Perfect Superstar - ตอนที่ 898 ฉลองปีใหม่
ตอนที่ 898 ฉลองปีใหม่
เสียงประทัดดังก้องผ่านไปอีกหนึ่งปี เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว
คืนส่งท้ายปีเก่าของปีนี้สำหรับตระกูลลู่แล้ว เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ และลู่ซีออกจากเมืองหลวงรีบกลับบ้านมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน และในท้องของเฉินเฟยเอ๋อร์ยังมีลูกน้อย เป็นความปีตีชื่นใจที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างแท้จริง
มื้อส่งท้ายปีเก่าไม่ได้ไปกินข้าวนอกบ้าน ฟางอวิ๋นเข้าครัวทำอาหารเต็มโต๊ะ เฉินเฟยเอ๋อร์กับลู่ซีเป็นลูกมือ ลู่เฉินกับลู่เสวี่ยแน่นอนว่ารับหน้าที่กินดื่มก็พอ มีความสุขทั้งครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุด
ก่อนจะหยิบตะเกียบ ลู่ซีรินไวน์หนึ่งแก้ว แล้วยกขึ้นมาเอ่ยว่า “มา พวกเรามาชนแก้วกันก่อน ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุขปลอดภัย”
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สบตายิ้มให้กัน แล้วจึงยกแก้วขึ้นมา แต่เฉินเฟยเอ๋อร์เนื่องจากท้องจึงดื่มน้ำผลไม้
ทุกคนชนแก้วพร้อมกัน จากนั้นเริ่มรับประทานอาหาร
คีบอาหารกินได้สองสามคำ เฉินเฟยเอ๋อร์ยกแก้วขึ้นมาอีกครั้ง แต่เธอขอชนแก้วกับฟางอวิ๋น “คุณป้าคะ คุณป้าลำบากแล้ว ฉันขอดื่มให้คุณป้าหนึ่งแก้ว ขออวยพรให้คุณป้ามีความสุขสุขภาพแข็งแรงค่ะ”
ลู่เสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่กลัวว่าโลกจะวุ่นวายเอ่ยว่า “ยังจะเรียกป้าอีกเหรอ น่าจะเปลี่ยนได้แล้วมั้งคะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดง แต่ก็เอ่ยพูดอย่างเป็นกันเอง “ใช่ คุณแม่คะ ฉันขอดื่มให้คุณแม่ค่ะ”
คำเรียกว่า ‘แม่’ ทำให้ฟางอวิ๋นน้ำตาร่วง ท่านเช็ดน้ำตาที่มุมตา ยิ้มเล็กน้อยชนแก้วกับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วกล่าวว่า “เธอก็ลำบากแล้ว ลู่เฉินเขามีข้อบกพร่องเยอะ พวกเธอหลังจากแต่งงานกันแล้ว เธอต้องเหนื่อยใจดูแลเขาหน่อยนะ”
ลู่เฉินยิ้มเจื่อน…คุณแม่พูดเหมือนเขายังไม่โต
หรือบางทีในสายตาของแม่ ลูกสาวและลูกชายของตัวเองยังคงเป็นเด็กตลอดไป เป็นลูกที่ต้องได้รับการดูแล!
เฉินเฟยเอ๋อร์พยักหน้า เหลือบตามองไปที่ลู่เฉินหนึ่งที ราวกับว่าได้ถือกระบี่อาญาสิทธิ์ก็ไม่ปาน
ฟางอวิ๋นพูดกับลู่ซีต่อ “ตอนนี้น้องชายของลูกก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว เรื่องแต่งงานของลูกก็ควรจะคิดได้แล้ว จะอยู่เป็นโสดตลอดไปคงไม่ได้หรอก”
หลังจากลู่เฉินเข้าวงการลงหลักปักฐานที่เมืองหลวง เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเอง เขาได้เรียกลู่ซีที่อยู่ปินไห่ไปอยู่ด้วยกัน จนถึงตอนนี้ได้กลายเป็นผู้คุมหางเสือใหญ่ของเฉินเฟยมีเดียไปแล้ว
สองสามปีที่ผ่านมา ถ้าหากไม่มีความทุ่มเทพยายามของพี่สาว การเติบโตของลู่เฉินคงไม่ราบรื่นเช่นนี้ ลู่ซีไม่เพียงแต่คอยดูแลงานหลักของเขา แม้แต่งานของเว็บไซต์ระดมทุน บริษัทแฮปปี้เอนเตอร์เทนเมนต์ และอื่นๆ เธอก็ต้องรับผิดชอบดูแล ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของลู่เฉินอย่างเต็มที่
และลู่ซีก็ได้จ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนไปไม่น้อย จนป่านนี้โดยทั่วไปแล้วเธอทำงานมากกว่าสิบชั่วโมง และยุ่งมากจนไม่ได้กินข้าว ปกติก็ไม่ค่อยมีเวลาพักมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดการแก้ปัญหาเรื่องสำคัญในชีวิต
อันที่จริงสองสามปีที่ผ่านมา ใช่ว่าจะไม่มีคนตามจีบลู่ซี ถึงแม้ลู่ซีจะไม่ได้สวยมาก แต่หน้าตาก็ถือว่าสวยอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน หน้าที่การงานก็เจริญรุ่งเรือง
แต่ลู่ซีไม่เคยสนใจคนที่มาตามจีบเลยสักนิด คนอื่นเอาดอกไม้มาให้ เธอไม่แม้แต่จะชายตามองแล้วสั่งให้ผู้ช่วยเอาไปทิ้งถังขยะ
จากคำพูดของพี่สาว คนที่ตามจีบเหล่านี้เกือบเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์มีเจตนาที่ไม่ดีแอบแฝง และเธอก็ไม่มีเวลาและกำลังที่จะคัดกรองคนที่เหลือ ดังนั้นจึงไม่สนใจเลยสักคน
แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบนี้ต่อไป พี่สาวอายุเกินสามสิบปีก็คงจะโสดเหมือนเดิม
ฟางอวิ๋นถือว่าเป็นแม่ที่มีจิตใจเปิดกว้าง เรื่องการแต่งงาน ท่านไม่เคยบังคับลูกชายลูกสาวของตัวเองเลย ไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือว่าลู่ซี ก็ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเอง
แต่ในฐานะแม่ เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะมองข้ามปัญหาส่วนตัวนี้ของลู่ซี ดังนั้นจึงอาศัยจังหวะที่ทุกคนกินข้าวพร้อมกันพูดออกมา เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้ลู่ซีพอสมควร
ด้วยเหตุนี้ลู่ซีจึงเบ้ปากเอ่ยว่า “ยังไม่เจอคนที่เหมาะสม รอให้เจอคนที่ใช่ก่อนแล้วค่อยแต่ง ถึงยังไงตอนนี้เฟยเอ๋อร์ก็มีลูกแล้ว แม่ก็เตรียมตัวเป็นคุณย่าให้สบายใจเถอะค่ะ!”
ฟางอวิ๋นขึงตาใส่ลูกสาวตัวเองหนึ่งทีอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเอ่ยว่า “ช่างเถอะ ถึงยังไงลูกรู้อยู่แก่ใจตัวเองก็พอ อ้อใช่หลังจากปีใหม่แม่จะลาออก แล้วไปดูแลเฟยเอ๋อร์ที่เมืองหลวง”
“หา”
ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะลู่เฉินกับลู่ซีที่ตกใจยิ่งกว่า
เมื่อก่อนทั้งสองคนอยากให้แม่มาใช้ชีวิตที่เมืองหลวงตลอด แบบนี้ทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้ากันง่ายหน่อย รอให้ลู่เสวี่ยเรียนจบแล้วไปทำงานที่เฉินเฟยมีเดีย เช่นนั้นทุกคนในครอบครัวก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างสมบูรณ์
ทว่าฟางอวิ๋นไม่ยอมตกลงมาตลอด ท่านคุ้นชินกับชีวิตที่ปินไห่ และไม่อยากรบกวนชีวิตส่วนตัวของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้คุณแม่จะเป็นฝ่ายเสนอตัวย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงเสียเอง
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “อย่างนั้นดีมากเลยครับ!”
ฟางอวิ๋นกล่าวว่า “แม่ไปเพื่อดูแลเฟยเอ๋อร์ ถึงแม้พวกเธอจะไม่ขาดเงินจ้างแม่บ้าน แต่จ้างแม่บ้านจะวางใจเท่าคนในครอบครัวได้ยังไง อีกอย่างเฟยเอ๋อร์ท้องโตแล้ว จำเป็นต้องมีคนคอยอยู่เป็นเพื่อน”
เฉินเฟยเอ๋อร์ซาบซึ้ง “ขอบคุณค่ะคุณแม่”
ฟางอวิ๋นทำเป็นพูดดุ “คนในครอบครัวจะต้องขอบคุณอะไรกัน…”
ลู่เสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่านแลบลิ้นเอ่ยว่า “ถ้าทุกคนไปเมืองหลวงกันหมดแล้ว หนูอยู่ที่นี่คนเดียวไม่เหงาแย่เหรอ ถ้าหนูคิดถึงแม่จะทำยังไง”
ลู่ซีเอ่ยว่า “ง่ายมาก ฉันรู้จักคนที่เมืองหลวงไม่น้อย ให้เขาโอนทะเบียนนักศึกษาของเธอมาที่เมืองหลวง ก็สามารถเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองหลวงได้แล้ว”
ลู่เสวี่ยเผยนิสัยที่แท้จริงออกมาทันที “โอ๊ยแบบนั้นช่างมันเถอะค่ะ หนูอยู่ที่นี่ดีกว่า อย่างมากก็แค่ไปเมืองหลวงตอนปิดเทอมฤดูหนาวกับฤดูร้อนก็พอ”
เธอไม่อยากจากเพื่อนสนิทในมหาวิทยาลัย แล้วไปทำความคุ้นเคยที่เมืองหลวงอีกครั้ง
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา
วันส่งท้ายปีผ่านไป ถือว่าสิ้นสุดปีเก่าอย่างแท้จริง เวลาใกล้เที่ยงคืน ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ต่างโพสต์ข้อความใหม่ลงบล็อกของตัวเอง อวยพรแฟนคลับทุกคนให้มีความสุขในวันปีใหม่ ได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว
แน่นอนว่าทั้งสองคนก็ได้รับคำอวยพรมากมายนับไม่ถ้วนเช่นกัน
วันถัดมาวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจีน ทุกคนไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านญาติ แต่ทั้งครอบครัวนั่งเครื่องบินไปที่เมืองเติงเฟิง
ไปเติงเฟิงแน่นอนว่าต้องไปวัดเส้าหลินที่เทือกเขาซงซาน นี่คือการเสนอไอเดียของฟางอวิ๋น ประเด็นคือมาขอพรให้มีความสุขและปลอดภัย เดิมทีหากเป็นเมื่อก่อนก็จะไปวัดในท้องถิ่น แต่ลู่เสวี่ยสนใจวัดเส้าหลินมาก ถึงได้ตกลงตัดสินใจมาที่นี่
วัดเส้าหลินในปัจจุบันมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ อาศัยความสำเร็จของภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และเงินลงทุนของเฉินเฟยมีเดีย วัดที่มีประวัติยาวนานนับพันปีได้กลับมามีชีวิตชีวา ฟื้นคืนความโอ่อ่ากลับมาสู่วัดใหญ่นิกายเซนแห่งนี้อีกครั้ง
สำหรับการมาเยือนของนายทุนใหญ่ ทางวัดเส้าหลินให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เจ้าอาวาสไม่เพียงแต่มาต้อนรับด้วยตนเองเท่านั้น แต่เดินชมวัดเป็นเพื่อนลู่เฉินและครอบครัวอีกด้วย พร้อมกับพาไปดูลานฝึกวิชาเส้าหลินที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้
ลู่เฉินและครอบครัวอยู่ที่เติงเฟิงสองวัน และกลับเมืองหลวงในวันที่ 4 เดือน 1 ตามปฏิทินจีน
ระยะห่างจากคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของลู่เฉิน ณ สนามกีฬาโอลิมปิกในเมืองหลวง เหลือเวลาอีกห้าหกวันเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาว่างมากนัก ตั้งใจทำการฝึกซ้อมจริงครั้งสุดท้ายของคอนเสิร์ตอย่างเต็มที่
เนื่องจากมีความหมายมากเป็นพิเศษ ฟางอวิ๋นกับลู่เสวี่ยจึงมาดูคอนเสิร์ตด้วยกัน ลู่เฉินได้จองบัตรที่นั่งที่ดีที่สุดให้พวกเธอแล้ว
…………………………………………………………………………