุระข้างนอก หลังจากได้รับแจ้งต่างก็รีบไปที่ห้องประชุมโดยเร็วที่สุด
ลู่เฉินไม่ชอบประชุม การบริหารและการจัดการงานประจำวันของเฉินเฟยมีเดียล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของลู่ซี แม้ว่าเขาจะถือหุ้นมากที่สุดก็ตาม แต่โดยปกติมักจะวางมือจากการเป็นเจ้าของกิจการ
แต่สถานการณ์วันนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับยอดจำหน่ายตั๋วของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ใช้เงินลงทุนสูงกว่า 100 ล้าน แต่ยังเกี่ยวข้องกับอนาคตของโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในของลู่เฉินอีกด้วย
ปัจจุบันจิตใจของคนในบริษัทยังถือว่ามั่นคงอยู่ แต่อิทธิพลจากโลกภายนอกยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ความล้มเหลวอย่างย่อยยับของภาพยนตร์กำลังภายในอย่าง ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ และเรื่องอื่นๆ ทำให้ความมั่นใจของหลายๆ คนถดถอยเล็กน้อย
ดังนั้นลู่เฉินจึงได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจครั้งนี้ด้วยตัวเอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญกำลังใจของผู้คน บิดเกลียวให้ทั้งบริษัทรวมเป็นเชือกเส้นเดียว และทุ่มสุดตัวเพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์การเข้าฉาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’
ซึ่งประสิทธิผลที่เกิดขึ้นจริงนั้นดีมาก
เมื่อบุคลากรระดับกลางและระดับสูงของเฉินเฟยมีเดียเห็นลู่เฉินและลู่ซีนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน ไม่มีใครเลยที่ไม่แสดงความตื่นเต้นออกมา ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมร้อนระอุขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเวลาในการก่อตั้งเฉินเฟยมีเดียจะไม่นาน ผ่านมายังไม่ถึงสองปี แต่ระดับการขยายตัวนั้นรวดเร็วมาก ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่าสามร้อยคน มีการจัดตั้งแผนกได้ครบถ้วน ในขณะเดียวกันก็ได้เชิญบุคลากรที่มีประสบการณ์และมีความสามารถมาบริหารดูแลจำนวนหนึ่งด้วย
พนักงานและผู้จัดการแผนกเหล่านี้สามารถพูดได้ว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งของลู่เฉิน หากไม่ใช่เพราะการทำงานหนักของพวกเขาแล้วละก็ ลู่เฉินไม่มีทางทำให้ความทะเยอทะยานของตัวเองสัมฤทธิ์ผลและไปสู่จุดสูงสุดในอาชีพการงานได้
ในทางกลับกัน ในสายตาของพนักงานบริษัทเหล่านี้ ลู่เฉินไม่เพียงแต่เป็นดาราชั้นนำในประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นไอดอลที่ไม่เคยประสบกับความล้มเหลวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การถ่ายทำภาพยนตร์ การถ่ายทำละครโทรทัศน์ การผลิตรายการวาไรตี้ หรือแม้กระทั่งการเขียนบทละคร เขาล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงฝีมือที่เหนือมนุษย์ ทลายตลาดจนแตกกระเจิง!
เป็นเพราะออร่าแห่งความไร้เทียมทานนี้เอง ทำให้ลู่เฉินมีตัวตนที่สูงส่งเหนือใครในเฉินเฟยมีเดีย แม้ว่าปกติแล้วเขาจะไม่ได้ใช้เวลามากมายในบริษัท แต่สถานะผู้นำทางจิตวิญญาณนั้นไม่สามารถสั่นคลอนได้
หลังจากที่ทุกคนมาครบแล้ว ลู่ซีก็ประกาศเริ่มการประชุมทันที และอธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับหัวข้อของการประชุม
นั่นก็คือแคมเปญการตลาด ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ 21 วัน!
ตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึงรอบปฐมทัศน์ในวันที่ 1 ตุลาคม ระยะเวลาการประชาสัมพันธ์หลักๆ สำหรับ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ คือ 21 วัน เฉินเฟยมีเดียจะใช้เงินเป็นจำนวนมากในช่วงสามสัปดาห์นี้เพื่อนำภาพยนตร์กลับมาสู่ความสนใจของสาธารณชนอีกครั้ง
งบประมาณการประชาสัมพันธ์ของลู่เฉินสำหรับ ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ภาคแรก ของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อยู่ที่ 50 ล้าน เกือบครึ่งหนึ่งของต้นทุนการถ่ายทำ อันที่จริงเงินจำนวนนี้ถูกใช้ไปมากแล้ว เพราะต้องซื้อพื้นที่โฆษณาของสื่อจำนวนมากล่วงหน้า และยังมีกิจกรรมการวางแผนอื่นๆ อีก
“ผู้จัดการฟาง ช่วงบ่ายคุณติดต่อสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งเกี่ยวกับเรื่องลงโฆษณา…”
“ผู้ดูแลหลิน คุยกับฝั่งบริษัทรถไฟใต้ดินว่ายังไงบ้าง เมื่อไหร่จะติดตั้งป้ายโฆษณาของเรา”
“ยังมีเว็บไซต์เฟยซวิ่น พวกเราต้องลงทุนเพิ่ม…”
การประชุมนี้ลู่ซียังคงเป็นประธานตามเดิม หลังจากทำงานหนักมาสามสี่ปี พี่สาวก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในวงการนี้ เธอออกคำสั่งด้วยความมั่นใจ หัวหน้าผู้ดูแลและผู้จัดการของทุกแผนกล้วนฟังคำสั่งด้วยความยำเกรง
หลังจากมอบหมายงานเรียบร้อยแล้ว ลู่ซีหันไปพูดกับลู่เฉิน “นายพูดอะไรสักหน่อยสิ…”
ลู่เฉินพยักหน้า เอื้อมมือออกไปแล้วกดสวิตช์ไมโครโฟน
เขาจัดการเรียบเรียงประโยคในใจแล้วพูดว่า “ในส่วนของงานนั้นผมจะไม่พูดอะไรมาก และเชื่อว่าทุกคนจะทำออกมาได้ดี ที่ผมจะอยากจะบอกในที่นี้คือเป้าหมายที่ผมหวังว่าจะสามารถบรรลุได้!”
ลู่เฉินมองไปรอบๆ สายตาของเขากวาดไปที่ใบหน้าของผู้จัดการแผนกและหัวหน้าผู้ดูแลทีละคน พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ตอนที่ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เปิดกล้อง มีนักข่าวเคยถามผมว่ามีความคาดหวังในยอดจำหน่ายตั๋วของภาพยนตร์เรื่องนี้เท่าไร…”
“คำตอบของผมคือ 1 ถึง 1.5 พันล้าน!”
เมื่อได้ยินตัวเลขทั้งสองนี้จากปากของลู่เฉิน สีหน้าของทุกคนแปลกไปเล็กน้อย
ในตอนนั้นลู่เฉินพูดว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อาจมียอดจำหน่ายตั๋วมากกว่าหนึ่งพันล้าน และคนส่วนใหญ่ก็เชื่อเพราะผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของลู่เฉินอย่าง ‘โปเยโปโลเย’ ทำยอดจำหน่ายตั๋วกว่าหนึ่งพันล้านในประเทศ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายยอดนิยมเรื่องหนึ่ง บวกกับมีดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดังเข้าร่วมด้วย ไม่มีเหตุผลที่ยอดจำหน่ายตั๋วจะน้อยหน้าไปกว่าภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้า
แต่ตอนนี้เกรงว่าหลายๆ คนไม่คิดอย่างนั้นแล้ว เนื่องจากมี ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ เป็นตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ จึงเป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะมั่นใจใน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่เลื่อนฉายออกไปจนถึงวันชาติจีน
‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ดัดแปลงจากนิยายชื่อดังเหมือนกัน ทั้งยังลงทุนเป็นเงินจำนวนมาก โปรดักชันยิ่งใหญ่ ทัพนักแสดงอลังการ พร้อมการประชาสัมพันธ์ครั้งใหญ่ แต่ผลที่ได้คือแม้แต่ต้นทุนยังไม่ได้คืนด้วยซ้ำ ส่วน ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ และ ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ ที่มาทีหลังนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า
ความล้มเหลวในการทำยอดตำหน่ายตั๋วของ ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ ถึงกับฉุดรั้งบริษัทแม่ของบริษัทภาพยนตร์ต้าตี้ลงมา ราคาหุ้นร่วงถึงขีดสุด!
โปรแกรมภาพยนตร์ฤดูร้อนที่ทำให้บริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่หลายๆ แห่งต้องใจสลายเพิ่งจะผ่านพ้นไป คำพูดกล้าได้กล้าเสียของลู่เฉินในตอนแรกจะเป็นไปได้หรือไม่ พูดตามตรงทุกคนไม่มีความมั่นใจ กระนั้นจิตใต้สำนึกยังบอกว่าระวังไว้สักหน่อยก็ดี
ตัวอย่างเช่น ยอดจำหน่ายตั๋วที่ 500 ถึง 700 ล้าน ซึ่งเป็นจุดคุ้มทุนกำไร น่าจะเป็นจริงได้ง่ายกว่า
ลู่เฉินมองเห็นสีหน้าของผู้จัดการแผนกและหัวหน้าผู้ดูแลอยู่ในสายตา และหยั่งรู้ลงไปในจิตใจของพวกเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง
เขาใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะประชุม และพูดว่า “ตอนนี้ ผมยังคงยืนกรานในการคาดการณ์ยอดจำหน่ายตั๋วตามเดิม และขอให้บริษัทประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร!”
ผู้จัดการแผนกอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ประธานลู่ คุณหมายความว่าให้เรายึดการคาดการณ์ยอดจำหน่ายตั๋ว‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่ 1 พันล้านถึง 1.5 พันล้านใช่ไหมครับ”
จากความคิดของเขา คำขอของลู่เฉินนั้นไม่จำเป็นจริงๆ วันนี้ต่างจากเมื่อก่อน หากสุดท้ายแล้วผลของยอดจำหน่ายตั๋วไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง อย่างนั้นไม่เท่ากับว่าลู่เฉินตบหน้าตัวเองหรอกหรือ
ความผิดพลาดครั้งแรกถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วยังคงยืนกรานความคิดของตัวเอง อย่างนั้นจะกลายเป็นเรื่องตลกได้ง่ายๆ เอานะ
นี่จะเป็นประเด็นที่ใช้โจมตีเฉินเฟยมีเดียและลู่เฉินอย่างหนักหน่วงเอาได้!
แต่ทว่าคำตอบของลู่เฉินหนักแน่นมาก “ใช่ครับ เพราะผมมั่นใจใน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพหรือประสิทธิภาพของ ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ล้วนเป็นไปตามการคาดการณ์กระทั่งเกินกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้!”
“ดังนั้นผมเชื่อว่ายอดจำหน่ายตั๋วของภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถบรรลุเป้าหมายของเราได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องหยุดการประชาสัมพันธ์งอมืองอเท้า และอย่าให้ความล้มเหลวของผู้อื่นส่งผลกระทบกับเรา”
ห้องประชุมเงียบกริบ มีเพียงเสียงสะท้อนอันทรงพลังของลู่เฉินเท่านั้น ความมั่นใจอันแรงกล้าของเขาส่งผลต่อทุกคนในห้องประชุม!
………………………………………………………………