Perfect Superstar - ตอนที่ 906 รักตราบนิรันดร์ (6)
ตอนที่ 906 รักตราบนิรันดร์ (6)
ลู่เฉิน ถานหง หลิวกั่งเซิง และเลี่ยวเจี่ย บุคคลดังแห่งวงการเพลงทั้งสี่คนยืนอยู่บนเวทีเดียวกัน มีเพียงความสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นให้กับผู้ชมทั้งหมดแปดหมื่นสามพันคนมากจริงๆ
แสงดาวไม่เคยระยิบระยับขนาดนี้มาก่อน!
อายุของลู่เฉินกับพี่ใหญ่ทั้งสามคนห่างกันอย่างน้อยยี่สิบปี ทั้งสามคนล้วนเป็นรุ่นพี่ของเขา ถานหง หลิวกั่งเซิง และเลี่ยวเจี่ยต่างเป็นต้นไม้ใหญ่ในขอบเขตที่ต่างกันของวงการเพลง แต่ลู่เฉินยืนอยู่กับพวกเขา กลับไม่ด้อยกว่าเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนผู้สืบทอดมากกว่า
พวกเขายังไม่เริ่มร้องเพลง แต่บรรยากาศของคอนเสิร์ตกลับทะยานขึ้นสูงสุด คึกคักบ้าระห่ำเป็นอย่างมาก!
“ลู่เฉิน!” “ถานหง!” “หลิวกั่งเซิง!” “เลี่ยวเจี่ย!”
ผู้ชมนับหมื่นคนร้องตะโกนชื่อของทั้งสี่คน มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง
พวกเขารู้สึกโชคดีมากแค่ไหน!
หลิวกั่งเซิงยิ้มเอ่ยว่า “ขอบคุณทุกคนครับ พวกคุณให้การต้อนรับที่อบอุ่นมาก ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่แก่เลย”
ถานหงหัวเราะฮ่าๆๆ “คุณอายุสิบแปดปีตลอดไป!”
นี่คือมุกตลกอย่างหนึ่ง หลิวกั่งเซิงเคยร่วมรายการแข่งขันร้องเพลงของสถานีโทรทัศน์ฮ่องกงตอนอายุสิบแปดปี และเขาก็ได้เข้าสู่วงการเพลงนับตั้งแต่บัดนั้น
สิบกว่าปีผ่านไป มีนักข่าวถามเขาว่าเคยคิดไหมว่าจะออกจากวงการเพลงเมื่อไร เขาจึงตอบติดตลกว่า ‘ขอเพียงมีแฟนเพลงยินดีฟังเพลงของผม อย่างนั้นผมก็จะอายุสิบแปดปีตลอดไปครับ’
หลิวกั่งเซิงได้แสดงความชื่นชอบและความคลั่งไคล้ในดนตรีของเขาออกมาอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้ว แต่หัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหลงใหลยังคงเหมือนตอนอายุสิบแปดปี ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
คนที่รู้จักหลิวกั่งเซิงเป็นอย่างดีต่างรู้มุกตลกนี้ จึงหัวเราะขึ้นมาทันที
หลิวกั่งเซิงพูดว่า “แล้วทำไมคุณไม่เลียนแบบผม ออกจากวงการเร็วขนาดนี้ ทำให้ทุกคนผิดหวังมาก!”
ทั้งสองคนรู้จักกันมานานหลายปี ถึงแม้คนหนึ่งจะอยู่ฮ่องกง อีกคนหนึ่งอยู่ประเทศจีน ทว่ามิตรภาพระหว่างทั้งสองคนกลับมีความลึกซึ้ง
ถานหงส่ายหน้าตอบว่า “ผมแก่แล้วจริงๆ ร้องเพลงไม่ไหวแล้ว ไม่เหมือนคุณที่ยังมีกำลังอยู่”
“นี่ๆๆ…”
เสี่ยวเจี่ยที่อยู่ข้างๆ ไม่พอใจ “พวกคุณสองคนมาร่วมงาน หรือว่าจะมาคุยกัน ยังจะร้องเพลงอีกไหม”
หลิวกั่งเซิงกับถานหงสบตายิ้มให้กัน คนแรกบอกจะร้องก็ร้อง คนหลังจึงพยักหน้า
ไม่เสียแรงที่ทั้งสองคนเป็นบุคคลระดับพี่ใหญ่ของจริง แค่พูดกันสองสามประโยค ก็สามารถควบคุมบรรยากาศของงานได้อย่างสบาย ความสามารถในการควบคุมหน้างานถือว่าเยี่ยมจริงๆ
แต่ลู่เฉินไม่รู้สึกเหมือนถูกแขกแย่งซีนเจ้าภาพอย่างเด็ดขาด ยินดีที่จะปล่อยให้พวกพี่ใหญ่โชว์ความสามารถกันอย่างเต็มที่
เลี่ยวเจี่ยพอใจแล้ว “แบบนี้ถึงจะถูก นานๆ ทุกคนจะมารวมตัวกันสักครั้ง งั้นก็เล่นให้สนุกกันสักตั้ง!”
เขาเดินก้าวฉับๆ ไปทางวงนิพพาน ขอเบสมาจากมือเบสโอวหยางเฮ่อ
หลิวกั่งเซิงรับตำแหน่งมือกลอง ส่วนถานหงเป็นมือคีย์บอร์ด บวกกับมือกีตาร์อย่างลู่เฉิน กลายเป็นวงดนตรีระดับราชาขึ้นมาชั่วคราว!
ลู่เฉินมองพี่ใหญ่สามคนนี้ หลังจากรอให้พวกเขาเตรียมพร้อมแล้ว จึงพูดกับไมค์ว่า “เพลงใหม่นี้ เป็นการร้องเพลงร่วมกันโดยผมกับพี่ใหญ่ทั้งสามคน ‘วีรบุรุษแท้จริง’[1] หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ!”
การปรากฏตัวของบทเพลง ‘วีรบุรุษแท้จริง’ เหนือความคาดหมายของจริง
คอนเสิร์ตแรกของลู่เฉินในคืนนี้ ตอนที่อยู่ในช่วงเตรียมงาน ลู่เฉินกำลังพิจารณาว่าจะเชิญเพื่อนสนิทในวงการคนไหนมาเป็นแขกรับเชิญร้องเพลงในงานดี ตัวเลือกของเขาจริงๆ แล้วมีเยอะมาก
ทว่าสิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึงก็คือ เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากเชิญ หลิวกั่งเซิงกับเลี่ยวเจี่ยกลับเป็นฝ่ายติดต่อเขาก่อน แม้แต่ถานหงที่ออกจากวงการไปนานแล้วก็ยังโทรมาหา
ตามคำพูดของพวกเขา ลู่เฉินน้องรักจัดการแสดงที่สำคัญเช่นนี้ พวกเขาจะไม่มาช่วยงานได้อย่างไรเล่า
ทั้งสามคนไม่ว่าอย่างไรลู่เฉินก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ โดยเฉพาะความกระตือรือร้นเช่นนี้ของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงใช้ความคิด หยิบเพลง ‘วีรบุรุษแท้จริง’ ออกมาจากในความทรงจำ ให้ทั้งสี่คนร้องเพลงร่วมกัน!
ถานหง หลิวกั่งเซิง และเลี่ยวเจี่ยหลังจากที่ดูโน้ตดนตรีแล้ว ไม่มีใครมีความเห็นต่างกับข้อเสนอของลู่เฉิน
ดังนั้นจึงอยู่ในคอนเสิร์ตคืนนี้ เกิดภาพที่ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นประทับใจ!
ลู่เฉิน “ในหัวใจของฉัน เคยมีความใฝ่ฝันหนึ่ง ให้เสียงเพลงลบความปวดร้าวทั้งหลายของเธอ!”
หลิวกั่งเซิง “ดวงดาวพร่างพราว ผู้ใดคือวีรบุรุษที่แท้จริง ผู้คนธรรมดากลับทำให้ฉันซาบซึ้งยิ่งกว่า!”
ถานหง “เมื่อไร้ซึ่งความแค้น ย่อมไร้ซึ่งความเจ็บปวด หวังเพียงทุกแห่งหนบนโลกใบนี้เต็มไปด้วยเงาแห่งความรัก…”
เลี่ยวเจี่ย “แลกเสียงเพลงของพวกเรา กับรอยยิ้มจากใจของเธอ…”
ร้องพร้อมกัน “ขอให้เส้นทางชีวิตของเธอต่อแต่นี้โดดเด่นยิ่งกว่าเคย!”
บทเพลง ‘วีรบุรุษแท้จริง’ เป็นผลงานเพลงให้กำลังใจอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่มีท่วงทำนองที่ฮึกเหิม เนื้อเพลงก็เต็มไปด้วยพลังบวกอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทำให้ผู้คนเกิดอารมณ์ร่วมตื่นเต้นพลุ่งพล่าน!
เสียงร้องของลู่เฉินสดใสมีพลังฮึกเหิม เสียงร้องของหลิวกั่งเซิงมีพลังอันหาญกล้า เสียงร้องของถานหงเต็มไปด้วยอารมณ์แฝงไปด้วยทักษะการร้องอันยอดเยี่ยม เสียงร้องของเลี่ยวเจี่ยแสดงถึงการมองโลกในแง่ดีถึงแม้จะผ่านโลกมาอย่างโชกโชนก็ตาม
ทั้งสี่คนร้องเพลงประสานเสียงกัน เพิ่มมนต์เสน่ห์พิเศษเฉพาะให้กับเพลงนี้ ถึงแม้จะเป็นเพลงใหม่อย่างสิ้นเชิง แต่กลับสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมและแฟนคลับในงานได้อย่างลึกซึ้ง!
เวลานี้ไม่มีใครปรบมือตะโกนเสียงดัง ทุกคนฟังด้วยความสงบแทบจะกลั้นหายใจ กลัวว่าจะพลาดโน้ตตัวใดตัวหนึ่งไป หากพลาดไปถึงแม้แค่หนึ่งวินาทีก็ยากที่จะชดเชยความทรงจำสุดล้ำค่านี้
โดยเฉพาะศิลปินดาราที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งวีไอพีแถวหน้า ยิ่งฟังอย่างตั้งใจเป็นที่สุด
ราวกับเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์!
ลู่เฉิน “เกาะกุมทุกๆ นาทีในชีวิต…”
เลี่ยวเจี่ย “ทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อไล่ตามความฝันในหัวใจ!”
ถานหง “ไม่ผ่านพายุฝนย่อมไม่อาจพบรุ้งงาม…”
หลิวกั่งเซิง “ไม่มีใครประสบความสำเร็จโดยไม่ตั้งใจ!”
ตัวพ่อแห่งวงการเพลงทั้งสี่คนร้องเพลงโชว์ร่วมกัน พวกเขามีความผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ให้ความร่วมมืออย่างรู้ใจกัน แลกสายตายิ้มให้กันเล็กน้อย แสดงความหมายแฝงมากมายที่อยู่ในเพลง ‘วีรบุรุษแท้จริง’ ออกมาได้อย่างเต็มที่และละเอียดลออ!
“ให้ถ้อยคำจากใจ และน้ำตาแห่งความปีติ ไหลรินอยู่ในหัวใจของฉันและเธอ!”
ทั้งสี่คนร้องประโยคสุดท้ายพร้อมกัน เลี่ยวเจี่ยเล่นท่อนโซโลคนเดียวด้วยความสะใจ เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นทั่วงานทันทีราวกับทะเลคลั่ง!
พวกดาราและแขกวีไอพีที่นั่งอยู่แถวหน้าลุกขึ้นปรบมือก่อน จากนั้นทุกคนบนที่นั่งก็ลุกขึ้นตาม เสียงปรบมือราวกับน้ำขึ้นทะลักออกมา กึกก้องคำรามสะท้อนไปมาภายในสนามกีฬาโอลิมปิกแห่งนี้
บรรยากาศเช่นนี้ยากที่จะบรรยายออกมาด้วยคำพูดจริงๆ มีเพียงคนที่อยู่ในนี้เท่านั้นถึงจะสัมผัสความรู้สึกได้อย่างแท้จริง รู้สึกซาบซึ้งจนขนหัวลุก หน้าแดงก่ำ สั่นไปทั้งตัว ถึงแม้จะเป็นคนขี้อาย ก็ยังบ้าระห่ำไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว!
นี่คือเสน่ห์ของดาราตัวท็อป และเป็นมนต์เสน่ห์ของผลงานเพลงป็อปสุดคลาสสิก!
“สะใจมาก!”
เลี่ยวเจี่ยแผดเสียงเมื่อเล่นท่อนโซโลจบ สะบัดเส้นผมยาวดุจดังราชสีห์คำราม
แม้แต่ถานหงที่เป็นคนเงียบๆ ก็ยังแสดงสีหน้าประทับใจออกมา เอ่ยว่า “รู้สึกเสียดายไม่อยากออกไปเลย”
หลิวกั่งเซิงยิ้มเอ่ยว่า “ถ้าเสียดายจริงๆ ครั้งหน้าพวกเรามาร้องด้วยกันอีกครั้ง แล้วสร้างวงขึ้นมาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!”
ลู่เฉินหัวเราะฮ่าๆๆ “ผมยกสองมือเห็นด้วยครับ!”
และโดยไม่ตั้งใจ ผู้ชมทั้งแปดหมื่นสามพันคนได้กลายเป็นพยานบุคคลของประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งแห่งวงการเพลงจีนไปโดยปริยาย หลังจากนั้นก็เกิดวงซูเปอร์แบนด์ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นวงระดับราชาที่รวมตัวพ่อแห่งวงการเพลงที่ดังที่สุดในเอเชียไว้ด้วยกัน จากประโยคล้อเล่นกลายเป็นความจริง
ถึงแม้วงดนตรีจะอยู่ได้แค่สองปีเท่านั้น แต่กลับสร้างความทรงจำสุดคลาสสิกให้แก่แฟนเพลงมากมายนับไม่ถ้วน!