Puppy Love จดหมายรักระหว่างนายและฉัน - ตอนที่ 12
ด้วยคำเชิญที่อบอุ่นและการต้อนรับของโจวเจ๋อหยวน แน่นอนว่าเซี่ยเจิงตอบตกลงในทันที
แม้แต่ลูกแมวลูกสุนัขยังรู้เลยว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่สนิทต้องเก็บกรงเล็บและเขี้ยวที่แหลมคมเอาไว้ และต้องเผยขนอันอ่อนนุ่มของตัวเองให้เขาลูบคลำ เซี่ยเจิงไม่ได้บอกกับโจวเจ๋อหยวนว่าหลังจากที่พ่อและแม่เขาหย่ากัน เขาก็สัมผัสได้ถึงความลำบากสองคำนี้หนักขึ้นไปอีก เซี่ยรุ่ยเซินที่เข้ามาก่อกวนอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าพายุฝนฟ้าคะนองที่ไม่รู้ว่าจะหยุดลงเมื่อใด ทำให้ชีวิตของเขากับแม่ไม่มีความสงบสุขเลยแม้แต่ช่วงเวลาเดียว
ทว่าการได้กลับมาเจอโจวเจ๋อหยวนอีกครั้งทำให้ความทรงจำของเซี่ยเจิงหวนกลับมาอีกครั้ง ฉากภาพในหลายค่ำคืนที่เขาต้องหนีไปหลบอยู่ที่บ้านของพี่เสี่ยวหยวนอย่างตัวสั่นระริกเนื่องจากพ่อแม่ของเขาทะเลาะกันอย่างรุนแรง และเขายังรู้สึกอีกว่าตัวเองยังสามารถแอบขี้เกียจได้อีกหน่อย ไม่ต้องรีบกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องปกป้องคนอื่น
“เข้ามาสิ” โจวเจ๋อหยวนเลือกหยิบรองเท้าคู่ใหม่ออกมาจากตู้รองเท้ามาหนึ่งคู่ เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้เซี่ยเจิงเปลี่ยนมันและอย่ามัวแต่ยืนทื่ออยู่ที่หน้าประตู
“คุณป้าไม่อยู่บ้านเหรอครับ? ” เซี่ยเจิงยื่นศีรษะเข้าไปมองรอบๆ บ้าน ตอนที่เขาเปลี่ยนรองเท้าอยู่หน้าประตูเขาจงใจที่จะขยับเคลื่อนไหวให้ช้าลง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินนี้ทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวเองและกังวลอย่างบอกไม่ถูก
“อืม แม่ไปบ้านคุณยายน่ะ น่าจะกลับมาตอนมืดๆ” โจวเจ๋อหยวนเอาของไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของ พอออกมาก็เห็นเซี่ยเจิงจ้องมองตู้ปลากระจกที่วางอยู่ในห้องรับแขกอย่างเพลิดเพลิน
“ปลาที่พ่อของพี่เลี้ยงไว้ ชื่อหลัวฮั่น” โจวเจ๋อหยวนถามออกไปว่า “สนุกไหม? ”
“สนุกครับ” เซี่ยเจิงยื่นนิ้วออกไปเคาะเบาๆ ที่กระจก ปลาหลายตัวรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจึงรีบสะบัดครีบและว่ายออกไปอย่างรวดเร็ว
“นายจะดื่มอะไรไหม? โค้ก? หรือว่าน้ำผลไม้ดี?” โจวเจ๋อหยวนถามพลางเปิดตู้เย็นออก
“โค้กก็ได้ครับ” ในที่สุดเซี่ยเจิงก็ละสายตาออกจากตู้ปลาทองแล้วเดินตามหลังโจวเจ๋อหยวนมา “พี่เสี่ยวหยวน…”
โจวเจ๋อหยวนหันกลับมามองเขา “มีอะไรเหรอ? ”
“เปล่า” เซี่ยเจิงส่ายหน้าไปมา แล้วรับโค้กเย็นๆ มาดูดเข้าไปเต็มแรง ฟองอากาศที่แตกอยู่เต็มปากทำให้คำพูดของเขาฟังไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่ “ผมรู้สึกดีใจที่ได้เจอกับพี่อีกครั้ง”
เหมือนกับเมื่อก่อน ทั้งสองคนคุยเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้องเล็กๆ ของโจวเจ๋อหยวนตลอดทั้งบ่าย หนังสือการ์ตูนของพี่เสี่ยวหยวนยังมีอีกหลายเล่มที่เซี่ยเจิงยังไม่เคยอ่าน เซี่ยเจิงดื่มน้ำอัดลมและกินขนมจนอิ่ม ทั้งยังตื๊อให้โจวเจ๋อหยวนเล่าชีวิตตอนเรียนมัธยมปลายให้เขาฟัง
“ตอนเรียนมอปลายเหนื่อยไหมพี่เสี่ยวหยวน เห็นเขาบอกกันว่าเรียนมอปลายนี่เหนื่อยสุดๆ เลย แต่แค่ตอนนี้ผมก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วนะ การบ้านเยอะมาก” เซี่ยเจิงนอนลงไปบนเตียงแต่เท้าทั้งสองยังห้อยลงมาที่พื้น กวัดแกว่งไปมาอย่างไม่อยู่นิ่ง
“จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นนะ เพียงแต่ต้องเข้านอนดึก แล้วก็ตื่นเร็วขึ้น” โจวเจ๋อหยวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรม ตอบคำถามด้วยจิตใจที่เหม่อลอยนิดหน่อย ถ้าหากเซี่ยเจิงลุกขึ้นมานั่งในตอนนี้ก็จะเห็นสายตาที่แฝงไปด้วยความไม่แน่ใจของโจวเจ๋อหยวนที่กำลังก้มลงมองไปที่ขาของตัวเอง การเดินทางท่ามกลางสรรพสิ่งล้วนไม่มีสิ่งใดแน่นอน
“งั้นถ้าผมตั้งใจเรียน ก็น่าจะสอบติดโรงเรียนเดียวกับพี่เสี่ยวหยวนใช่ไหม” น้ำเสียงของเซี่ยเจิงเต็มไปด้วยความหวังของการรอคอย
“รอนายสอบเข้ามอปลาย พี่ก็เรียนจบไปนานแล้วล่ะ” โจวเจ๋อหยวนขยับลำคอพูด “เสี่ยวเจิง”
“ครับ ว่ายังไงครับ” เซี่ยเจิงที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆ หลับตาลง พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว แสงของดวงตะวันที่กำลังจะลับไปสาดส่องให้ทุกสิ่งเป็นดูเป็นสีแดงออกส้มๆ เหมือนกับสีของลูกพีช ทั้งยังสาดส่องให้ความอบอุ่นกับร่างกายจึงอดไม่ได้ที่จะง่วงนอนขึ้นมา “พี่เสี่ยวหยวน พี่ตอบคำถามผมมาคำถามหนึ่งก่อน”
“คำถามอะไรเหรอ? ” โจวเจ๋อหยวนถาม
“ตอนพี่อยู่โรงเรียนมีผู้หญิงมาชอบพี่หรือเปล่า? ” เซี่ยเจิงหัวเราะคิกคัก
“ไม่มี” โจวเจ๋อหยวนรีบตอบ “แล้วทำไมถึงถามล่ะ? ”
“พี่โกหก !” เซี่ยเจิงลุกขึ้นมานั่ง ในมือของเขาถือจดหมายรักที่เพิ่งเปิดเจอจากในหนังสือการ์ตูน และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “มีคนเขียนจดหมายรักให้พี่ !”
แต่ที่แปลกก็คือ โจวเจ๋อหยวนกลับไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนเลยที่คำโกหกถูกเปิดเผย เขาหยิบจดหมายรักฉบับนั้นมาจากมือของเซี่ยเจิงมาอย่างนิ่งๆ และไม่แม้แต่ที่จะเปิดดูก็โยนมันทิ้งไป จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขึ้นว่า “พี่ไม่ได้ชอบเขา”
“อ้าว” ในที่สุดเซี่ยเจิงก็เห็นว่าโจวเจ๋อหยวนมีบางอย่างผิดปกติไป เขาเองจึงรู้สึกกังวลขึ้นมาคิดว่าคงเป็นเพราะตัวเองไปยุ่งกับของของพี่เสี่ยวหยวนจนทำให้พี่เขาไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงรีบลงจากเตียงมานั่งลงที่ข้างๆ โจวเจ๋อหยวน ดึงแขนของอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม “พี่เสี่ยวหยวนผมไม่ได้ตั้งใจจะดูนะ ขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไร” แขนของโจวเจ๋อหยวนที่ถูกเซี่ยเจิงจับอยู่จู่ๆ ก็แข็งทื่อไป แต่เสียงกลับอ่อนลง “เสี่ยวเจิง ไม่ต้องอ่านหนังสือการ์ตูนแล้ว พวกเราดูหนังกันไหม? ”
หลายปีต่อมา เซี่ยเจิงหวนนึกถึงน้ำเสียงของโจวเจ๋อหยวนที่พูดประโยคนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นเพียงคำหลอกลวงที่ดูอ่อนโยนแบบหนึ่ง
ในตอนนั้นเขาไว้ใจโจวเจ๋อหยวนมาก แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าความไว้ใจนี้แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่กำแพงกระจกที่เปราะบางบานหนึ่งเท่านั้น พอแตกละเอียดก็จะย้อนกลับมาทิ่มแทงผู้คนให้เลือดไหลอาบ
เมื่อโจวเจ๋อหยวนกดเปิด “ภาพยนตร์” ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือภาพที่ผู้ชายเปลือกกายสองคนกำลังนัวเนียและผสานร่างกายกันอย่างไม่มีหยุดยั้ง ชั่วเวลาเพียงพริบตาเสียงหอบหายใจอันหยาบโคนก็ส่งเสียงดังไปทั่วทั้งห้อง ภาพของอวัยวะเพศที่ขยายใหญ่ขึ้นก็แสดงให้เซี่ยเจิงเห็นอยู่เต็มทั้งม่านตา
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก เซี่ยเจิงยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ พี่เสี่ยวหยวนที่เพิ่งจะพูดกับเขาอย่างอบอุ่นก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนกลายเป็นคนละคนในวินาทีถัดมา เขาดึงเซี่ยเจิงเข้ามาใกล้แล้วยื่นมือล้วงเข้าไปในเสื้อของเซี่ยเจิงอย่างเบามือ
“พี่เสี่ยวหยวน !” ดวงตาของเซี่ยเจิงที่กำลังมองโจวเจ๋อหยวนอยู่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาเข้าใจความหมายแฝงนี้ขึ้นมาทันที
“เสี่ยวเจิง” โจวเจ๋อหยวนหอบหายใจหนักๆ ออกมา มือข้างหนึ่งก็ลูบคลำไปบนร่างกายของเซี่ยเจิง และมืออีกข้างก็พยายามที่จะดึงมือของเซี่ยเจิงให้มาจับที่กลางหว่างขาของตัวเอง “เสี่ยวเจิง พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิง พี่ชอบนาย”
“ปล่อย !” ภายใต้อารมณ์โกรธ เซี่ยเจิงสะบัดตัวออกอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองผละออกจากโจวเจ๋อหยวนและวิ่งไปถึงถนนใหญ่ได้ยังไง จนกระทั่งเขาสงบสติอารมณ์ลงได้ ก็สังเกตเห็นว่าคนที่อยู่บริเวณรอบๆ มองตัวเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด ในตอนนั้นเซี่ยเจิงจึงรีบกระโจนตัวไปยังท่าน้ำที่อยู่ด้านข้าง อาเจียนออกมาจนหมดทั้งตัว
ขยะแขยง มึนหัว
สองขาของเซี่ยเจิงสั่นไปหมดจนไม่สามารถยืนขึ้นมาได้ เขาพิงไปที่กำแพงแล้วค่อยๆ ไถลนั่งลงไปกับพื้น หลังจากที่ความอบอุ่นและแสงแดดของดวงอาทิตย์ซ่อนตัวเข้าไปในกลีบเมฆ เซี่ยเจิงก็เอาศีรษะของตัวเองฝังลงไปยังหัวเข่าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างดังลั่น
จริงๆ แล้วเขาคิดว่าตัวเขาเองสามารถร้องขอความอ่อนโยนอันน้อยนิดนี้ได้ แต่ทั้งหมดก็ถูกโจวเจ๋อหยวนจุดไฟเผาไปจนหมดสิ้น
……
“เสี่ยวเจิง พวกเราเป็นแบบเดียวกัน” ในความมืดมิดนี้เสียงของโจวเจ๋อหยวนกลับดังก้องอย่างชัดเจน “พวกเราเป็นแบบเดียวกัน”
“ฉันบอกให้นายหุบปาก !” โจวเจ๋อหยวนกำลังหยั่งเชิงดูขีดความอดทนของตัวเขาไปทีละขั้นๆ ทำให้เซี่ยเจิงอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป
“เสี่ยวเจิง นายเป็นแบบนี้มาตลอด อย่าปฏิเสธอีกเลย ทั้งหลอกตัวเอง หลอกคนอื่นแบบนี้ไม่เจ็บปวดหรือไง? ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของโจวเจ๋อหยวนช่างฟังดูน่ากลัวน่าขนลุก “ตอนครั้งแรก นายก็แข็งแล้ว ไม่ใช่หรือไง? นายไม่ชอบมันจริงๆเหรอ? ”
“ไอ้บ้านี่บอกให้หุบปากไปไง !”
ในที่สุดเซี่ยเจิงก็ตะโกนออกมาเสียงดัง แต่วินาทีถัดมาทั้งตัวของเขาก็สั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะความโกรธ ความรู้สึกละอายใจ ความหมดหนทางที่จะช่วยเหลือ หรืออาจจะเป็นเพราะบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
แต่ตัวเขาเองรู้ดีว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ คำพูดที่โจวเจ๋อหยวนพูดออกมาเมื่อครู่นี้จริงๆ แล้วมันเป็นความจริงที่ไม่อาจเถียงได้