Perfect Superstar - ตอนที่ 862 ความร่วมมือกันแบบวินวิน
ตอนที่ 862 ความร่วมมือกันแบบวินวิน
การที่ทางฝั่งของเมืองเติงเฟิงให้การต้อนรับทีมงาน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องทำความเข้าใจในตัวลู่เฉินมาอยู่แล้วไม่น้อย และรู้ว่าเฉินเฟยมีเดียมีกำลังที่แข็งแกร่ง ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ที่ปล่อยฉายออกมาล้วนขายดีมากทั้งสิ้น มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก
และพวกเขาก็ต้องการใช้ประโยชน์จากอิทธิพลนี้นี่แหละ หวังที่จะยืมกระแสความโด่งดังของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มาส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวในท้องถิ่น แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าลู่เฉินจะเสนอว่าอยากจะบริจาคเงินจำนวนมหาศาลให้กับวัดเส้าหลิน
ทุกคนอึ้งกันไปหมดแล้ว
อย่างไรเสียนายกเทศมนตรีหลู่ก็ไม่ใช่คนธรรมดา แม้จะตกใจอยู่ก็ยังคงรักษาความสงบเอาไว้ได้ เขาถามว่า “คุณลู่เฉิน ขอถามหน่อยครับว่าการบริจาคของบริษัทคุณมีลักษณะเป็นอย่างไร พวกเราสามารถเจรจากันได้”
ในความคิดของเขา ลู่เฉินไม่มีทางที่จะควักเงิน 30 ล้านหยวนออกมาอย่างเปล่าประโยชน์หรอกใช่ไหมล่ะ ที่บอกว่าต้องการการสนับสนุนจากเทศบาลเพื่อตอบสนองความต้องการในการถ่ายทำ มาคิดๆ ดูแล้วก็คงเป็นคำพูดตามมารยาทเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้เขาก็ได้แสดงออกไปแล้วว่าต้องการที่จะสนับสนุนเป็นอย่างมาก ความจริงใจของเติงเฟิงนั้นไร้ข้อกังขา
ลู่เฉินยิ้มและพูดว่า “ก็เป็นการบริจาคธรรมดานี่แหละครับ ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม ขอเพียงแค่นายกเทศมนตรีหลู่เห็นด้วย วันพรุ่งนี้ก็สามารถโอนเงิน 30 ล้านหยวนไปยังบัญชีที่ทางฝั่งของคุณกำหนดได้เลยครับ”
ลู่เฉินสามารถเข้าใจข้อกังขาของอีกฝ่ายได้ดี ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเขาเองก็เกรงว่าจะรู้สึกเหลือเชื่อเช่นเดียวกัน
แต่การที่ลู่เฉินเสนอเงินบริจาค 30 ล้านนี้ ไม่ใช่ว่าต้องการผลาญเงินที่มีมากเกินไป หรือสมองเสื่อมจนสับสนไปหมดแต่อย่างใด
อย่างแรกเลยคือความจำเป็นในการถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่องนี้เขาไม่ได้โกหก จากสภาพปัจจุบันของวัดเส้าหลิน เห็นได้ชัดว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นสถานที่ถ่ายทำภาคที่สองและภาคที่สามของเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้อย่างแน่นอน
แน่นอนเช่นเดียวกันกับที่นายกเทศมนตรีหลู่ได้กล่าวไว้ว่า สามารถเปลี่ยนไปถ่ายทำที่วัดซงซานแทนได้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเปลี่ยนป้ายชื่อวัดเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากซับซ้อนเช่นนี้เลย
แต่วัดเส้าหลินก็คือวัดเส้าหลิน วัดซงซานนั้นไม่สามารถมาแทนที่ได้ และในโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในอันยิ่งใหญ่ของลู่เฉิน วัดโบราณพันปีแห่งนี้มีสถานะที่พิเศษมาก
วิทยายุทธ์ในใต้หล้าล้วนมาจากวัดเส้าหลิน!
ในเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ‘ดาบมังกรหยก’ ‘แปดเทพอสูรมังกรฟ้า’ และผลงานกำลังภายในอีกมากมาย ล้วนมีวัดเส้าหลินอยู่ในสถานะผู้นำด้านศิลปะการต่อสู้ มันไม่มีทางเป็นวัดเก่าแก่ที่ผุพังหรอกใช่ไหมล่ะ
หากลู่เฉินต้องการผลักดันวัฒนธรรมกำลังภายใน ก็ไม่สามารถละเลยวัดเส้าหลินได้เลย นอกจากนี้ต้นกำเนิดทางประวัติศาสตร์ของวัดเส้าหลินก็เหมาะมากสำหรับวัฒนธรรมกำลังภายใน การเปลี่ยนป้ายชื่อของสถานที่แห่งหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่มันจะทำให้เนื้อแท้ที่สำคัญที่สุดนั้นสูญหายไป
ดังนั้นพื้นที่ของวัดเส้าหลินแห่งนี้ไม่เพียงแค่ไม่สามารถย้ายได้เท่านั้น แต่ยังต้องสร้างมันขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ ให้กลายเป็นวัดที่โด่งดังอย่างแท้จริง
ตอนนี้เขาลงทุนไป 30 ล้าน ในอนาคตจะได้รับผลตอบแทนกลับมาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ผลประโยชน์ที่ได้รับโดยตรงที่สุดก็คือทำเช่นนี้แล้ว ในอนาคตการจะมาถ่ายทำที่วัดเส้าหลินก็จะสะดวกและง่ายดาย เมื่อเทศบาลท้องถิ่นได้รับผลประโยชน์ที่คุ้มค่า ก็จะให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่แน่นอน
ในที่สุดทั้งนายกเทศมนตรีหลู่รวมถึงเหล่าเจ้าหน้าที่ก็ตระหนักได้แล้วว่า ลู่เฉินไม่ได้ล้อเล่น แต่ต้องการที่จะควักเงินอันแสนมีค่านี้ออกมาจริงๆ และก็ไม่ได้ดื่มเหล้าเยอะจนสับสนอีกด้วย
เพราะว่าคนที่นั่งข้างๆ อย่างเฉินเฟยเอ๋อร์ ลู่ซี และคนอื่นๆ นั้นไม่มีใครแสดงอาการแปลกใจออกมาเลย เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว
ลู่เฉินยังพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “มีอยู่จุดหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษ เงินก้อนนี้สามารถใช้ได้เฉพาะในวัดเส้าหลินเท่านั้น หวังว่าท่านนายกเทศมนตรีหลู่จะสามารถเข้าใจได้นะครับ”
นายกเทศมนตรีหลู่รู้สึกตัวขึ้นมา หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “เข้าใจแล้วๆ พูดตามตรง เมื่อสักครู่ผมสับสนอยู่นิดหน่อยจริงๆ แต่ว่าผมเชื่อใจในความจริงใจของบริษัทคุณ เทศบาลของพวกเราจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่นอนครับ”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่าขออภัยที่ต้องพูดตรงๆ นะครับคุณลู่เฉิน วัดเส้าหลินเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ และยังอยู่ภายใต้หน่วยงานคุ้มครองวัฒนธรรมในท้องถิ่นของพวกเราอีกด้วย ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าขาดเงินทุน จึงไม่ได้รับการคุ้มครองและซ่อมแซมเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะให้บริษัทของพวกคุณมาออกเงินก้อนนี้ให้”
คำพูดที่เปลี่ยนไปของนายกเทศมนตรีท่านนี้ทำให้ทุกคนที่กำลังนั่งอยู่อึ้งกันไปหมด
ลู่เฉินและคนอื่นๆ ต่างก็เซ็งกันเป็นอย่างมาก ส่งเงินให้ถึงหน้าประตูแต่กลับไม่ต้องการ พวกเขาต้องการรักษาหน้าจนไม่สนเหตุผลเลยหรืออย่างไร
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ยังจ้องมองอย่างตะลึงงัน โดยเฉพาะผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวในท้องถิ่นที่มีสีหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว
แม้ว่าเงินก้อนนี้จะนับได้ว่าเป็นเงินที่ต้องนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์พิเศษโดยเฉพาะก็ตาม แต่ก็ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อสถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเมืองเติงเฟิง แล้วเป็นเพราะเหตุใดทำไมนายกเทศมนตรีหลู่ถึงปฏิเสธความปรารถนาดีของเฉินเฟยมีเดียเช่นนี้
เขาอยากจะตะโกนออกมาเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา ความรู้สึกหดหู่ภายในจิตใจทำเขาพูดไม่ออกเลยจริงๆ
ทำได้แค่เพียงมองดูนายกเทศมนตรีหลู่ยิ้มและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากเงินทุนภายนอกจริงๆ ดังนั้นข้อเสนอของผมคือให้ทำตามแบบอย่างของหนิงซาน ก่อตั้งบริษัทพัฒนาอุตสาหกรรมวัดเส้าหลินแห่งซงซานขึ้นมา โดยมีเทศบาลของพวกเรา วัดเส้าหลิน และเฉินเฟยมีเดียทั้งสามฝ่ายเป็นผู้ถือหุ้น คุณลู่เฉินคิดว่าแบบนี้เป็นอย่างไร”
ลู่เฉินคาดไม่ถึงว่านายกเทศมนตรีหลู่จะยื่นข้อเสนอเช่นนี้ขึ้นมา แต่เขาก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้ในทันที อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก นายกเทศมนตรีคนนี้มีความสามารถจริงๆ!
ในด้านหนึ่ง ทางเติงเฟิงสามารถยอมรับเงินทุนของเฉินเฟยมีเดียได้อย่างมั่นใจและสง่างาม แล้วนำมาสร้างจุดท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่รอบๆ วัดเส้าหลิน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นได้
ในอีกด้านหนึ่ง เฉินเฟยมีเดียจะถูกผูกติดอยู่กับสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในอนาคต
เขาทำตามแบบอย่างของหนิงซาน ในตอนแรกเพื่อที่จะดึงทีมงาน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เข้ามาร่วมด้วย ทางหนิงซานได้ยกหุ้นของโรงถ่ายหนิงซานให้กับเฉินเฟยมีเดียโดยตรง และข้อเท็จจริงก็ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่านี่เป็นความร่วมมือแบบวินวินกันทั้งสองฝ่าย เรียกได้ว่าเป็นกรณีตัวอย่างของความสำเร็จทางธุรกิจ
เห็นได้ชัดว่านายกเทศมนตรีหลู่ได้ศึกษามาก่อนแล้วเรียบร้อย เขายังพูดคำว่า ‘ตามแบบอย่างของหนิงซาน’ ออกมาอีกด้วย แต่ถึงเขาจะเป็นนายกเทศมนตรีของเติงเฟิง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเลียนแบบหนิงซานไปเสียทั้งหมด โรงถ่ายหนิงซานนั้นได้รวมสถานที่ชมวิวหลักๆ ที่สำคัญของหนิงซานเข้าไปด้วย แต่บริษัทพัฒนาอุตสาหกรรมวัดเส้าหลินแห่งซงซานนั้นได้จำกัดไว้แค่วัดเส้าหลินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ถ้าหากหุ้นของพื้นที่ชมวิวซงซานถูกแบ่งออกไปละก็ ย่อมต้องถูกขัดขวางจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน นอกจากนี้เฉินเฟยมีเดียก็ไม่ได้โลภมากอะไรแบบนั้น ในตอนนี้หากเป็นเพียงแค่วัดเส้าหลิน จะไม่มีการต่อต้านในพื้นที่อย่างแน่นอน แต่กลับจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แทน
นี่เป็นการนำประสบการณ์และความสำเร็จของที่อื่นมาปรับใช้เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามา แต่สิ่งที่พบเจอได้ยากก็คือ ข้อเสนอของนายกเทศมนตรีหลู่คนนี้เป็นสิ่งที่เขาเพิ่งคิดขึ้นมาได้เมื่อกี้อย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ได้เป็นแผนที่คิดมาแล้วล่วงหน้าด้วย แต่มันกลับเหมาะสมกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และยังเป็นการร่วมมือกันแบบวินวินกันทั้งสองฝ่ายอีกด้วย
ขณะนี้ ภายในใจของบรรดาหัวหน้างานและผู้นำเหล่านั้นก็รู้แจ้งเห็นแสงสว่างขึ้นมาทันใด แถมผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวคนนั้นก็ยังจ้องไปที่ลู่เฉินด้วยสายตาเป็นประกายอีกด้วย
พวกเขาคิดไม่ออกถึงเหตุผลที่ลู่เฉินจะปฏิเสธเลย
แน่นอนว่าลู่เฉินไม่สามารถปฏิเสธได้ เขามองลู่ซีที่อยู่ข้างๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมคิดว่าแบบนี้เยี่ยมมากเลยครับ แต่ถ้าหากจะร่วมหุ้นเพื่อสร้างบริษัทขึ้นมา อย่างนั้นเงิน 30 ล้านหยวนนี้คงไม่พออย่างแน่นอน เรื่องรายละเอียดพวกเราค่อยมาคุยกันอย่างละเอียดทีหลังนะครับ”
“นอกจากนี้…”
ลู่เฉินหันไปทางเฉินเฟยเอ๋อร์ “เฟยเอ๋อร์ คุณมาพูดเถอะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์พยักหน้าแล้วกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “นอกจากนี้ ฉันกับลู่เฉินตัดสินใจที่จะบริจาคเงินอีก 20 ล้านหยวนในนามของตัวเอง เพื่อใช้ในการสร้างโรงเรียนในพื้นที่เติงเฟิงและเป็นเงินทุนช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจนค่ะ”
นายกเทศมนตรีหลู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง แล้วเขาก็ยกมือขึ้นปรบ
ไม่นานภายในห้องก็เกิดเสียงปรบมือดังขึ้นมาอย่างกึกก้องทันที!
…………………………………………………………………………