Perfect Superstar - ตอนที่ 873 เพื่อนร่วมชั้นตอนวัยรุ่น (2)
ตอนที่ 873 เพื่อนร่วมชั้นตอนวัยรุ่น (2)
สำหรับสายตาหลากหลายที่จับจ้องมาจากรอบข้างนั้น ลู่เฉินชินกับมันมานานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานี้ภายในใจของเขายังเต็มไปด้วยความแปลกใจที่ได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นเก่า ถึงแม้จะบอกว่าความสัมพันธ์ของเขากับเซียวลี่หรงตอนอยู่มัธยมปลายนั้นปกติธรรมดา แต่พอได้เห็นอีกฝ่ายก็ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาของ ‘เพื่อนร่วมชั้นตอนวัยรุ่น’ ขึ้นมา
คำถามที่อ่อนโยนและเป็นกันเองของลู่เฉินทำให้อารมณ์ตกใจของเซียวลี่หรงค่อยๆ สงบลง รู้สึกได้ว่าผู้ชายรูปหล่อสุดๆ ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ค่อยๆ ซ้อนทับกับภาพเด็กหนุ่มตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหลังในความทรงจำ
เธอกลืนน้ำลายลงไปแล้วพูดว่า “ทุกคนสบายดี พวกเรามักจะคุยกันในกลุ่มเฟยซวิ่นบ่อยๆ น่ะ แต่ว่าเพื่อนหลายคนก็ขาดการติดต่อไปแล้วเหมือนกัน ได้ยินว่าบางคนไปต่างประเทศแล้ว บางคนก็ไปทำงานที่อื่น…”
พูดไปพูดมา เซียวลี่หรงที่ผ่อนคลายลงแล้วก็พูดอย่างทีเล่นทีจริงว่า “แต่ก็ไม่มีใครเทียบกับดาราดังอย่างนายได้เลย ทุกคนภูมิใจกันมากเวลาพูดถึงเรื่องนี้ในกลุ่ม ฉันเคยบอกคนอื่นว่าลู่เฉินเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน แต่พวกเธอก็ไม่เชื่อกันเลย!”
เธอเม้มปากยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว รีบมาถ่ายรูปคู่กับฉันสักรูปเร็วเข้า จะเอากลับไปให้พวกเธออิจฉากันให้ตายไปเลย!”
ลู่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง “รูปเดียวจะไปพอได้ไง อย่างน้อยก็ต้องถ่ายสักสองรูปสิ! เฟยซวิ่นไอดีอันเก่าของฉันไม่ได้ใช้แล้ว เธอแอดไอดีใหม่ของฉันไปสิ คราวหลังจะได้ติดต่อกันง่ายๆ”
เขาเปิดเฟยซวิ่นในโทรศัพท์ของเขา แล้วเปิดรหัสคิวอาร์โค้ดไอดีของตัวเองเพื่อให้เซียวลี่หรงสแกน
เฟยซวิ่นไอดีอันนี้เป็นบัญชีส่วนตัวของลู่เฉิน มีเพียงแค่เพื่อนสนิทกับญาติและเพื่อนในวงการเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้แอดเอาไว้ แล้วเขาก็ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยมากนักด้วย ส่วนไอดีเก่านั้นถูกยกเลิกไปนานแล้ว
เซียวลี่หรงดีใจเป็นอย่างมาก รีบแอดเฟยซวิ่นไอดีใหม่ของลู่เฉินทันที “โห หมายเลขของนายสวยมากเลย”
ลู่เฉินหัวเราะแล้วพูดว่า “ได้ทำงานร่วมกันกับทางฝั่งเฟยซวิ่นน่ะ อีกฝ่ายเลยส่งเบอร์สวยมาให้ใช้”
เซียวลี่หรงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลู่เฉินเป็นดาราดัง เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายกลับมาคราวนี้ เพื่อมาร่วมงานฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปีของโรงเรียนใช่หรือเปล่า”
ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่แล้ว”
เซียวลี่หรงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า “ครั้งนี้เหล่าปันก็จะมาร่วมงานฉลองด้วยเหมือนกัน เธอได้จัดการให้ทุกคนในกลุ่มมางานเลี้ยงรุ่นในคืนพรุ่งนี้ นายอยากจะมาเข้าร่วมด้วยไหม”
เธอเข้าใจว่าดาราดังอย่างลู่เฉินนั้น ปกติแล้วจะต้องยุ่งมากอย่างแน่นอน และในฐานะแขกผู้มีเกียรติในงานเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปีของโรงเรียน คืนพรุ่งนี้คงจะไม่ว่างอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงแค่ถามดูเผื่อเขาจะมาได้
“เหล่าปันก็กลับมาด้วยเหรอ”
ลู่เฉินประหลาดใจ “เรื่องแบบนี้นี่หาได้ยากจริงๆ นับฉันเข้าไปด้วยก็แล้วกัน แต่คาดว่าน่าจะอยู่เล่นด้วยได้ไม่นานนัก เธอแค่บอกฉันมาว่างานเลี้ยงรุ่นจัดขึ้นที่ไหนก็โอเคแล้ว”
เหล่าปันเป็นหัวหน้าห้องของชั้นเรียนมัธยมปลายของเขา เป็นเพราะว่าเธอแซ่ปันและเป็นหัวหน้าห้องอีก บวกกับที่ได้รับความนิยมในห้องเรียนมาก ดังนั้นทุกคนจึงเรียกเธอว่า ‘เหล่าปัน’ อันที่จริงแล้วเหล่าปันไม่ได้แก่เลยสักนิด แต่เป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและรวยตัวจริงคนหนึ่งเลยทีเดียว หลังจบมัธยมปลายก็ได้ไปเรียนต่อที่อังกฤษเลยทันที
“แบบนั้นก็เยี่ยมไปเลย!”
เซียวลี่หรงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เธอรีบส่งที่อยู่ของสถานที่จัดเลี้ยงไปให้ลู่เฉินทันที เธอหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันจะบอกทุกคน…”
“อย่านะ!”
ลู่เฉินห้ามไว้และพูดว่า “อย่าเพิ่งบอกก่อน ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะไปได้ไหม เดี๋ยวพอถึงเวลาแล้วฉันจะติดต่อเธอไปก็แล้วกัน”
เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้เหมือนกันว่าคืนพรุ่งนี้จะมีเวลาว่างไหม ดังนั้นจึงระมัดระวังไว้ก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าเซียวลี่หรงตะโกนบอกไปแล้วสรุปว่าเขากลับไม่สามารถไปได้ละก็ แบบนั้นต้องไม่ดีแน่ๆ
เซียวลี่หรงเข้าใจได้ “โอเค”
ในตอนนั้นเอง ฟางอวิ๋นก็เดินออกมาจากห้องลองชุด เมื่อเห็นลู่เฉินพูดคุยและหัวเราะกับพนักงานคนหนึ่งอย่างมีชีวิตชีวา เธอจึงเดินเข้ามาหาด้วยความสงสัย “เสี่ยวเฉิน…”
เมื่อลู่เฉินเห็นแม่ของเขาจึงได้แนะนำให้รู้จักกัน “พบกับเพื่อนร่วมชั้นเก่าโดยบังเอิญน่ะครับ เธอคือเซียวลี่หรง แม่ยังจำเธอได้ไหม”
เซียวลี่หรงทักทายอย่างเขินอายเล็กน้อย “สวัสดีค่ะคุณป้า”
“สวัสดีจ้ะ…” ฟางอวิ๋นมองดูอย่างละเอียดแล้วจึงยิ้มและพูดว่า “ป้าจำได้ เราเคยเจอกันหลายครั้งแล้ว ตอนนี้โตขึ้นมาเป็นสาวสวยเชียว ถ้าหนูไม่พูดขึ้นมาป้าก็คงนึกไม่ออกจริงๆ หนูแต่งงานหรือยังจ๊ะ”
เซียวลี่หรงรู้สึกเขินอายมากกว่าเดิมอีก
ลู่เฉินช่วยแก้สถานการณ์ “พอดีเลย เซียวลี่หรงทำงานอยู่ที่ร้านนี้ ถ้าอย่างนั้นมาช่วยแนะนำเสื้อผ้าให้แม่ของฉันสักหน่อยสิ”
เซียวลี่หรงรีบพาฟางอวิ๋นไปดูเสื้อผ้าทันที
สรุปแล้วลู่เฉินก็เพิ่งจะได้นั่งลงเมื่อกี้นี้เอง ทันใดนั้นก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหา แล้วถามด้วยใบหน้าเล็กๆ ที่ขึ้นสีแดง “อาจารย์ลู่เฉิน ฉันเป็นแฟนคลับของคุณค่ะ ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหมคะ”
ลู่เฉินเห็นคำว่าผู้จัดการร้านพิมพ์อยู่บนป้ายชื่อตรงหน้าอกของเธอ จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ได้ครับ”
เมื่อผู้จัดการร้านนำไปแล้ว พนักงานคนอื่นๆ อีกหลายคนจึงทยอยกันเข้ามาหาทีละคน อยากได้ลายเซ็นก็ได้ลายเซ็น อยากถ่ายรูปก็ได้ถ่ายรูป ลู่เฉิน…ได้เติมเต็มความปรารถนาของพวกเธอแล้ว
และเพื่อเป็นการตอบแทน เขาขอร้องให้พนักงานไม่ส่งเสียงดังออกไป ให้แม่ของเขาได้สนุกกับการชอปปิงที่นี่
โชคดีที่ในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นหากตื่นตกใจกันแล้วก็อาจจะมารุมล้อมร้านดิออร์แห่งนี้จนแออัดกันไปหมด เหล่าพนักงานก็ตระหนักได้ว่าอะไรควรและอะไรไม่ควร จึงไม่มีใครส่งเสียงดังวุ่นวายออกมา
สุดท้ายแล้วฟางอวิ๋นก็ซื้อเสื้อผ้ามาสองชุดและกระเป๋าอีกใบหนึ่งในร้าน แถมผู้จัดการยังให้ส่วนลดอีกสิบเปอร์เซ็นต์
หลังจากที่ลู่เฉินชำระเงินด้วยบัตรแล้ว เขาก็บอกลาเซียวลี่หรงและจากไป
ปรากฏว่าหลังจากที่ทั้งสองคนเดินจากไปเพียงครู่เดียว ก็มีคนมากมายวิ่งตามเข้ามาถึงที่ร้านดิออร์ เพราะว่ามีพนักงานที่ตื่นเต้นได้โพสต์ภาพคู่ในโมเมนต์ ผลที่ได้คือจากหนึ่งถึงสิบ จากสิบถึงร้อย ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็รีบวิ่งมารวมตัวกันดูดาราดัง
แต่พวกเขากลับถูกลิขิตมาให้ผิดหวังเสียแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่เฉินไปโรงเรียนมัธยมปินไห่ที่เขาเคยเรียนในปีนั้นโดยลำพัง
เมื่อคำนึงถึงลานจอดรถใกล้โรงเรียนที่ไม่ค่อยสะดวกนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขับรถด้วยตัวเอง แต่ไปที่หน้าชุมชนเพื่อเรียกรถแท็กซี่ไปแทน
สรุปแล้วเมื่อมาถึงทางแยกที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนมัธยมปินไห่ ก็พบว่ามีการควบคุมจราจรทั้งถนน มีตำรวจจราจรอยู่ตรงทางแยก เฉพาะยานพาหนะที่มีบัตรพิเศษเท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้
ลู่เฉินก็ไม่ได้คิดมากอะไร หลังจากจ่ายค่ารถแล้วเขาก็ลงจากรถแล้วเดินต่อไป ถึงอย่างไรจากที่นี่จนถึงโรงเรียนก็ห่างกันเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น เดินไปก็ใช้เวลาไม่นานนัก
เดินไปข้างหน้าตามทางเท้าที่ปูด้วยอิฐสีฟ้า ต้นหวายข้างทางก็ยังคงสูงใหญ่และเขียวชอุ่มเฉกเช่นในปีนั้น ลู่เฉินไม่รู้แล้วว่าเขาเดินผ่านมาที่นี่กี่ครั้งในตอนนั้น ยังจำกลิ่นหอมของดอกหวายได้เลือนราง
เขายังได้ยินเสียงเพลงประกอบพิธีอันอบอุ่นจากที่ไกลๆ เห็นได้ชัดว่าพิธีต้อนรับได้เริ่มขึ้นแล้ว
แต่ลู่เฉินกลับไม่ได้รีบร้อนเลยสักนิด เพราะบนถนนเส้นนี้มีความทรงจำมากมายให้เขาหวนคิดถึง ทั้งเสียงหัวเราะตอนวิ่งเล่น เสียงเล่นกันอย่างวุ่นวาย และเสียงเต้นของหัวใจตอนจับมือกันครั้งแรก…
เพื่อนร่วมชั้นตอนวัยรุ่นน่ะ!
ตอนนี้ดอกหวายยังไม่บานจึงไม่ได้เห็นภาพอันงดงาม แต่ในความทรงจำที่ทั้งแสนหวาน อบอุ่น และเต็มไปด้วยความสุขนั้นยังคงติดอยู่ในใจ
ทันใดนั้น จู่ๆ ลู่เฉินก็นึกถึงเฉินเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ห่างไกลถึงปักกิ่ง
ห่างไปใกล้ๆ แค่สองสามร้อยเมตร เขาใช้เวลาเดินไปสิบนาที จนกระทั่งมีรถขับผ่านไปเขาจึงได้สติขึ้นมา
ด้านหน้าเป็นโรงเรียนมัธยมปินไห่ที่ลู่เฉินเคยเรียน เป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดระดับประเทศ และมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปี หน้าประตูได้ตั้งซุ้มประตูอัดลมสูงๆ เอาไว้ ลูกโป่งสีสันสดใสที่ถูกห้อยไว้ตรงป้ายปลิวไปตามสายลม พรมแดงยาวปูจากหน้าประตูโรงเรียนไปจนถึงด้านในโรงเรียน
กลุ่มคนจำนวนมากรุมล้อมอยู่ที่หน้าประตู ลู่เฉินเห็นผู้บริหารโรงเรียนหลายคนที่เขารู้จักอยู่ในนั้น พวกเขากำลังยืนต้อนรับแขกที่มาร่วมงานฉลองของโรงเรียนและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนกันอย่างมีความสุขและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
…………………………………………………………………………