Perfect Superstar - ตอนที่ 909 ตอนจบ
ตอนที่ 909 ตอนจบ
ความสั่นไหวที่มาจากหัวใจ ทำให้ลู่เฉินตื่นขึ้นมาจากความฝัน
ทันทีที่เขาลืมตา แวบแรกที่เห็นคือใบหน้างดงามที่อาบไล้ไปด้วยแสงอาทิตย์ยามเช้าของเฉินเฟยเอ๋อร์ เธอจ้องมองลู่เฉิน นัยน์ตาแฝงไปด้วยความอ่อนโยนลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้เธอจะไม่แต่งหน้า แต่กลับมีเสน่ห์ชวนหลงใหลยิ่งนัก
เมื่อเห็นลู่เฉินตื่นแล้ว เธอจึงหน้าแดงเล็กน้อย เขินอายเหมือนกับสาววัยแรกแย้ม
ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะจูบใบหน้าของเธอหนึ่งที ยิ้มเอ่ยว่า “ภรรยา อรุณสวัสดิ์ครับ!”
ถึงแม้ขั้นตอนทางกฎหมายจะยังไม่เสร็จสิ้น ทว่านับตั้งแต่วินาทีที่สวมแหวนเพชรบนมือของเฉินเฟยเอ๋อร์เมื่อคืนนี้ ทั้งสองคนก็ได้สัญญาที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ดังนั้นลู่เฉินจึงเรียกคำว่า ‘ภรรยา’ ได้อย่างคล่องปาก และรู้สึกดีสุดๆ ไปเลย
“อื้ม…”
เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปาก ตอบว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณสามี”
ลู่เฉินดีใจทันที นี่เฉินเฟยเอ๋อร์เรียกเขาว่า ‘สามี’ เป็นครั้งแรก ถือว่าทำลายสถิติทางประวัติศาสตร์!
ถึงแม้ทั้งสองคนจะไม่แตกต่างจากสามีภรรยาจริงๆ แต่บทสนทนาที่หวานเลี่ยนแบบนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์รู้สึกไม่ค่อยชินนัก เธอรีบเปิดผ้าห่มลงจากเตียงเอ่ยว่า “ฉันจะไปทำอาหารเช้า…”
ลู่เฉินมองหญิงอันเป็นที่รักหนีออกไปจากห้องนอนเหมือนกระต่ายน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หัวเราะอย่างคนเซ่อซ่าเล็กน้อย แต่ท่าทางมีความสุขมาก
ลงจากเตียงล้างหน้าแปรงฟันแล้ว ตอนที่เขาเดินมาถึงโต๊ะอาหารเล็กๆ นอกห้อง มีอาหารเช้าหลายอย่าง เช่น นมร้อนๆ แซนด์วิช และไข่ไก่วางอยู่บนโต๊ะแล้ว และก็ยังมีซาลาเปากับข้าวต้มอีกด้วย
หลังจากตั้งครรภ์ เฉินเฟยเอ๋อร์ได้ยกเลิกงานทั้งหมด อยู่บ้านบำรุงครรภ์อย่างตั้งใจ พอว่างไม่มีอะไรทำเธอจึงเรียนทำอาหาร ซื้อหนังสือทำอาหารหลายเล่มกลับมาฝึกที่บ้าน
ถึงแม้จะพูดว่าตอนนี้ฝีมือของเธอยังไม่ดีพอ แต่การทำอาหารเช้ากลับไม่มีปัญหาใดๆ
“ผมกินก่อนนะครับ!”
ลู่เฉินนั่งลงที่เก้าอี้ทันที ได้กลิ่นนมกับข้าวต้มหอมๆ ก็รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาแล้ว หยิบตะเกียบกินคำโต
ขณะที่กินเขาเปิดโทรศัพท์ดูไปด้วย กำลังดูบล็อกอยู่
‘การขอแต่งงานสุดโรแมนติกในวันวาเลนไทน์!’
‘ลู่เฉินขอเฉินเฟยเอ๋อร์แต่งงานสำเร็จ ความรักสี่ปีสัมฤทธิ์ผลแล้ว!’
‘เมื่อคืน พวกเราได้เป็นสักขีพยานให้กับความรักแสนโรแมนติก!’
…
ไม่มีสิ่งใดเกินความคาดหมาย เหตุการณ์ที่ลู่เฉินขอเฉินเฟยเอ๋อร์แต่งงานในคอนเสิร์ตเดี่ยวรอบแรกของเขา ณ สนามกีฬาโอลิมปิก กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในบล็อก
และหน้าแรกของบล็อกล่างฉาว อันดับค้นหายอดฮิตห้าอันดับแรกล้วนเกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมด!
คอนเสิร์ตเดี่ยวสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ บวกกับขั้นตอนการขอแต่งงานที่แสนโรแมนติก เกิดเสียงสะท้อนคึกคักบนอินเทอร์เน็ตอย่างไม่เคยมีมาก่อน
แฟนคลับมากมายนับไม่ถ้วนเข้ามาที่บล็อกของเขา เพื่อส่งคำอวยพรที่แสนวิเศษ!
เมื่ออ่านข้อความเหล่านี้ ลู่เฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ตอนกินข้าวห้ามเล่นโทรศัพท์!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยกจานไข่ที่เพิ่งทอดเสร็จออกมา ทำเป็นพูดดุว่า “พูดกับนายกี่ครั้งแล้ว!”
ลู่เฉินวางโทรศัพท์ทันที โค้งคำนับให้ภรรยาผู้เป็นใหญ่ “รับทราบครับ!”
พอกินอาหารเช้ามื้ออบอุ่นที่สุดเสร็จแล้ว ลู่เฉินจึงพาเฉินเฟยเอ๋อร์ออกจากบ้าน
เพราะว่าวันนี้มีเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำให้เสร็จ
นั่นก็คือการจดทะเบียนสมรส!
เนื่องจากทะเบียนบ้านของลู่เฉินยังอยู่ที่ปินไห่ ดังนั้นเขาต้องพาเฉินเฟยเอ๋อร์ไปจดทะเบียนที่ปินไห่ ขณะเดียวกันก็ต้องจัดคอนเสิร์ตรอบที่สองที่หังโจวตอนเย็นวันที่ 17 พอดี
แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น ลู่เฉินต้องกลับไปที่สำนักงานใหญ่เฉินเฟยมีเดียก่อน เพราะเช้านี้มีแขกสองสามคนเดินทางไกลหลายพันกิโลเมตรมาเยี่ยมเยียนถึงที่ เพื่อเจรจาสัญญาสำคัญ
“ดูสิ!”
ระหว่างทางไปบริษัท เฉินเฟยเอ๋อร์พลันดึงแขนของลู่เฉิน ชี้ไปด้านนอกรถเอ่ยว่า “นั่นคือ OFO จักรยานแชร์ริ่งของพวกเรา!”
ลู่เฉินหันไปมองทางที่เธอชี้ เห็นรถจักรยานสีสันสะดุดตาสวยงามหลายสิบคันจอดอยู่บนทางเท้าข้างถนน มีโลโก้ OFO ติดอยู่บนรถสะดุดตาเป็นอย่างมาก
เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ในฐานะผู้สร้างรูปแบบ ‘การแชร์จักรยานจอดที่ไหนก็ได้’ จักรยานสาธารณะคันเล็กสีเหลืองของโอโฟจำนวนห้าแสนคันถูกนำไปวางพร้อมกันในเมืองใหญ่ระดับหนึ่งระดับสอง เช่น เมืองหลวง ฮู่ไห่ หังโจว เซินไห่ ซาเฉิง เป็นต้น เปิดฉาก ‘เศรษฐกิจแบ่งปัน’ อย่างร้อนแรง
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดอย่างโอหังว่า “มู่ซือกับพี่ซีเดาว่า หลังจากบริษัทของพวกเราเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะมีมูลค่าตลาดห้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นอย่างน้อย ถึงตอนนั้นฉันก็จะมีเงินเยอะกว่านาย!”
ลู่เฉินเป็นคนออกไอเดียจักรยานแชร์ริ่ง OFO แต่เขาไม่ได้ร่วมหุ้นด้วย ปล่อยให้หลี่มู่ซือ ลู่ซี และเฉินเฟยเอ๋อร์ทั้งสามคนเป็นผู้ก่อตั้งร่วมกัน
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ถึงตอนนั้น ผมจะให้คุณเลี้ยงนะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะฮิๆ เอียงศีรษะซบไปที่ไหล่ของลู่เฉินเบาๆ เอ่ยว่า “ฉันก็อยากจะเลี้ยงนายให้อยู่แต่ในบ้านมาก ไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นเห็น และไม่ยอมให้นายไปหาเรื่องทำให้ผู้หญิงคนอื่นต้องเสียใจ”
ลู่เฉินรู้สึกร้อนตัวทันที
โชคดีที่ไม่ช้าก็ถึงบริษัทแล้ว
แขกที่เดินทางไกลที่มาหาเฉินเฟยมีเดีย เป็นตัวแทนสามคนของไลออนพิคเจอร์สที่มาจากฮอลลีวูดสหรัฐอเมริกา พวกเขาเดินทางไกลมายังเมืองหลวง เพราะอยากจะเซ็นสัญญาสองฉบับกับลู่เฉิน
ฉบับแรกเป็นสัญญาถ่ายมอบอำนาจ ไลออนพิคเจอร์สกำลังจะนำเหตุการณ์เที่ยวบิน UD725 มาทำเป็นภาพยนตร์ในปีนี้ และชื่อภาพยนตร์กำหนดชั่วคราวว่า ‘บินข้ามมหาสมุทร’ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบล้านเหรียญสหรัฐ
เนื่องจากลู่เฉินเป็นบุคคลสำคัญที่สุดที่ประสบกับเหตุการณ์บนเที่ยวบิน UD725 ดังนั้นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงเรื่องนี้จึงต้องการได้รับการมอบอำนาจจากเขา
ส่วนสัญญาอีกฉบับหนึ่ง เป็นสัญญานักแสดง
ไลออนพิคเจอร์สเสนอรายได้งามสิบสองล้านดอลลาร์สหรัฐกับส่วนแบ่งห้าเปอร์เซ็นต์ของรายได้ตั๋วหนัง เพื่อเชิญลู่เฉินแสดงเป็นพระเอกในเรื่อง ‘บินข้ามมหาสมุทร’!
ในประเทศจีน ไม่รู้ว่ามีนักแสดงจำนวนมากแค่ไหนที่อยากเข้าฮอลลีวูดซึ่งเป็นวงการชั้นนำที่สุดของโลก แต่คนส่วนใหญ่มักจะล้มเหลว มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังพอคุ้นหน้าคุ้นตา ทว่ามีไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างไม่เคยได้รับค่าจ้างที่สูงขนาดนี้เหมือนลู่เฉิน!
สัญญาสองฉบับนี้โดยเฉพาะสัญญานักแสดงถ้าหากรั่วออกไป สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะเกิดความฮือฮามากแค่ไหน!
แต่สำหรับลู่เฉิน สัญญาที่เป็นตัวแทนของผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่และชื่อเสียงนี้ มีความสำคัญน้อยกว่าทะเบียนสมรสไม่กี่หยวนที่เขากำลังจะไปดำเนินเรื่อง ดังนั้นหลังจากพบกับตัวแทนผู้บริหารระดับสูงของไลออนพิคเจอร์สแล้ว เขาได้โยนงานต้อนรับและเจรจารายละเอียดของสัญญาให้กับลู่ซี
ส่วนตัวเองก็พาเฉินเฟยเอ๋อร์เดินทางกลับปินไห่
วินาทีที่เครื่องบินบินขึ้นไป เฉินเฟยเอ๋อร์จู่ๆ ก็จับมือของลู่เฉิน ถามเบาๆ ว่า “สามี นายจะรักฉันตลอดไปไหม”
ลู่เฉินพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ ผมจะรักคุณตลอดไป!”
หลังจากสิ้นสุดการทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศแล้ว เขาได้จัดงานแต่งงานที่เกาะแห่งรักกับเฉินเฟยเอ๋อร์ จากนั้นก็รอคอยการมาเกิดของลูกน้อย
ชีวิตคนเรามาถึงตรงนี้ สมบูรณ์แบบไร้ซึ่งความด่างพร้อย
เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พุ่งไปยังอนาคตที่สวยงามไร้ขีดจำกัด!