Perfect Superstar - ตอนที่ 839 เหล่าผู้ร่วมมือทั้งหลาย
ตอนที่ 839 เหล่าผู้ร่วมมือทั้งหลาย
ล็อบบี้ของเป่าลี่แกรนด์เธียเตอร์
เดิมทีเป็นจุดขายที่ดูแลพร้อมกันหลายๆ ด้าน มีไว้เพื่อจำหน่ายตั๋ว ขายอาหารและเครื่องดื่ม และเป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับผู้ชม แต่ค่ำคืนนี้ถูกดัดแปลงเป็นห้องจัดงานเลี้ยงชั่วคราว เมื่อแขกเหรื่อทั้งหลายทยอยกันออกมาจากโรงฉายภาพยนตร์ มีโต๊ะยาวจัดวางอยู่ตรงกลางใต้โคมไฟระย้าพอดิบพอดี ด้านบนมีแชมเปญทาวเวอร์สูงตระหง่านส่องประกายระยิบระยับภายใต้แสงไฟสว่างไสว
แชมเปญทาวเวอร์ ดอกไม้สด และของว่างสไตล์ตะวันตกแสนอร่อยถูกจัดเตรียมไว้ระหว่างที่ภาพยนตร์กำลังฉาย ทำให้บรรดาแขกทั้งหลายคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง รวมไปถึงประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
เฉินเฟยมีเดียเผยท่าทีเช่นนี้ บอกว่าเป็นพิธีฉายรอบปฐมทัศน์ แต่ที่จริงแล้วเกือบจะเหมือนกับงานเลี้ยงฉลองอยู่แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ยังไม่ได้เข้าฉายอย่างเป็นทางการ พวกเขาไม่กลัวว่าจะกลายเป็นตัวตลกในวงการหรือไร
เห็นได้ชัดว่าลู่เฉินไม่ได้โง่ขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าใจเรื่องความพอเหมาะพอควร อธิบายได้อย่างเดียวว่าเขามีความมั่นใจในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มเปี่ยม และเชื่อว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!
ก่อนการฉายรอบปฐมทัศน์ คนส่วนใหญ่แทบจะครึ่งหนึ่งที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งหรือคิดว่าไม่น่าดู แต่ตอนนี้…
ท่ามกลางเสียงหัวเราะเฮฮา บริกรที่จ้างมาจากโรงแรมเป็นพิเศษเสิร์ฟแก้วแชมเปญให้แขกอยู่เรื่อยๆ และบรรยากาศภายในงานก็เป็นกันเองและอบอุ่น
แขกจำนวนไม่น้อยที่เดิมทีตั้งใจจะออกจากงาน ต่างก็อยู่ต่อเพราะเหตุนี้ และใช้ที่นี่เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์แทน
“ชนแก้ว!”
ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์น้อมรับคำอวยพรและคำชมเชยจากแขกที่มาร่วมงานด้วยกัน และชนแก้วกันอย่างต่อเนื่อง
เฉินเฟยเอ๋อร์คออ่อนมาก ดื่มแชมเปญเพียงไม่กี่แก้วก็รู้สึกเมาเล็กน้อย ใบหน้าสวยแดงเลือดฝาดจางๆ ดูมีเสน่ห์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ในค่ำคืนนี้เธอสวมใส่ชุดราตรีสีขาวรัดรูป เส้นผมอ่อนนุ่มราวกับเส้นไหมม้วนเก็บขึ้นไป เผยให้เห็นคอเรียวระหง ใบหน้าอ่อนหวานงดงามรวมเข้ากับเสน่ห์ที่โดดเด่น กลายเป็นจุดเด่นของทั้งงานอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่เฉินที่อยู่ข้างๆ เธอก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน ชุดสูทที่ออกแบบมาอย่างดีช่วยขับเน้นรูปร่างแข็งแรงสุขภาพดีของเขา ใบหน้าหล่อเหลาเปล่งประกาย คิ้วคมราวกับกระบี่ ดวงตาสุกสกาว และยังมีรอยยิ้มประดับที่มุมปาก เมื่อเทียบกับลิ่งหูชงใน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่บุคลิกเรียบง่ายสบายๆ และอิสระ ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเดินทางข้ามเวลา ข้ามผ่านความเป็นจริงและจินตนาการ
“ยอดเยี่ยมสุดๆ ไปเลย…”
หลินจื้อเจี๋ยพูดพลางยกแก้วแชมเปญขึ้น “รอให้เข้าฉายอย่างเป็นทางการในอีกสองวัน ฉันจะพาทั้งครอบครัวไปสนับสนุนที่โรงภาพยนตร์”
รองผู้จัดการใหญ่และผู้อำนวยการเพลงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดนับว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของลู่เฉิน เขาพูดติดตลกกึ่งจริงจังว่า “ตอนแรกฉันน่าจะยืนกรานให้เฟยสือมีส่วนร่วมในการลงทุนด้วย ตอนนี้รู้สึกว่าได้สูญเสียเงิน 100 ล้านไป!”
ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในของลู่เฉิน เป็นรากฐานที่มั่นคงของเฉินเฟยมีเดียในอนาคตอีกสิบปีข้างหน้า ดังนั้นในภาพยนตร์เรื่องนี้เขาจึงไม่ได้ดึงนักลงทุนหลายฝ่ายมาแบ่งเบาความเสี่ยง มีเพียงพันธมิตรที่ร่วมงานกันมานานเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ได้ดำเนินการในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงาน เพลงประกอบภาพยนตร์ของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ในเวลานั้นบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดขอเป็นผู้ร่วมทุน แต่เฉินเฟยมีเดียปฏิเสธอย่างอ้อมๆ ไป
แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองฝ่าย ศิลปินจำนวนมากภายใต้บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดได้ร่วมแสดงใน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มู่เสี่ยวชูยังเป็นนักแสดงสมทบหญิงคนสำคัญ และบทบาทของอี๋หลินก็เรียกได้ว่าโดดเด่นทีเดียว
สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า เมื่อ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เข้าฉายอย่างเป็นทางการ ความนิยมของมู่เสี่ยวชูจะก้าวไปสู่ขั้นใหม่ รวมถึงศิลปินคนอื่นๆ อีกหลายคนด้วย นำประโยชน์มาให้บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดไม่น้อยเลย
แต่ผู้คนต่างละโมบโลภมาก หลินจื้อเจี๋ยเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
ตอนที่ยอดจำหน่ายตั๋วของภาพยนตร์กำลังภายในหลายเรื่องที่ฉายในช่วงฤดูร้อนล้มเหลวอย่างน่าสังเวช ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดบางคนยังคิดว่าค่อนข้างโชคดีที่ไม่ได้เหยียบย่ำเข้าไปในหลุมขนาดใหญ่นี้ พอมานึกถึงตอนนี้เขารู้สึกว่าน่าขัน
ลู่เฉินยิ้มและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่จื้อเจี๋ย เรายังมีโอกาสอีกมากมายสำหรับความร่วมมือในอนาคต”
หลินจื้อเจี๋ยชี้ไปที่เขาและพูดว่า “นี่นายพูดเองแล้วนะ ฉันจำไว้แล้ว เฟยเอ๋อร์เป็นพยานให้ด้วย นายห้ามกลับคำเด็ดขาด!”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังผ่านการร่วมมือกับลู่เฉิน บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะเกิร์ลกรุ๊ปอย่างวงเอ็มเอสเอ็นนั่งอยู่บนบัลลังก์อันดับหนึ่งในประเทศอย่างมั่นคง กลายเป็นตัวทำเงินของบริษัท
แต่ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเฉินเฟยมีเดีย จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้คนจะกังวลว่าความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายจะดำเนินต่อไปได้นานแค่ไหน สิ่งที่ลู่เฉินเพิ่งพูดนั้นถือเป็นยาที่สร้างความมั่นใจให้กับหลินจื้อเจี๋ยอย่างไม่ต้องสงสัย
เฉินเฟยเอ๋อร์อมยิ้ม “ได้ค่ะ ฉันจะช่วยพี่จื้อเจี๋ยจำเอง”
หลินจื้อเจี๋ยหัวเราะเสียงดังชอบใจ หลังจากพอใจแล้วก็หันไปคบค้าสมาคมกับคนอื่นต่อ เปิดโอกาสให้คนอื่นเขาบ้าง
หลินจื้อเจี๋ยเพิ่งก้าวออกไป ก็มีคนก้าวเข้ามาด้านหน้าของลู่เฉินทันที
คนคนนี้คือจางเย่าเฉิงรองผู้จัดการใหญ่และหัวหน้าบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ซานไห่ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลู่เฉินเช่นกัน
สำนักพิมพ์ซานไห่เป็นหนึ่งในสิบสำนักพิมพ์เอกชนชั้นนำของจีน ทั้งขนาดและความสามารถล้วนแข็งแกร่ง เมื่อลู่เฉินตีพิมพ์นิยายเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ สำนักพิมพ์นี้เสนอให้ค่ารอยัลตี้สูงถึง 15% และรับประกันราคาไม่ต่ำกว่าห้าแสน ทำให้ได้ลิขสิทธิ์ไป
ตอนนั้นจางเย่าเฉิงเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง เสนอค่ารอยัลตี้ให้สูงเช่นนี้ และใช้ความสามารถจัดการสัญญาฉบับนี้เพียงลำพัง
เมื่อมี ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นจุดเริ่มต้น ต่อมา ‘ฟูลเฮ้าส์’ เวอร์ชันนวนิยายของลู่เฉินก็ยังคงร่วมมือกับสำนักพิมพ์ซานไห่เช่นเดิม
นิยายเรื่องยาวสองเล่มนี้ของลู่เฉิน มียอดขายรวมเกือบสิบล้าน ในฐานะผลงานที่ดัดแปลงมาจากละครโทรทัศน์บดขยี้นิยายขายดีเรื่องอื่นๆ ไปมากมาย สาเหตุที่ทำยอดขายได้เช่นนี้ นอกเหนือจากอิทธิพลของตัวผลงานแล้ว สำนักพิมพ์ซานไห่ก็มีส่วนร่วมด้วย
ในรายชื่อผู้ร่วมมือของสตูดิโอลู่เฉินนั้น สำนักพิมพ์ซานไห่เป็นรายชื่อแรกๆ และต่อมาก็เป็น ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ รวมไปถึงตอนนี้ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และ ‘มังกรหยก’ ก็ได้รับการตีพิมพ์จากสำนักพิมพ์ซานไห่ทั้งหมด
สำนักพิมพ์ซานไห่อาศัยนิยายขายดีเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ทำกำไรมหาศาลเท่านั้น แต่ยังขยายอิทธิพลในวงการด้วย การเติบโตเป็นไปอย่างเจริญรุ่งเรือง
รอบปฐมทัศน์ในค่ำคืนนี้ จางเย่าเฉิงก็เป็นหนึ่งในแขกที่ได้รับเชิญมาเป็นพิเศษ แต่เมื่อเทียบกับตัวภาพยนตร์แล้ว เขาให้ความสนใจกับนิยายมากกว่า
“อาจารย์ลู่ เมื่อไหร่งานใหม่ของอาจารย์อี้จินกู่จะออกมา”
ในฐานะผู้บุกเบิกนิยายกำลังภายแนวใหม่ นามปากกา ‘อี้จินกู่’ เปรียบเสมือนป้ายทองคำอันทรงคุณค่าในแวดวงวรรณกรรม นิยายกำลังภายในเรื่องยาว ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และ ‘มังกรหยก’ ทั้งสองเรื่องล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จมาก
ไม่ต้องพูดถึง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่ตีพิมพ์ออกมาเกือบสองปีแล้ว ‘มังกรหยก’ ของสำนักพิมพ์ซานไห่ก็ขายดีจนของขาดสต็อก และต้องตีพิมพ์ซ้ำติดต่อกันสองรอบเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด
สำนักพิมพ์ซานไห่ที่มีความทะเยอทะยานไม่พอใจเพียงเท่านี้ หวังว่า ‘อี้จินกู่’ จะสามารถตีเหล็กตอนที่ยังร้อนอยู่ เขียนผลงานให้ดียิ่งกว่าและมากยิ่งขึ้น ปล่อยให้กระแสความคลั่งไคล้ในผลงานกำลังภายในนี้ดำเนินต่อไป
แต่ ‘อี้จินกู่’ ช่างลึกลับมากเหลือเกิน ไม่เคยปรากฏตัวในที่สาธารณะ และไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมแจกลายเซ็น ลิขสิทธิ์ทั้งหมดถูกขายขาดให้กับเฉินเฟยมีเดียไป แม้ว่าจางเย่าเฉิงพยายามขอเจอตัวจริงหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวอยู่ดี
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงล่าถอยออกมา และกระตุ้นอีกฝ่ายผ่านความสัมพันธ์กับลู่เฉิน
บรรณาธิการใหญ่ของสำนักพิมพ์ซานไห่คนนี้จะไปรู้ได้อย่างไรว่า นักเขียนตัวจริงเสียงจริงได้ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเองแล้ว!
……………………………………………………………………………