Perfect Superstar - ตอนที่ 890 บ้านที่พักพิง
ตอนที่ 890 บ้านที่พักพิง
วันที่ 15 มกราคม ลู่เฉินสิ้นสุดการเดินสายทำกิจกรรมแจกลายเซ็นอัลบั้มใหม่ทั่วประเทศ และกลับสู่เมืองหลวง
ระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งเดือน เขาได้วิ่งไปยังเจ็ดเมืองใหญ่ในประเทศ และยังพักอยู่ที่ฮ่องกงสองวัน สุดท้ายกลับจากไต้หวันถึงเมืองหลวง ระยะทางการเดินทางยาวนับพันกิโลเมตร
ในแต่ละเมือง ลู่เฉินล้วนได้รับการต้อนรับจากเหล่าแฟนเพลงในท้องถิ่นอย่างคึกคัก ส่วนการแจกลายเซ็นในร้านหนังสือซินหวาของแต่ละเมืองในช่วงหลังได้จำกัดจำนวนคนเข้า โดยคัดเลือกผ่านการจัดลำดับของคอมพิวเตอร์ ไม่อย่างนั้นความกดดันของการต้อนรับคงมากเกินไปจริงๆ
ถึงแม้จะลำบาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ชัดเจนมาก ‘ลู่เฉิน’ อัลบั้มชุดใหม่นับตั้งแต่วางจำหน่ายในวันที่ 1 เป็นต้นมาจนถึงเย็นวันที่ 14 มียอดขายรวมทั้งหมด 6.5 ล้านชุด
ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นอัลบั้มดิจิทัล แต่ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ทำลายสถิติยอดขายสัปดาห์แรกและยอดขายสัปดาห์ถัดไปของสองอัลบั้มก่อนหน้านั้น การทำลายสถิติยอดขายรวมจึงเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นเอง
ไม่เพียงแต่ภายในประเทศ ยอดขายสูงขนาดนี้หากอยู่ที่ต่างประเทศ ก็จัดอยู่แถวหน้าเช่นกัน มากพอที่จะเทียบเคียงกับนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ของอังกฤษและสหรัฐอเมริกาได้อย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นในวงการจึงมีคนจำนวนไม่น้อยที่วิจารณ์ด้วยความอิจฉา สถิติยอดขายอัลบั้มที่ลู่เฉินได้สร้างไว้ มีเพียงตัวเขาเองที่สามารถทำลายได้ ไม่มีกรณียกเว้นใดๆ!
สิ่งที่แปรผันตรงกับยอดขายของอัลบั้มก็คือคำชมปากต่อปากของแฟนเพลง ลู่เฉินใช้อัลบั้มที่สามของเขาป้องกันตำแหน่งราชาเพลงในวงการเพลงป็อปของตนเองโดยมิอาจสั่นคลอนได้ และยังสร้างศิลาจารึกที่สูงใหญ่ให้กับตำแหน่ง ‘ผู้สร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด’ ได้อย่างมั่นคง
ภายใต้การขับเคลื่อนของอัลบั้มชุดนี้ วงการเพลงที่เดิมทีเงียบเหงากลับมาคึกคักอีกครั้ง นักร้องหลายคนและบริษัทสื่อแผ่นเสียงต่างกำลังเฟ้นหาผลงานสไตล์เพลงจีน อยากจะเกาะความฮอตนี้สร้างกระแสนิยม
แต่สำหรับลู่เฉิน ไม่ว่ายอดขายอัลบั้มใหม่จะสูงมากแค่ไหน เสียงสะท้อนของตลาดจะคึกคักขนาดไหน ก็ไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้กลับบ้านมาอยู่กับเฉินเฟยเอ๋อร์
ใช้กุญแจไขเปิดประตู ลู่เฉินเพิ่งจะวางกระเป๋าเดินทางไว้ข้างกำแพง ก็ได้กลิ่นหอมของอาหารทันที
เอ๊ะ?
ลู่เฉินประหลาดใจเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะที่บ้านทำกับข้าวน้อยมาก หากจะกินข้าวที่บ้านปกติเขาจะเป็นคนเข้าครัวเอง
เขาเปลี่ยนรองเท้าแตะแล้วเดินไปที่ห้องครัวพร้อมกับความสงสัย
อาหารบ้านๆ ร้อนๆ สองสามอย่างวางอยู่บนโต๊ะอาหารด้านนอก หน้าตาสีสันธรรมดา หลักๆ แล้วคือผัดไข่ หมูสามชั้นน้ำแดง และผัดผักกวางตุ้ง ยังมีถั่วลิสงทอดอีกหนึ่งจาน
ภายในห้องครัว สาวงามคนหนึ่งใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังต้มน้ำซุปอยู่ เธอหยิบฝาหม้อขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ใช้ช้อนตักน้ำซุปขึ้นมาชิมนิดหน่อย จากนั้นจึงใส่เกลือเข้าไปแล้วปิดฝาอีกครั้ง
ทันใดนั้นสองมือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาจากด้านหลังของเธอ โอบกอดเอวที่เพรียวบางของเธอไว้
“อ๋า!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตกใจ ช้อนที่อยู่ในมือเกือบหล่น
ลู่เฉินดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด วางคางไปบนไหล่ของเธอ สูดกลิ่นหอมของคนรักอย่างละโมบ ก่อนจะยิ้มถามว่า “คุณนึกยังไงถึงทำกับข้าวเองครับ”
“นายทำฉันตกใจหมดเลย!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ที่ได้สติกลับมาใช้ช้อนทุบไปที่ศีรษะของเขา แล้วพูดดุว่า “โจมตีแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ฉันตกใจไม่เป็นไร แต่ลูกตกใจจะทำยังไง”
ลูกตอนนี้ยังไม่เป็นตัวเลยมั้ง ลู่เฉินยิ้มเจื่อนๆ “ที่รัก ผมผิดไปแล้วครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ทำเสียงฮึดฮัด “นายมันไร้หัวใจ รู้ว่าวันนี้นายจะกลับมา เลยตั้งใจเข้าครัวทำกับข้าวให้นายเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงว่านาย…”
ลู่เฉินกอดเธอแน่นขึ้น “ผมผิดไปแล้วจริงๆ ครับ”
ขณะที่พูด เขาโน้มตัวเข้าไปจูบใบหน้าของเฉินเฟยเอ๋อร์ เพื่อแสดงการขอโทษของตัวเอง
เฉินเฟยเอ๋อร์โดนหนวดแข็งๆ ของเขาทิ่มจนหัวเราะออกมา เธอบิดศีรษะเพื่อหลบ แต่กลับถูกลู่เฉินจูบเข้าเต็มเปา
ยิ่งห่างกันยิ่งทำให้รักกัน ทั้งสองคนกอดจูบกันนัวเนียในห้องครัวอย่างละมุนละไม
ทว่าพอนึกถึงลูกที่อยู่ในท้องของเฉินเฟยเอ๋อร์ ถึงแม้ไฟรักจะลุกโชน แต่ทั้งสองคนก็ยังควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เฉินเฟยเอ๋อร์กำลังอยู่ในช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสแรก ช่วงนี้เป็นช่วงที่รกกำลังก่อตัว อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เสถียร การหลั่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการแท้งบุตรยังไม่เพียงพอ ง่ายต่อการการแท้งหรือตกอยู่ในภาวะแท้งคุกคาม
นี่คือลูกคนแรกของทั้งสองคน การระวังให้มากนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำ
“ลองชิมฝีมือของฉันสิ…”
เฉินเฟยเอ๋อร์ให้ลู่เฉินนั่งลงที่โต๊ะ ก่อนจะตักน้ำซุปให้เขาหนึ่งถ้วยด้วยตัวเอง แล้วตักข้าวหนึ่งชาม พลางมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ลู่เฉินก็ไม่เกรงใจ ใช้ตะเกียบคีบผัดไข่เข้าปากก่อน แล้วซดน้ำซุปไปสองคำ
รีบกินอาหารลงท้องอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยชมว่า “ไม่เลวเลย อร่อยมากๆ!”
เฉินเฟยเอ๋อร์กลอกตาใส่ลู่เฉิน แล้วเอ่ยว่า “นายชอบเอาใจฉัน ฉันเพิ่งจะหัดทำกับข้าว จะทำอร่อยได้ยังไง ทักษะการแสดงของนายไม่ได้เรื่องเลยนะ!”
“สำหรับนักเรียนใหม่ถือว่าดีมากแล้วครับ…”
ลู่เฉินหัวเราะ แล้วถามว่า “ทำไมจู่ๆ คุณถึงนึกอยากทำอาหารล่ะ ไหนบอกว่าจะหาแม่บ้านมาดูแลคุณไม่ใช่เหรอหรือว่าพี่สาวไม่ได้หาให้คุณ”
ก่อนที่เขาจะออกจากเมืองหลวงได้ปรึกษากับลู่ซีแล้ว ให้หาแม่บ้านที่มีประสบการณ์เยอะมาคอยดูแลเฉินเฟยเอ๋อร์
เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “พี่ลู่ซีพูดกับฉันแล้ว แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ต้องการคนดูแลชั่วคราว ผ่านไปอีกสักพักค่อยว่ากัน อยู่แต่ในบ้านมันน่าเบื่อ ดังนั้นจึงลองหัดทำอาหารด้วยตัวเอง”
เธอคีบผักกวางตุ้งให้ลู่เฉิน “รีบกินเถอะ ฉันกินแล้ว”
ถึงแม้ฝีมือการทำอาหารของนักเรียนใหม่อย่างเฉินเฟยเอ๋อร์จะไม่ค่อยดีนัก ผัดไข่ไหม้ไปนิดหน่อย ผัดผักกวางตุ้งผัดนานไป ซุปไก่ตุ๋นโสมรสชาติยังไม่เข้าที่ก็ตาม แต่ลู่เฉินยังคงกินอย่างเอร็ดอร่อย และยังกินข้าวติดกันสามถ้วย
พอกินข้าวเสร็จ งานเก็บกวาดล้างจานลู่เฉินเป็นคนเหมาเอง
เวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว กระจกหน้าต่างที่กั้นตรงห้องครัว สามารถมองเห็นแสงสว่างจากโคมไฟของบ้านเรือนมากมายที่อยู่ข้างนอกได้
ถึงแม้ร่างกายจะเหนื่อยล้ามาก แต่จิตใจของลู่เฉินรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ว่าอยู่ข้างนอกจะลำบากแค่ไหน บ้านก็คือที่พักพิงอันอบอุ่นตลอดไป โดยเฉพาะดาราอย่างเขากับเฉินเฟยเอ๋อร์ การใช้ชีวิตในบ้านที่แสนเรียบง่ายแต่อบอุ่นแบบนี้นั้นหาได้ยากนัก
วางตะเกียบและจานขามทั้งหมดลงในเครื่องล้างจาน เช็ดโต๊ะอาหารให้สะอาด จากนั้นลู่เฉินก็ล้างมือแล้วเดินกลับไปที่ห้องรับแขก
เฉินเฟยเอ๋อร์กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา หน้าจอขนาดใหญ่ของเลเซอร์โปรเจกเตอร์กำลังฉายภาพกิจกรรมการแจกลายเซ็นของลู่เฉินที่เป่ยเฉิง ประเทศไต้หวัน
“หนึ่งจอกรานรดลืมทุกข์ตรมเดียวดายอยู่ข้างหน้าต่าง ฉันยืนอยู่ที่หลังประตูแสร้งว่าเธอยังไม่จากไป สถานที่เก่าๆ ประดุจได้กลับมาเยือนอีกครั้งจันทร์เพ็ญยิ่งเงียบเหงาว้าเหว่ เปลวเทียนที่ลุกเริงขึ้นในยามค่ำคืนมิอาจอดกลั้นจะตัดพ้อต่อว่าฉัน”
“หนึ่งไหพลัดพรากเร่ร่อนพเนจรไปทั่วหล้าสุรายิ่งยากร่วงลงคอ ยามเธอจรจากไออุ่นของสุรายิ่งติดตรึงไปด้วยความคะนึงถึง…”
ลู่เฉินที่อยู่ในภาพกำลังร้องเพลง ‘สายลมร้าวรานแห่งตะวันออก’[1] ที่อยู่ในอัลบั้ม บทเพลงนี้เป็นผลงานที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นจีนอย่างเข้มข้นได้รับการวิจารณ์ในแง่ดีอย่างกว้างขวาง ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของผลงาน ‘สไตล์เพลงจีน’ เหมือนกับ ‘เครื่องลายคราม’ ตอนนี้กำลังดังระเบิดระเบ้อ
ลู่เฉินได้ร้องเพลงสามเพลงในงานแจกลายเซ็นที่เป่ยเฉิง ประเทศไต้หวัน ‘สายลมร้าวรานแห่งตะวันออก’ ถือว่าเป็นเพลงปิดท้าย
เขาเดินไปนั่งบนโซฟา แล้วดึงเฉินเฟยเอ๋อร์เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา
ทั้งสองคนไม่พูดอะไร แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความหอมหวานและอบอุ่น
และเพลงก็ยังร้องต่อไป
“…ใครกันกำลังกรีดพิณบรรเลงท่วงทำนองสายลมร้าวรานแห่งตะวันออก
กาลเวลาบนผนังค่อยๆ หลุดร่อนจนแลเห็นช่วงชีวิตเมื่อครั้งยังเยาว์วัย
ยังคงจดจำ ณ ห้วงเวลาที่พวกเราต่างอ่อนเดียงสา
ตราบจนวันนี้เสียงพิณพลิ้วโหยการเฝ้าคอยของฉันเธอไม่เคยรับรู้…”
…………………………………………………………………………
[1] 《东风破》หรือ สายลมร้าวรานแห่งตะวันออก เนื้อร้องโดย ฟางเหวินซาน (方文山) ทำนองโดย โจวเจี๋ยหลุน (周杰伦)
————————————-