Perfect Superstar - ตอนที่ 893 แย่งบัตร
ตอนที่ 893 แย่งบัตร
“เถ้าแก่…”
เกาหย่งกอดกีตาร์ ใช้สายตาไม่สบายใจมองไปที่เฉินเจี้ยนหาว
เขาเพิ่งจะดีดกีตาร์ร้องไปสองเพลง เพลงแรกคือเพลงที่เขาชอบมากที่สุด ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ของลู่เฉิน อีกเพลงหนึ่งคือผลงานที่ตัวเขาเองภาคภูมิใจมากที่สุด
โดยปกติทั่วไป เกาหย่งร้องเพลงนี้ด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก และยังได้รับความชื่นชอบจากพวกผู้ฟัง แต่เมื่อมีลู่เฉินดูการแสดงอยู่ตรงหน้า เขากลับไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด กังวลว่าจะพลาดถึงขนาดกระทบต่อการโชว์ระดับความสามารถของเขา
พูดตามจริง เกาหย่งอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด เขาไม่รู้ว่าตัวเองเฝ้าฝันถึงฉากในวันนี้มากี่ครั้งแล้ว แต่ตอนที่ความฝันกลายเป็นความจริง กลับแสดงได้แย่มาก
แต่ลู่เฉินไม่ได้ให้คำวิจารณ์อะไรแก่เขาโดยตรง เพียงแค่พูดกระซิบกับเฉินเจี้ยนหาวและพี่น่าสองสามประโยคจากนั้นพยักหน้าให้เขาแล้วเดินออกไป
นี่ทำให้เกาหย่งรู้สึกเศร้ามาก
เขาตระหนักได้ว่าตัวเองคงจะพลาดโอกาสที่นานๆ จะได้พบพานแบบนี้ไปแล้ว
สามารถกลายเป็นนักร้องประจำบาร์เดย์ลิลลี่ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และในแวดวงนี้ ไม่รู้ว่ามีนักร้องที่ยังไร้ชื่อเสียงอีกเท่าไรที่อยากจะมายืนอยู่ตรงนี้แต่ก็ยังไม่สมปรารถนา แถมยังมีคนที่พอมีชื่อเสียงกระทั่งนักร้องที่เป็นที่รู้จัก เป็นฝ่ายวิ่งมาร้องเพลงฟรีที่นี่อีกด้วย
ในบาร์เดย์ลิลลี่ มีนักร้องและวงดนตรีที่ดีที่สุดในโฮ่วไห่ มีแฟนเพลงและลูกค้าที่กระตือรือร้นและเรื่องมากที่สุด ทั้งยังมีแมวมองของบริษัทแผ่นเสียงและสื่อบันเทิงไม่น้อยเข้ามาที่นี่ รวมถึงนักข่าวบันเทิงและนักวิจารณ์เพลงมากมายหลายหลาก
พวกเขามาที่นี่ ล้วนเป็นเพราะคนคนเดียว นั่นก็คือลู่เฉิน!
ทุกวันนี้ทั่วทั้งวงการเพลงป็อป ไม่มีใครไม่รู้จักประวัติของลู่เฉินตั้งแต่เริ่มเดบิวต์จนมีชื่อเสียง จุดเริ่มต้นของการเดินไปสู่จุดสูงสุดของเขาเริ่มที่บาร์แห่งนี้ ใช้เพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ เปิดเส้นทางแห่งดวงดาวอันจรัสแสงส่องประกายระยิบระยับ
และลู่เฉินกับเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยของบาร์แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น มากไปกว่านั้นคือยังมีหุ้นส่วนของบาร์เดย์ลิลลี่ ถึงแม้จะมีสัดส่วนน้อยมาก แต่ก็เป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมาก ทำให้นักร้องหลงกรุงที่อยากจะเด่นดังมากมายนับไม่ถ้วนต่างกรูกันเข้ามาที่นี่
พวกเขาบางคนอยากจะเดินตามรอยของลู่เฉิน บางคนมาเพราะเลื่อมใสนับถือลู่เฉิน บางคนหวังว่าจะได้โอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง…
ทว่าโอกาสกลับน้อยนัก
มีช่วงหนึ่งเป็นที่นิยมมากในแวดวงโฮ่วไห่ ว่ากันว่าเข้าไปเป็นนักร้องประจำของบาร์เดย์ลิลลี่ ยากกว่าสอบเข้าวิทยาลัยดนตรีปักกิ่งและวิทยาลัยดนตรีกลางเยอะ
เกาหย่งไม่เพียงแต่โชคดีที่ได้รับโอกาสนี้ แถมยังได้แสดงผลงานของตัวเองต่อหน้าลู่เฉิน หากพูดออกไปก็เป็นเรื่องที่ได้หน้าได้ตาสุดๆ ไม่แน่อาจจะได้รับความโปรดปรานจากบริษัทเอเจนซี่บันเทิงบางแห่งเพราะเหตุนี้ก็เป็นได้
ทว่าดูเหมือนเขาจะทำพลาดเสียแล้ว
“นายอย่าคิดมากเกินไป…”
เฉินเจี้ยนหาวยิ้มพลางตบไหล่พูดกับเกาหย่ง “นายตื่นเต้นเกินไป แต่ลู่เฉินประเมินนายไว้ว่าพอใช้ได้ แต่นายอย่าคาดหวังมากเกินไปนัก ตอนนี้สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดของนายคือการสั่งสมและตกตะกอนประสบการณ์”
เฉินเจี้ยนหาวชอบเกาหย่งมาก เขามองเห็นเงารางๆ ของลู่เฉินในตอนนั้นจากตัวของคนหลัง เป็นคนหนุ่มมีความสามารถเหมือนกัน และไม่เคยแปดเปื้อนสิ่งเสื่อมเสียเหล่านั้นในวงการแห่งนี้
แต่เกาหย่งในตอนนี้ยังเด็กเกินไป
เกาหย่งรู้สึกเลือนรางเคว้งคว้าง คำพูดของเฉินเจี้ยนหาวถึงแม้จะทำให้เขาดีใจ แต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
พี่น่าพูดอย่างนุ่มนวลว่า “เสี่ยวเกา ความหมายของเจี้ยนหาวคือไม่อยากให้นายรีบร้อน ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดโอกาส พยายามใช้ใจฝึกฝนเรียนรู้ ตั้งใจทำผลงานของตัวเองอย่างจริงจัง เพราะทองคำมักจะเปล่งประกายเสมอ”
เกาหย่งเข้าใจในที่สุด พยักหน้าอย่างแรง “ผมจะพยายามครับ!”
เขาไม่สับสนเลือนรางอีกแล้ว ฟื้นฟูความกล้าและความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง
พี่น่ากับเฉินเจี้ยนหาวมองเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา ต่างสบตายิ้มให้กัน คนหลังหยิบบัตรคอนเสิร์ตยื่นให้เขา “นี่ลู่เฉินมอบให้นาย สู้ๆ นะ!”
เกาหย่งรับบัตรคอนเสิร์ตมา หัวใจดวงนี้แทบจะโบยบินแล้ว
เขาอยากซื้อบัตรคอนเสิร์ตของลู่เฉินนานแล้ว ถึงขนาดประหยัดค่ากินค่าใช้เก็บเงินก้อนหนึ่ง แต่ก็ยังกังวลว่าจะหาซื้อบัตรไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะให้บัตรกับตัวเองหนึ่งใบ และยังเป็นบัตรฟรีวีไอพีราคา 2,888 หยวนอีกด้วย
บัตรฟรีวีไอพีที่ไม่ระบุชื่อ มีเลเซอร์ป้องกันการลอกเลียนแบบ แต่ไม่มีการยืนยันตัวตน ถึงแม้จะไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุด แต่สามารถมอบโอนให้คนอื่นได้เช่นกัน
เกาหย่งรู้ดีว่านี่คือบัตรที่ล้ำค่ามากที่สุด ถ้าหากเขาอยากจะขาย เกรงว่าคงขายได้สองสามเท่าของราคาบัตรเทียบเท่ากับเงินที่เขาหามาด้วยความยากลำบากหนึ่งถึงสองเดือน
แต่เกาหย่งไม่มีความคิดเช่นนั้นอย่างสิ้นเชิง เขากำบัตรใบนี้แน่น ราวกับว่ากุมอนาคตของตนเองไว้
…….
วันที่ 18 มกราคม เวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง บัตรคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก ‘รักตราบนิรันดร์’ ของลู่เฉินที่จะจัดขึ้นที่สนามกีฬาโอลิมปิกกรุงปักกิ่งได้วางจำหน่ายพร้อมกันที่เว็บไซต์ทางการของเฉินเฟยมีเดียและเฟยซวิ่นมิวสิค วางจำหน่ายทั้งหมดเจ็ดหมื่นห้าพันใบ
สนามกีฬาโอลิมปิกเป็นหนึ่งในสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง มักจะถูกใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมการแสดงขนาดใหญ่เป็นประจำ การจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวภายในสนามกีฬาทรงกลมแห่งนี้ เป็นความฝันของนักร้องมากมายนับไม่ถ้วน
ทว่าสนามกีฬาโอลิมปิกไม่ได้ขออนุญาตใช้สถานที่กันง่ายๆ ในแต่ละปีมีนักร้องจำนวนไม่น้อยทำเรื่องยื่นเสนอเข้ามา แต่คนที่ผ่านจริงๆ นั้นกลับน้อยนิด เฉินเฟยมีเดียได้ยื่นเรื่องให้ลู่เฉินเมื่อสองสามเดือนก่อน และสุดท้ายก็ผ่าน
สนามกีฬาโอลิมปิกสามารถจุผู้ชมได้เกินหนึ่งแสนคน แต่หากจัดเป็นงานคอนเสิร์ต จำนวนผู้ชมจะลดลงประมาณหนึ่งหมื่นถึงสองหมื่นคน บัตรคอนเสิร์ตเดี่ยวของลู่เฉินจึงมีจำนวนทั้งหมดประมาณแปดหมื่นสามพันใบ
บัตรเหล่านี้แน่นอนว่าไม่สามารถปล่อยขายหมดในครั้งเดียว เพราะมีบัตรแจกฟรีอยู่ไม่น้อย และมีบางส่วนใช้สำหรับจับรางวัลเพื่อแฟนคลับ และยังมีอีกส่วนเล็กๆ ที่เอาไว้ใช้ตามสถานการณ์
ผลปรากฏว่าบัตรเจ็ดหมื่นห้าพันใบที่วางจำหน่ายในทั้งสองเว็บไซต์ตอนหนึ่งทุ่มครึ่ง ถูกแย่งกันซื้อหมดเกลี้ยงภายในเวลาสั้นๆ เพียงสิบวินาที เฟยซวิ่นมิวสิคที่เป็นหนึ่งในนั้นได้ประกาศว่าขายหมดแล้วภายในเวลาห้าวินาทีเท่านั้น
นี่ทำให้คนรู้สึกตกใจมาก ควรทราบว่าบัตรทั้งหมดเจ็ดหมื่นห้าพันใบนี้ บัตรที่ราคาถูกที่สุดคือที่นั่งธรรมดา 388 หยวน และมีบัตรซูเปอร์วีไอพีราคา 18,888 หยวน แต่ไม่ว่าจะเป็นบัตรประเภทไหน ก็ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาอันสั้น
เกิดเหตุการณ์เช่นนี้จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะกฎของการขายบัตรกับเวลาได้ประกาศออกไปเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน แฟนคลับจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนได้ลงทะเบียนล่วงหน้าและสมัครด้วยบัตรประจำตัวประชาชนเรียบร้อย ก็เพื่อแย่งซื้อบัตรในคืนนี้
แฟนคลับจำนวนมากไม่ใช่คนที่อยู่ในเมืองหลวงหรือบริเวณโดยรอบอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังแย่งซื้อบัตรในอินเทอร์เน็ต ถ้าหากเฉินเฟยมีเดียไม่ได้ปรับปรุงขยายเว็บไซต์ คาดว่าเซิร์ฟเวอร์คงจะค้างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ แฟนคลับจำนวนมากที่แย่งบัตรไม่ทัน จึงไปบ่นที่บล็อกกันยกใหญ่
“หนึ่งวินาทีก็หมดแล้ว เซ็งอะ!”
“ฉันกดชำระเงินก็ค้างแล้ว พอกดรีเฟรชก็หมดแล้ว กระอักเลือด!”
“ใครก็ได้ช่วยโอนมาให้ฉันหนึ่งใบ ฉันยินดีจ่ายเงินสองเท่า!”
“ผูกกับบัตรประชาชน ถ้าไม่ตรงก็เข้าไม่ได้”
“เร็วมากจริงๆ คนที่แย่งบัตรได้ขี้โกงหรือเปล่า”
“ฉันก็แย่งไม่ได้…”
ในช่องแสดงความคิดเห็นของบล็อกเฉินเฟยมีเดียและลู่เฉิน มีแต่เสียงโอดครวญไม่พอใจเต็มไปหมด
…………………………………………………………………………