Perfect Superstar - ตอนที่ 875 เพื่อนร่วมชั้นตอนวัยรุ่น (จบ)
ตอนที่ 875 เพื่อนร่วมชั้นตอนวัยรุ่น (จบ)
เมื่อเห็นลู่เฉินกับปันเป้ยเป้ย อาจารย์ข่งดีใจเป็นอย่างมาก
ตอนนั้นนักเรียนห้าสิบเจ็ดคนของห้องห้ารุ่นปี 98 ของโรงเรียนมัธยมปินไห่ ปันเป้ยเป้ยกับลู่เฉินเป็นสองคนที่โดดเด่นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ปันเป้ยเป้ยเป็นหัวหน้าห้อง ไม่เพียงแต่หน้าตาดี ผลการเรียนก็ยอดเยี่ยม อาจารย์ข่งรักเธอเหมือนเป็นลูกสาวตัวเองคนหนึ่ง
และปันเป้ยเป้ยก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สร้างเกียรติและชื่อเสียงให้โรงเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อมาภายหลังเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศอังกฤษ และยังมุ่งเรียนระดับปริญญาโท
ส่วนลู่เฉินนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนั้นเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในโรงเรียนก็ว่าได้ ตอนนี้กลายเป็นดาราดังเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ และกลายเป็นความภาคภูมิใจของโรงเรียนมัธยมปินไห่
มาวันนี้ทั้งสองคนกลับมาที่โรงเรียนด้วยกัน ปรากฏตัวอยู่ในห้องเรียนที่เคยเรียนมาก่อน อาจารย์ข่งจะไม่รู้สึกดีใจได้อย่างไรเล่า
ไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือว่าปันเป้ยเป้ย ล้วนเป็นความภาคภูมิใจที่สุดของอาจารย์ข่ง โดยเฉพาะลู่เฉิน ตอนนั้นเขาไม่นับว่าเป็นนักเรียนที่ประพฤติดีและเรียนเก่งอะไร ลำพังแค่ปัญหามีความรักก่อนวัยอันควรก็ทำให้อาจารย์ปวดหัวไม่น้อย แต่อาจารย์ข่งยังคงมอบความโอบอ้อมอารีที่ยิ่งใหญ่ให้กับเขา
โรงเรียนมัธยมปินไห่เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ โรงเรียนมีกฎเกณฑ์ชัดเจนห้ามนักเรียนมีความรักก่อนวัยอันควร ตอนแรกลู่เฉินคบกับกู้เสี่ยวม่านอย่างเปิดเผย สร้างความฮือฮาอย่างใหญ่หลวง
ตอนนั้นผู้บริหารโรงเรียนแสดงออกว่าจะลงโทษลู่เฉิน แต่มีอาจารย์ข่งที่ปกป้องเขา สุดท้ายลู่เฉินจึงได้รับแค่คำตักเตือนเท่านั้น
เรื่องนี้ปันเป้ยเป้ยจำได้ชัดเจน เมื่อพูดขึ้นมาตอนนี้ก็รู้สึกสนุกมาก
อาจารย์ข่งก็ไม่ได้ถือว่าตนมีความดีความชอบ ยิ้มเอ่ยว่า “หลักๆ แล้วลู่เฉินกับกู้เสี่ยวม่านคบกันไม่ได้มีผลกระทบต่อการเรียน ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่รับปาก ตอนนี้ก็มีนักเรียนที่คบกันเป็นแฟน ฉันก็พูดกับพวกเราว่า ขอแค่พวกเธอรับปากว่าจะรักษาผลการเรียนให้ดี รับรองว่าจะไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายซึ่งกันและกัน อย่างนั้นฉันก็จะไม่ก้าวก่าย”
ลู่เฉินยกนิ้วโป้งขึ้นมา “อาจารย์ข่งฉลาดหลักแหลม!”
อาจารย์ข่งส่ายหน้า กล่าวว่า “จริงๆ แล้วไม่ว่าจะในมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนมัธยม ความรักของนักเรียนชายนักเรียนหญิงถึงแม้จะสวยงาม แต่ก็ยากมากๆ ที่จะลงเอยด้วยดี ขอเพียงเข้าสู่สังคมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงจะเข้าใจว่าอะไรคือความรักที่ต้องรับผิดชอบอย่างแท้จริง”
เธอยิ้มถามปันเป้ยเป้ย “เป้ยเป้ย ตอนนี้เธอมีแฟนหรือยัง”
ปันเป้ยเป้ยหน้าแดงพลางส่ายหน้า “ยังเลยค่ะ…”
“แต่ไม่ต้องรีบ ที่สำคัญที่สุดคือหนูต้องหาคนที่หนูชอบและคนคนนั้นก็ชอบหนูค่ะ…”
อาจารย์ข่งยิ้มพูด “แล้วลู่เฉินเธอจะแต่งงานเมื่อไร”
ความรักของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ทุกคนล้วนทราบ ถึงแม้อาจารย์ข่งไม่ค่อยสนใจข่าวซุบซิบนินทา แต่ก็รู้ดีมาก
ลู่เฉินเอ่ยว่า “ถ้าหากไม่มีเรื่องเกินคาดอะไร น่าจะปีหน้าครับ”
“อ๋า”
ปันเป้ยเป้ยเม้มปากยิ้มพูดว่า “นี่คือข่าวใหญ่เลยนะ ชัวร์แน่ๆ แล้วใช่ไหม”
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์รักกันหลายปีแล้ว ทั้งสองคนเป็นคู่รักต้นแบบที่ดีที่สุดในวงการบันเทิง แฟนคลับมากมายนับไม่ถ้วนอยากให้ความรักครั้งนี้ผลิดอกออกผลเต็มที่แล้ว กระทั่งมีกลุ่มคนที่ชอบบังคับให้แต่งงานปรากฏอยู่ในบล็อกของคนทั้งสองมากมาย
ปันเป้ยเป้ยถึงแม้จะอยู่ประเทศอังกฤษ แต่ก็เล่นบล็อกในประเทศอยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงเข้าใจอยู่ไม่น้อย
ถ้าหากลู่เฉินพูดประโยคนี้ออกมา นั่นคือพาดหัวข่าวบันเทิงอย่างแน่นอน!
ต่อหน้าอาจารย์และเพื่อนนักเรียนเก่า ลู่เฉินไม่มีอะไรต้องปิดบัง เขากล่าวอย่างเปิดเผยว่า “น่าจะประมาณนี้ครับ ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยชั่วคราว ถึงตอนนั้นขอเชิญเธอแล้วก็อาจารย์ข่งไปร่วมดื่มเหล้ามงคลด้วยกันนะครับ!”
ปันเป้ยเป้ยตบมือ “งั้นฉันต้องเตรียมซองแดงดีๆ แล้ว…”
อาจารย์ข่งยิ้มหวานมองนักเรียนทั้งสองคน อันที่จริงตอนนั้นเธอมองลู่เฉินกับปันเป้ยเป้ยว่าจะได้เป็นคู่กันเสียดายทั้งสองคนนี้ไม่มีวาสนาอะไรเลยได้แต่เป็นเพื่อนกัน
กริ๊ง…
เวลานี้โทรศัพท์ของลู่เฉินดังขึ้นพอดี
เขารีบกดรับสาย พูดสองสามประโยคแล้ววางสายก่อนจะเอ่ยว่า “งานฉลองที่หอประชุมใกล้จะเริ่มแล้ว อาจารย์ข่ง เหล่าปันพวกเราไปกันเถอะ”
“อ้าว!”
อาจารย์ข่งหงุดหงิด “คุยกันจนลืมเรื่องงานไปเลย พวกเรารีบไปกันเถอะ”
ทั้งสามคนเดินออกจากห้องเรียน รีบไปที่หอประชุมใหญ่ของโรงเรียน
ตอนที่ลู่เฉินปรากฏตัวที่หอประชุมใหญ่ สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องมาที่ตัวเขา
โรงเรียนมัธยมปินไห่ให้การศึกษากับนักเรียนมาร้อยปี อบรมปลูกฝังนักเรียนดีเด่นรุ่นแล้วรุ่นเล่า ในนั้นมีทั้งที่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักธุรกิจที่มีชื่อเสียง และผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะและวรรณกรรม แต่ในกลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ไม่มีใครโดดเด่นเท่าลู่เฉินอีก!
เขาเหมือนดั่งแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง เปล่งรัศมีไปรอบด้าน!
ในงานเฉลิมฉลองนี้ ลู่ฉินเป็นหนึ่งในตัวแทนศิษย์เก่าของโรงเรียนมัธยมปินไห่ ที่ขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์บนเวที ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แค่เจ็ดนาที แต่กลับได้รับเสียงปรบมือที่อบอุ่นหลายครั้ง
ตอนบ่ายวันเดียวกัน ลู่เฉินได้ร่วมพิธีเปิด ‘กองทุนการศึกษาลู่เฉิน’ ที่จัดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมปินไห่
นี่คือโครงการกองทุนที่จัดตั้งขึ้นด้วยเงินบริจาคส่วนตัวของเขาจำนวนห้าสิบล้าน หลักๆ แล้วเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนนักเรียนที่เรียนดีและยากจนในโรงเรียนมัธยมปินไห่ รวมถึงโรงเรียนมัธยมและโรงเรียนประถมศึกษาในเครือ
โครงการกองทุนนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อสองสามเดือนก่อน เป็นสิ่งที่ลู่เฉินอยากตอบแทนโรงเรียนเก่าทั้งสามแห่งที่เขาเคยศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่โรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยมในเครือไปจนถึงโรงเรียนมัธยมปินไห่ นอกจากนี้แม่ของเขายังรับหน้าที่เป็นประธาน คอยดูแลตรวจสอบและจัดการกองทุน เพื่อให้มั่นใจว่าเงินทุนจะถูกนำไปใช้จริงอย่างทั่วถึง
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ ลู่เฉินได้เข้าพบนายกเทศมนตรีเมืองปินไห่และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมือง จากนั้นยังได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์อีกด้วย จนกระทั่งเวลาสองทุ่มกว่า เขารีบเร่งไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงรุ่น
งานเลี้ยงรุ่นของนักเรียนห้อง 5 รุ่นปี 98 จัดขึ้นในโรงแรมห้าดาวในท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ตอนที่ลู่เฉินมาถึงการร่วมรับประทานอาหารของเพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมได้จบลงแล้ว และเคลื่อนทัพไปร้องคาราโอเกะในโรงแรม
ตอนที่พนักงานผลักประตูห้องส่วนตัวเข้ามา แล้วเชิญลู่เฉินเข้าไปนั้น คนที่อยู่ข้างในกำลังร้องเพลงเหมือนผีโหยหวนกับหมาป่าเห่าหอน โซฟาตัวยาวมีคนนั่งเต็มอย่างน้อยสามสิบกว่าคน
ทุกคนบ้างก็ดื่มเหล้า บ้างก็พูดคุยกัน มีความครึกครื้นเป็นอย่างมาก
ตอนที่ทุกคนยังไม่ทันได้สังเกต คิดว่าเป็นพนักงานหรือเพื่อนนักเรียนออกไปห้องน้ำ มีผู้หญิงตาแหลมคนหนึ่งจำลู่เฉินได้
“อ๋า!”
เธอเบิกตาโตอย่างช่วยไม่ได้ ใช้เสียงโซปราโนขั้นสูงร้องตะโกนว่า “ลู่เฉิน!”
ลู่เฉินถอดแว่นกันแดดออก แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “เลี่ยวซาซา เสียงแบนชีผู้โหยหวนของเธอฝึกถึงขั้นสุดยอดแล้วนะ”
ผู้หญิงคนนี้ชื่อเลี่ยวซาซา สามารถส่งเสียงกรี๊ดทะลุแก้วหูได้ ดังนั้นพวกเพื่อนนักเรียนชายในชั้นเรียนจึงพูดติดตลกว่าเธอมีทักษะของ ‘แบนชีผู้โหยหวน’ ตอนนี้ถูกลู่เฉินเอามาหยอกล้ออีกครั้ง
บรรยากาศในห้องวีไอพีถูกแช่แข็ง พวกที่ยึดไมค์อยู่สองสามคนต่างนิ่งเป็นใบ้กิน มีเพียงเสียงดนตรีบรรเลงที่กำลังดังอยู่
ลู่เฉินเอ่ยว่า “เหลาอู่ ฟางเจี้ยน จ้าวหลินเฉิง หลี่หยวน จางเจินฉิน…ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
คำว่า ‘ไม่เจอกันนาน’ ดึงความห่างเหินให้ใกล้ชิดกันทันที วินาทีต่อมา บรรยากาศในห้องวีไอพีแห่งนี้ได้ฟื้นฟูกลับมาสู่ความคึกคักยินดีเหมือนเดิม เพื่อนนักเรียนชายหญิงต่างเข้ามารายล้อม สวมกอดลู่เฉิน ตบไหล่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
ความเหินห่างและความแปลกหน้าที่ไม่ได้เจอกันนาน ถูกชะล้างด้วยความดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง!
………………………………………………………………………..