Perfect Superstar - ตอนที่ 907 รักตราบนิรันดร์ (7)
ตอนที่ 907 รักตราบนิรันดร์ (7)
คืนนี้ ณ ตอนนี้ ผู้ชมทั้งหมดแปดหมื่นสามพันคนที่อยู่ภายในสนามกีฬาโอลิมปิกแห่งนี้ ได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางของความดีใจ ประทับใจ ตื่นเต้น และอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป
ดีใจที่ลู่เฉิน ถานหง หลิวกั่งเซิง และเลี่ยวเจี่ยตัวพ่อแห่งวงการร้องเพลงร่วมกัน ทำให้ทุกคนได้เห็นการถือกำเนิดขึ้นของวงซูเปอร์แบนด์…วงดนตรีระดับราชาเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา ประทับใจผลงานเพลงใหม่ ‘วีรบุรุษแท้จริง’ เพลงให้กำลังใจที่ทำให้เลือดสูบฉีดพลุ่งพล่านบทเพลงนี้ และอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้พี่ใหญ่ทั้งสามคนนี้ลงจากเวที
มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ฉากที่เหมือนกันจะไม่มีการเล่นซ้ำอีก!
ถึงแม้ผู้ชมและแฟนคลับทุกคนจะพยายามเรียกร้อง อยากให้พวกเขากลับมาบนเวทีอีกครั้ง แต่ก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
และคอนเสิร์ตเดี่ยวของลู่เฉินก็ดำเนินต่อไป
สำหรับพวกผู้ชมแล้ว เวลาผ่านไปเร็วเกินไป ลู่เฉินพาพวกเขาย้อนเวลากลับไปบนเส้นทางดนตรีของตนเองจากเพลงบัลลาดถึงเพลงซอฟต์ร็อกจนมาถึงเพลงรัก สุดท้ายก็จบที่เพลงสไตล์จีน ภายในเวลาสามชั่วโมงกว่า เขาขับขานผลงานเพลงไปแล้วยี่สิบเก้าเพลง!
โดยทั่วไปแล้ว คอนเสิร์ตแต่ละรอบจะใช้เวลาประมาณสามถึงสี่ชั่วโมง ใช้เพลงประมาณสามสิบเพลง
ผลงานเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากอัลบั้มทั้งสามชุดของลู่เฉิน…‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ‘เส้นทางธรรมดา’และ ‘ลู่เฉิน’ ผลงานเพลงใหม่มีทั้งหมดสองเพลง และลู่เฉินก็เป็นคนแต่งเนื้อร้องและทำนองเองทั้งหมด ครอบคลุมผลงานคลาสสิคทั้งหมดของเขา ทำให้เหล่าแฟนเพลงดื่มด่ำไปกับงานดนตรีอันแสนโอชะ
ทว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว
ลู่เฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าไปแล้วสามชุด เสียงเริ่มแหบแล้ว เขาร้องทุกผลงานเพลงอย่างตั้งใจและจริงจัง ทำให้เขาใช้พลังกายและอารมณ์ไปเยอะพอสมควร แต่ยังคงยืนหยัดมีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอยู่เสมอ
“เพลงต่อไป…”
ลู่เฉินจับไมค์แล้วเอ่ยพูดเสียงหนักว่า “มีความพิเศษนิดหน่อย เพราะมันไม่ได้มอบให้พวกคุณ แต่มอบให้กับคนที่ผมรักที่สุดครับ!”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็มีแฟนคลับตะโกนขึ้นมาทันที “เฉินเฟยเอ๋อร์!”
คนที่รักที่สุดของลู่เฉินนอกจากเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วยังจะมีใครอีก หรือว่าเขาจะสารภาพรักต่อหน้าผู้ชม วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์เชียวนะ!
ตอนแรกลู่เฉินเลือกจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวรอบแรกในวันพิเศษแบบนี้ พวกแฟนๆ รวมถึงสื่อมากมายก็พากันคาดเดา คิดว่าลู่เฉินไม่ถึงสิบก็มีแปดเก้าส่วนที่จะขอเฉินเฟยเอ๋อร์แต่งงานในคอนเสิร์ตนี้
ทั้งสองคนคบกันมาสี่ปี ถูกมองว่าเป็นคู่รักที่ดีที่สุดในวงการบันเทิงมาโดยตลอด ความรักที่น่าอิจฉาของคนทั้งสองถึงเวลาที่ควรผลิดอกออกผลแล้ว และด้วยความนิยมกับตำแหน่งในวงการของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ การแต่งงานไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของทั้งสองคนเลย
“เดาผิดแล้วครับ!”
ลู่เฉินได้ยินจึงยิ้มปฏิเสธ เขายิ้มเล็กน้อยเอ่ยว่า “คนที่ผมรักที่สุดคนนี้ก็คือคุณแม่ของผมครับ ตอนนี้ท่านก็นั่งอยู่ท่ามกลางพวกคุณ ผมอยากใช้เพลงนี้แสดงความรักและขอบคุณที่ผมมีต่อท่านครับ!”
กล้องในงานหันเลนส์ไปตรงกลางที่นั่งแถวหนึ่งของที่นั่งวีไอพีทันที โฟกัสไปที่ฟางอวิ๋นที่นั่งอยู่ตรงนั้น น้ำตาของเธอไหลออกจากมุมตา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความชื่นชมยินดี
ฟางอวิ๋นเมื่อสี่ปีที่แล้ว ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ ที่ท่านอยู่ในสนามกีฬาที่มีคนนับหมื่นนั่งดูคอนเสิร์ตของลูกชายตัวเอง แบ่งปันช่วงเวลาอันทรงเกียรติและรุ่งโรจน์ของลู่เฉินกับทุกคน!
ในใจของท่านเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
และเฉินเฟยเอ๋อร์ก็นั่งอยู่ด้านซ้ายของฟางอวิ๋น ว่าที่ลูกสะใภ้กับแม่สามีจับมือกันอย่างสนิทสนม ด้านขวาคือลู่ซีกับลู่เสวี่ย ทั้งครอบครัวปรากฏอยู่ในเลนส์กล้อง
“แม่ลู่!”
เสียงปรบมืออบอุ่นระเบิดขึ้นทั่วคอนเสิร์ตทันที เพื่อต้อนรับและให้กำลังใจฟางอวิ๋น
แม่ลู่เป็นคำเรียกขานของพวกแฟนคลับที่ใช้เรียกแม่ของลู่เฉิน ทุกคนกำลังแสดงความขอบคุณแม่ลู่อย่างลึกซึ้ง
เพราะหากไม่มีแม่ลู่ก็ไม่มีลู่เฉิน และไม่มีลู่เฉินที่มอบความตื่นเต้นและซาบซึ้งตรึงใจให้กับทุกคนในวันนี้!
“เมื่อเธอแก่เฒ่า ผมหงอกขาว เอาแต่ง่วงงุน”
“เมื่อเธอแก่เฒ่า ก้าวเดินไม่ไหว สัปหงกอยู่ข้างกองไฟ รำลึกถึงวัยเยาว์…”
“มีสักกี่คนที่เคยรักเธอเมื่อครั้งเปี่ยมด้วยพลังแห่งหนุ่มสาว หลงใหลในความงดงามของเธอทั้งที่หลอกลวงและจริงใจ แต่มีเพียงคนเดียวที่ศรัทธาไปถึงจิตวิญญาณแห่งเธอ…”
ลู่เฉินร้องเพลงให้ฟางอวิ๋น เป็นเพลง ‘เมื่อเธอแก่เฒ่า’ ที่ทุกคนคุ้นหูสามารถร้องตามได้นั่นเอง เขาไม่ได้ร้องเพลงนี้ให้กับแม่เป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้มีความหมายที่แตกต่างไม่ธรรมดา
นั่งอยู่หน้าเปียโน ลู่เฉินบรรเลงและร้องเพลงด้วยตนเอง เสียงเพลงของเขาทุ้มลึกแต่เงียบสงบ แฝงไปด้วยความรักและขอบคุณอย่างลึกซึ้ง สัมผัสจิตใจของทุกคนอย่างสุดซึ้ง
มีแฟนเพลงมากมายหลายคน ฮัมเพลงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“แต่มีเพียงคนเดียวที่ศรัทธาไปถึงจิตวิญญาณแห่งเธอ รักแม้ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าอันซีดเซียวนี้…”
“เมื่อเธอแก่เฒ่า คิ้วตาต่ำตก มองเห็นแสงไฟพร่าเลือน”
“สายลมพัดมา พร้อมข่าวคราวของเธอ คือบทเพลงที่บรรเลงในใจฉัน…”
ไม่มีความคิดถึงที่เศร้าสร้อย ไม่มีความบ้าคลั่งอย่างกำเริบเสิบสาน ไม่มีความตื่นเต้นของอารมณ์เร่าร้อนที่วูบวาบ มีเพียงความอบอุ่นและซาบซึ้ง ดึงบรรยากาศในงานเข้าสู่ดินแดนใหม่
“เมื่อเธอแก่เฒ่า ฉันปรารถนาแค่เพียง ขับขานเพลงนี้ให้เธอฟัง!”
ตอนที่ลู่เฉินร้องประโยคสุดท้ายจบ เขาลุกขึ้น โค้งคำนับสุดตัวไปที่ตำแหน่งของฟางอวิ๋น
ขอบคุณครับ คุณแม่!
เสียงปรบมือดังสนั่นทั่วทั้งงาน เป็นหนึ่งในฉากที่อบอุ่นประทับใจที่สุดของคอนเสิร์ตในค่ำคืนนี้
แต่สิ่งที่ทุกคนรอคอยอย่างยากลำบากมาตลอดเล่า
ลู่เฉินไม่ทำให้แฟนคลับผิดหวังจริงๆ เขาทำอารมณ์เล็กน้อย จากนั้นเอ่ยว่า “เพลง ‘เมื่อเธอแก่เฒ่า’ ผมมอบให้กับคุณแม่ของผม คนที่ผมรักที่สุด และบทเพลงต่อไป…”
“ผมขอมอบให้กับคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม!”
“เฉินเฟยเอ๋อร์!”
คราวนี้พวกคนดูไม่ได้ปล่อยไก่อีกต่อไป แฟนคลับมากมายนับหมื่นนับพันพูดเป็นเสียงเดียวกัน เสียงดังยิ่งกว่าสิ่งใด
เลนส์กล้องจับไปทางเฉินเฟยเอ๋อร์ที่มีใบหน้าเขินอายในขณะเดียวกัน
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ถูกแล้วครับ เพลงนี้มีชื่อว่า ‘ฉันแคร์แต่เธอคนเดียว’!”[1]
สายตาของเขามองทะลุผ่านระยะห่างของเวทีกับที่นั่งผู้ชม สบตากับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่มีน้ำตาคลอหน่วย
คุณคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม!
“ถ้าหากว่าฉันไม่ได้พบคุณ ฉันจะอยู่ที่ไหน
วันเวลาผ่านไปนานเท่าไร ชีวิตจะต้องทะนุถนอมไหม
บางทีรู้จักคนคนหนึ่ง ผ่านชีวิตที่ธรรมดา
ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้ ก็มีความรักหวานดั่งน้ำผึ้ง!
ทุกเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉันแคร์แต่เธอคนเดียว…
เต็มใจเชื่อมต่อลมหายใจของเธอ!
ชีวิตจะได้เจอคนรู้ใจสักกี่ครั้งกัน
สูญเสียพลังชีวิตก็ไม่เสียดาย…”
นี่คือบทเพลงรักที่เป็นการสารภาพรักอย่างสุดซึ้ง มันมีทำนองดนตรีที่งดงามกับเนื้อเพลงที่ลึกซึ้งกินใจ มันเป็นอารมณ์รักจากใจและเป็นการพูดคนเดียวที่จริงใจที่สุด เป็นความรู้สึกอ่อนไหวและยึดมั่นในความรัก
‘ฉันแคร์แต่เธอคนเดียว’ เป็นผลงานสร้างสรรค์สไตล์ย้อนยุค เน้นไปทางเพลงรักในยุค 80-90 การเรียบเรียงดนตรีประกอบมีความเรียบง่ายธรรมดามาก สามารถพูดได้ว่า ‘ไม่เหมือนลู่เฉิน’ อย่างสิ้นเชิง
แต่ด้วยความเรียบง่ายธรรมดาแบบนี้ กลับกระทบจิตใจของผู้คนโดยตรง ปลุกความปรารถนาและความซาบซึ้งต่อความรักของผู้ชมทั้งหลาย และยังเป็นหนึ่งในผลงานที่เหมาะสมกับการแสดงในวันสุดพิเศษนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ดังนั้นฉันขอร้องเธออย่าไปจากฉัน นอกจากเธอแล้วฉันไม่รู้สึกถึงความรักความห่วงใยแม้แต่น้อย!”
ท่ามกลางเสียงเพลง เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่อาจอดกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป