Perfect Superstar - ตอนที่ 903 รักตราบนิรันดร์ (3)
ตอนที่ 903 รักตราบนิรันดร์ (3)
“พรุ่งนี้เธอจะนึกออกไหม เรื่องที่เธอเขียนไว้ในไดอารี่…”
“พรุ่งนี้เธอจะจำได้ไหม ว่าคนไหนที่ชอบร้องไห้ที่สุด”
“พวกอาจารย์คงลืมไปแล้ว…”
เสียงเพลงที่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งดังขึ้นมา แฟนคลับจำนวนมากมายแสดงสีหน้าประทับใจออกมา โดยเฉพาะผู้ชมที่ชื่นชองเพลงบัลลาดเหล่านั้น ได้ฮัมเพลงไปด้วยโดยไม่รู้ตัว บทเพลงนี้สามารถเป็นผลงานตัวแทนแห่งยุคสมัยของวงการเพลงได้เลยทีเดียว
“ใครหนอได้แต่งกับเธอผู้อ่อนไหวขี้น้อยใจ ใครกันที่ได้อ่านไดอารี่ของเธอ ใครกันช่วยมัดผมให้เธอ…”
‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ลู่เฉิน เป็นตัวแทนของเพลงบัลลาดร่วมสมัย บทเพลงนี้ลู่เฉินร้องในบาร์เดย์ลิลลี่เป็นครั้งแรก จากนั้นก็ปรากฏอยู่บนแพลตฟอร์มถ่ายทอดสดออนไลน์
แฟนเพลงจำนวนมาก รู้จักเพลงนี้ผ่านลู่เฉิน และเพลงนี้ก็ทำให้พวกเขารู้จักลู่เฉิน และชอบลู่เฉิน
ในใจของพวกเขาและพวกเธอ ลู่เฉินเป็นนักร้องหนุ่มที่สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์กอดกีตาร์ไม้โรสวูดร้องเพลงคนนั้นตลอดไป อบอุ่น หล่อเหลา และสดใสเหมือนเด็กหนุ่มข้างบ้าน
เฉกเช่นเดียวกับลู่เฉินที่นั่งอยู่บนเวทีในตอนนี้
เวลาผ่านไปไวราวกับดีดนิ้ว ราวกับว่าทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ความทรงจำที่สวยงามเหล่านั้นค่อยๆ ลอยขึ้นมาในหัวใจทีละนิด ทำให้คนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
“เมื่อก่อนเธอระวังมาก ที่จะยืมยางลบครึ่งก้อนจากฉัน เธอเคยพูดขึ้นมาลอยๆ ว่าชอบอยู่กับฉัน…”
มีคนน้ำตาไหลไปแล้ว เพื่อความวัยเยาว์ที่ผ่านไป เพื่อความรักครั้งแรกที่เคยสูญเสีย
เสียงเพลงของลู่เฉินผ่อนลง แต่เสียงร้องเพลงประสานเสียงของคนทั้งงานราวกับน้ำขึ้นที่ทะลักขึ้นมา ลอยเป็นลูกคลื่นสูงทีละลูก
นี่คือการเริ่มต้นที่กินใจที่สุด
“ลาๆๆ…”
ตอนที่ลู่เฉินฮัมเพลงจนจบประโยคสุดท้าย เสียงเพลงที่สะท้อนไปมาในสนามกีฬาโอลิมปิกกลายเป็นเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือ ทุกคนพยายามปรบมืออย่างเต็มที่ เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่ในใจ
ลู่เฉินวางกีตาร์ลง กีตาร์ตัวนี้ลู่เสวี่ยมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดอายุสิบแปดปีของเขา ตามติดชีวิตวัยเรียนในมหาวิทยาลัยของเขา ตามติดเขาตอนที่มาอยู่เมืองหลวง และตามติดมาถึงตอนที่เขามีชื่อเสียง
ในสายตาของพวกแฟนคลับ กีตาร์ตัวนี้ไม่อาจแยกห่างจากลู่เฉินได้เลย
“ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินถอดไมค์ออกลุกขึ้นยืน ยืนพูดต่อหน้าผู้ชมมากมายนับหมื่นคน “ขอบคุณพวกคุณที่ร้องเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ไปพร้อมกับผม เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไปแล้วสี่ปี พวกเราต่างเติบโตกันแล้ว”
“ไม่ว่าจะมีความเสียใจมากแค่ไหน และไม่ว่าจะมีความจนใจมากเพียงใด โปรดจำไว้ ผมจะคอยอยู่เคียงข้างพวกคุณตลอดไปครับ!”
“เพลงต่อไปคือ ‘ปีที่ล่วงเลยผ่าน’ ครับ”
เสียงปรบมือเงียบลงอย่างรวดเร็ว เพราะทุกคนไม่อยากพลาดเสียงร้องเพลงของลู่เฉินแม้แต่วินาทีเดียว
ยังเป็นการแสดงเดี่ยวเล่นกีตาร์ร้องเพลงของเขาเหมือนเดิม ยังคงเป็นเพลงบัลลาดรำลึกความหลังที่ซาบซึ้งกินใจ แต่สำหรับแฟนเพลงของลู่เฉิน นี่คือเสียงแห่งจิตวิญญาณที่พวกเขาไม่เคยเบื่อตลอดไป
“ดอกไม้ปลิวตามสายลม งอกงามในความทรงจำ สีเขียวสีแดงกาลเวลาในวัยเยาว์ของเราเหล่านั้น!”
“ความทะเยอทะยานไม่มีที่สิ้นสุด เพียงพริบตากลับแยกทางกันไป เดินเดียวดายบนถนน เห็นเพียงแสงอาทิตย์อัสดงแต่เก่าก่อน”
“เวลาไหลเหมือนกระแสน้ำ กระตุ้นให้เราเติบโต หัวใจวัยเยาว์กลับมีผมหงอกขาว…”
ราวกับว่าที่นี่ไม่ใช่สนามกีฬาที่ผู้คนมากมายมารวมตัวกัน ราวกับว่าไม่ได้นั่งอยู่บนเวทีขนาดใหญ่ ราวกับว่าไม่มีแสงไฟและกล้องมากมายอยู่โดยรอบ…
ราวกับว่าลู่เฉินกำลังร้องเพลงอยู่ในบาร์เดย์ลิลลี่ นั่งอยู่ตรงหน้าไมค์และกล้องถ่ายทอดสด เขาเพ่งความสนใจไปที่การดีดกีตาร์ ร้องเพลงของตัวเองที่ไพเราะ เล่าเรื่องราวของตัวเอง
เรื่องราวในอดีตเหล่านั้น ความเยาว์วัยที่ผ่านเลยไป…
หลายคนฟังเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ มีเพียงความซาบซึ้ง แต่เมื่อฟังเพลง ‘ปีที่ล่วงเลยผ่าน’ ซึ่งดังสู้เพลงฮิตติดปากไม่ได้นั้น กลับมีน้ำตาร่วงลงมาโดยไม่รู้ตัว
เพราะว่าเพลงที่ลู่เฉินกำลังร้องอยู่ ก็เป็นเรื่องราวของพวกเขาเช่นกัน!
ผู้ชมที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งแถวหน้า เฉินเจี้ยนหาวกับพี่น่าสองคนจับมือกัน พร้อมกับในใจที่รู้สึกปลงอนิจจัง
เคยผ่านโลกมามากมาย เฉินเจี้ยนหาวกับพี่น่าไม่ใช่หนุ่มสาวอีกต่อไป เผชิญกับลมฝนมามากมายนับไม่ถ้วนดังนั้นจึงไม่รู้สึกซาบซึ้งอะไรง่ายๆ แต่เมื่อเห็นลู่เฉินที่ดีดกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีตอนนี้ ทั้งสองคนกลับนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลู่เฉินที่เพิ่งมาทำงานที่บาร์เดย์ลิลลี่ในตอนแรก ไม่เคยแสดงความสามารถด้านดนตรีเลยสักครั้ง เฉินเจี้ยนหาวยินดีรับเขาไว้ หลักๆ แล้วเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาภายนอกของเขาที่ค่อนข้างโดดเด่น สามารถดึงดูดลูกค้าได้ส่วนหนึ่ง
เหตุผลนี้ถ้าหากพูดออกมาตอนนี้ คงมีแต่คนหัวเราะจนฟันร่วงแน่นอน แต่เฉินเจี้ยนหาวในตอนนั้นมีหรือจะคาดคิดว่า เวลาสั้นๆ เพียงสองสามปี ลู่เฉินจะสามารถยืนอยู่บนตำแหน่งที่ทำให้คนต้องแหงนมองได้เช่นนี้
เฉินเจี้ยนหาวในตอนนี้รู้สึกโชคดีเป็นที่สุด มิตรภาพของเขากับลู่เฉิน ทำให้เขาได้อะไรมากมาย
อย่างเช่นคนที่นั่งข้างๆ เขา ภรรยาที่เขาอยากจะรักและปกป้องไปตลอดชีวิต
ส่วนพี่น่าในเวลานี้ มีแต่ความภาคภูมิใจเอ่อล้นเต็มหัวใจ เธอภูมิใจในตัวลู่เฉิน และรู้สึกเป็นเกียรติเพราะลู่เฉิน
เธอจะไม่บอกใครว่า เธอเคยตบไหล่ของลู่เฉินชมว่าเขาร้องเพลงดี เคยช่วยเขาต่อต้านความอิจฉาของนักร้องที่อยู่ในบาร์ เคยแอบยัดเงินสองสามร้อยหยวนใส่กระเป๋าเสื้อผ้าของลู่เฉิน
ยิ่งไปกว่านั้นเธอจะไม่บอกใครว่า ที่ผ่านมาเธอมองลู่เฉินเป็นเหมือนน้องชายของตัวเอง มีความสนิทสนมใกล้ชิดกันมากแบบนั้น
และวันนี้น้องชายคนนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยเยาว์คนนั้นอีกแล้ว สามารถบินทะยานขึ้นสูงสู่ท้องฟ้า แต่ในใจของพี่น่า ลู่เฉินคือนักร้องหนุ่มที่ตื่นเต้นตัวสั่นตอนขึ้นเวทีร้องเพลงครั้งแรกคนนั้นตลอดไป
เธออวยพรให้ลู่เฉิน อวยพรจากใจจริง
“คนเดิมตอนนั้น ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน กำลังมองหาบ้านในฝันอยู่หรือเปล่า…”
กล้องหลักที่ตั้งอยู่ด้านขวาบนของเวที เลนส์กล้องดิจิทัลความละเอียดสูงตัวหนึ่งโฟกัสที่ลู่เฉินตลอดเวลา ภาพที่มันถ่ายได้ทั้งหมดไม่เหมือนกับกล้องตัวอื่น ถูกส่งต่อไปยังหน้าจอใหญ่อย่างต่อเนื่อง
สัญญาณของกล้องตัวนี้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เชื่อมต่อไปยังห้องถ่ายทอดสดพิเศษของ ‘จิงอวี๋ทีวี’
เฉพาะคนที่มีบัญชีพิเศษเท่านั้นถึงจะล็อกอินเข้ามาดูห้องถ่ายทอดสดนี้ได้ จำนวนผู้ชมไม่เยอะมาก อยู่ที่ประมาณหนึ่งหมื่นคน และพิเศษตรงที่ไม่มีฟังก์ชันมอบรางวัล ไม่สามารถส่งไอเทมใดๆ ได้ทั้งสิ้น
นี่คือจุดถ่ายทอดสดออนไลน์เพียงหนึ่งเดียวที่ถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของลู่เฉิน ณ สนามกีฬาโอลิมปิก มอบให้กับบรรดาแฟนคลับตัวยงของลู่เฉินที่ไม่สามารถซื้อบัตรได้โดยเฉพาะ เพื่อให้พวกเขาเป็นกำลังใจให้ลู่เฉินเป็นคนแรก
พวกแฟนคลับเหล่านี้ บางคนสามารถย้อนไปถึงตอนที่ลู่เฉินเคยถ่ายทอดสดอยู่ใน ‘ลานแสงดาว’ เรียกได้ว่าเป็นแฟนคลับตัวยงที่มีความซื่อสัตย์และมีความอาวุโสมากที่สุด
และเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ กับเพลง ‘ปีที่ล่วงเลยผ่าน’ ที่ลู่เฉินนำมาร้องให้พวกเขาฟัง ก็เป็นทั้งความทรงจำที่สวยงาม และเป็นทั้งความคิดถึงที่เจ็บปวด
ภายในห้องถ่ายทอดสดเงียบสงบ ไม่มีซับกระสุนวิ่งเต็มจอ ไม่มีไอเทมของรางวัลร่วงหล่นลงมา แทนที่จะพูดว่าทุกคนนั่งฟังอย่างเงียบๆ ควรจะพูดว่ากำลังสัมผัสความซาบซึ้งที่บริสุทธิ์และลึกซึ้ง ซึ่งบทเพลงนำมาให้พวกเขาจะดีกว่า!
ทั้งหมดทั้งมวลเหมือนเมื่อวาน อยากให้เวลาหยุดอยู่ในช่วงเวลานี้ตลอดไป