Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1428
“มะ…ไม่ใหญ่…” ตอนนี้หญิงงามไม่สนใจเกียรติแล้ว ชายชราตรงหน้าให้ความรู้สึกที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ระดับความน่าสยดสยองทำให้นางอดนึกถึงตำนานหนึ่งไม่ได้!
สามเทพเต๋าขั้นเก้าแห่งแคว้นกู่จั้งในตำนาน หนึ่งคือจักรพรรดิ มีร่างมโหฬาร ฟ้าดินต้องกราบไหว้ ใช้สายเลือดราชวงศ์กับเต๋าสืบทอดสร้างบารมีไปทั่วหล้า ไม่ต้องทำสงครามก็ชนะหมื่นสนามรบ!
อีกคนหญิงงามไม่แปลกตา นั่นคือบรรพบุรุษสูงสุดของฝ่ายอสุรา ซิวหลัวเต้า!
อาศัยความบ้าอำนาจสูงสุดให้ฟ้าดินศิโรราบ ให้ทุกชีวิตยำเกรง ความบ้าอำนาจนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุดในเต๋าของฝ่ายอสุรา!
คนสุดท้าย คนอื่นไม่รู้จักนาม แต่หญิงงามที่เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสใหญ่ฝ่ายอสุรามีปีหนึ่งเคยพบกับบรรพบุรุษซิวหลัวเต้า เคยได้ยินเขาพูดจึงรู้ความลับที่คนอื่นไม่รู้ อย่างเช่นนามของเทพเต๋าขั้นสามคนที่สาม นั่นคือกูหง!
คนนี้ใช้ชีวิตโดดเดี่ยว นิสัยประหลาด คุ้มดีคุ้มร้าย เปลี่ยนไปราวกับเมฆ ต่างกับจักรพรรดิและซิวหลัวเต้าอย่างชัดเจน ทำตัวตามอำเภอใจ กระทั่งตอนที่บรรพบุรุษซิวหลัวเต้าพูดถึงคนนี้ สีหน้ายังไม่อาจสงบลงได้ เกิดคลื่นอารมณ์เล็กน้อย มีเพียงแค่ประโยคเดียวสำหรับเทพเต๋าขั้นเก้าคนที่สามนี้
‘ไร้ยางอายที่สุด!’
ตอนนี้หญิงงามจีอู๋เมิ่งตัวสั่นหวาดกลัวในใจ ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นนามที่บรรพบุรุษซิวหลัวเต้าเคยพูดถึง
เทพเต๋ากูหงผู้มีชื่อเสียงพอๆ กับเทพเต๋ากู่ตี้และซิวหลัวเต้า!
“ไม่ใหญ่รึ?” ตาแก่อึ้งไป กะพริบตาปริบๆ ด้วยสีหน้าลังเล เพิ่งกล่าวขึ้นเขาก็ใช้มือซ้ายล้วงเข้าไปในชุดคลุมเต๋าหญิงงามด้วยความถ่อยทรามยิ่ง จับเข้าที่ก้นนาง ดวงตาพลันเบิกโต เหมือนคลำเจอบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ…
“จะจะ…เจ้ากล้าหลอกข้า! เอ่อ…ไม่ใช่ๆ อะแห่ม ข้าต้องคลำดูให้ละเอียดก่อนถึงจะรู้ว่าจริงหรือไม่ หึหึ อย่าคิดปิดบังข้าเชียว” เดิมทีชายชรายังโกรธอยู่ แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นดวงตาเป็นประกายวาว รีบกระแอมไอหลายที มือซ้ายคลำในชุดคลุมเต๋าหญิงงามไม่หยุด
ยามนี้หญิงงามไม่ได้มีสีหน้ากระดากอาย นางอายุเท่านี้แล้วมีอะไรไม่เคยผ่านมาบ้าง จึงไม่อยากขัดเรื่องนี้ แต่จะให้ความร่วมมือ…
โดยเฉพาะตอนที่คาดเดาฐานะชายชรา ความตื่นกลัวในใจทำให้ลืมการต่อต้านไปแล้ว ถึงขั้น…ไม่อยากต่อต้านมากนัก
“หึหึ เจ้าหลอกข้าจริงๆ ด้วย แต่ข้าเป็นคนมีเหตุผล เอาแบบนี้ ข้าจะขอศึกษาอีกสักครู่ ดูว่าเจ้าพูดโกหกจริงๆ หรือไม่” ชายชรารีบคลึงอีกหลายที มีสีหน้าตรึกตรองอย่างจริงจัง
“หืม? เหตุใดถึงไม่รู้สึกเลย เฮ้อ คงอายุเยอะ ไม่ได้การ เพื่อความบริสุทธิ์ของแม่นางก้นใหญ่ท่านนี้ ข้าจะต้องทำการศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง” ขณะที่ชายชรากำลังเล่นสนุกจนลืมเหนื่อย ซูหมิงเมินเฉยต่อทุกอย่างที่ได้ยิน ตาแก่จะเล่นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว แต่ยกขวานขึ้นฟันลงหลายต่อหลายครั้ง ตัดฟืนแบ่งออกเป็นสองท่อน
จนกระทั่งผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ช่วงที่ใบหน้าหญิงงามเริ่มแดงเรื่อ ชายชราถึงดึงมือออกมาจากใต้ชุดคลุมเต๋าหญิงงามอย่างไม่อยากจาก ดวงตาถลึงโตเหมือนจะปะทุเพลิงความโกรธ
“สมควรตาย จะจะเจ้า เจ้าหลอกข้าอีกจริงๆ ก้นเจ้านี่ถือว่าเล็กรึ มีความยุติธรรมหรือไม่ มีกฏหมายบ้านเมืองหรือไม่ ฟ้าดินหนอ ดวงตะวันใหญ่บนฟ้ามองเห็นหรือไม่ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะกล้าบอกว่าตัวเองก้นเล็ก!” ชายชราโกรธอย่างยิ่ง พูดพลางชี้ผืนฟ้า
แต่ท้องฟ้าในตอนนี้…เป็นคืนมืด
มองไม่เห็นฟ้าดิน และก็ไม่เห็นดวงตะวันใหญ่อะไรนั่นด้วย แต่ชายชราเหมือนจะไม่สนใจ ตอนนี้ขณะตะโกน หญิงงามตัวสั่นแรงขึ้น พลังมากกว่าครึ่งถูกชายชราสูบไป ความรู้สึกร่างกายอ่อนยวบทำให้นางใช้สายตาอ้อนวอน
ตอนนี้ในใจนางรู้สึกเสียใจภายหลังถึงขีดสุด เกลียดตัวเองที่ไม่ควรมาหมู่บ้านภูเขาประหลาดนี่ มาสร้างปัญหาให้ซูหมิง ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่เจอกับคนที่นางหวาดกลัวคนนี้
“ข้า…” ขณะหญิงงามกำลังจะกล่าว ความโกรธของตาแก่เหมือนจะถึงขีดสุด จึงตะโกนเสียงดังไปทางซูหมิง
“ซูหมิง ซูหมิง เจ้าหยุดตัดฟืนก่อน หึหึ ไม่อยากเชื่อว่าแม่นางก้นใหญ่จะกล้าหลอกข้า เห็นๆ อยู่ว่านางก้นใหญ่ แต่กลับโกหก สมควรตายๆ หรือว่ามือข้าเล็กเกินไปกันแน่?
ไม่ได้การ นี่เป็นเรื่องที่จริงจังอย่างยิ่ง จะต้องมีพยาน มาๆๆ เจ้าโยนขวานทิ้งไปก่อน มาคลำดูแล้วบอกข้าว่าใหญ่หรือเล็ก!” ขณะชายชรากำลังตะโกนด้วยความโกรธ เดิมทีซูหมิงคิดว่าจิตใจตนสงบแล้ว แต่ตอนนี้กลับปั่นป่วนขึ้นมา เขาหยุดชะงัก หันหน้าไปยิ้มเฝื่อนมองตาแก่
“หืม? ยิ้มแบบนี้ เจ้าหนู หรือเจ้าเองก็ชอบแม่นางก้นใหญ่คนนี้ ฮ่าๆ ดูท่าพวกเราสองสองคนจะมีวาสนาต่อกันจริงๆ ไม่เสียแรงที่ข้าให้เจ้ากินเจ้าดื่ม ให้สุนัขขาวกับเจ้า ช่างถอะๆ ข้าเป็นคนตรงไปตรงมา มีคุณธรรมเสมออยู่แล้ว!
ตอนนั้นเจ้าหนูกู่ไท่กับข้ายังเคยไป…อะแห่มๆ เรื่องในอดีตช่างมันเถอะ เจ้าซูน้อย วางใจเถอะ คืนวันนี้จะให้เจ้านอนในบ้าน พวกเราสองคนจะคุยเรื่องความรักกับแม่นางก้นใหญ่อย่างดุเดือดด้วยกัน!” ชายชรายิ้มประมาณว่า ‘ข้าเข้าใจ’ พลางพูดกับซูหมิงอย่างตรงไปตรงมามาก
หญิงงามได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดเผือด แต่ในใจกลับไม่ได้หวาดกลัวเรื่องนี้เท่าไรนัก นางกลัวอยู่อย่างเดียวคือตอนนี้ต้องทำอย่างไรถึงหนีจากตาแก่คนนี้ได้
ช่วงที่ซูหมิงกำลังจะอธิบายเรื่องที่ตาแก่เข้าใจผิด ทันใดนั้นเองชายชราหมุนตัวกลับไปสบตากับสุนัขใหญ่สีขาวสองตัวพอดี ตอนนี้ในใจหญิงงามเต้นระรัว ใบหน้าซีดขาว กระทั่งแก่นแท้ของความตื่นกลัวยังย้ายมาอยู่ที่นี่
ตาแก่ลังเล
เขามีสีหน้าลังเล แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนมีคุณธรรมน้ำมิตรจริงๆ เป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ตอนนี้จึงสะบัดแขนเสื้อ ก่อนตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่เห็นๆ อยู่ว่าสนใจมาก แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“ช่างเถอะๆ มีขนก็ไม่เป็นไร พวกเจ้าโชคดีแล้ว หึหึ คืนวันนี้…รอพวกเราสองคนคุยเรื่องรักจบก่อน จะให้พวกเจ้าได้ลิ้มลองรสชาติรักด้วย”
“ผู้อาวุโสกูหง!” ความตื่นกลัวทางสีหน้าหญิงามรุนแรงกว่าก่อนหน้า นางกล่าวเสียงแหลมด้วยความร้อนรน เชื่อว่าด้วยฐานะและพลังของตาแก่ ในเมื่อพูดแล้วก็จะต้องทำอย่างแน่นอน
“เจ้าพูดอะไร เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ สมควรตาย นี่เป็นความลับ จะจะเจ้า…ข้าชื่อกูหง แต่นี่เป็นความลับ ข้าเกลียด ข้าเกลียด ซูหมิง เจ้ายังไม่มาพิสูจน์อีกว่านางก้นใหญ่หรือไม่!” ตอนนี้ตรงหัวชายชราเหมือนมีควันสีขาวลอยขึ้น ดวงตามีเส้นเลือดฝอย ตอนที่มองซูหมิง เหมือนว่าหากซูหมิงไม่มาคลำเขาจะระเบิดออก คิดว่าซูหมิงดูถูกเขา
ซูหมิงเงียบ แต่ไม่นานก็ยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มคู่กับสีหน้าเฉยเมย ทั้งยังกวาดสายตามองร่างหญิงงามแล้วพูดขึ้นช้าๆ
“เป็นอย่างที่ผู้อาวุโสว่าไว้ สตรีท่านนี้พูดโกหกจริงๆ”
“หืม? เจ้ายังไม่คลำก็รู้แล้วรึ?” ตาแก่มองซูหมิงอย่างสงสัย
“ชีวิตนี้แซ่ซูทำได้ถึงระดับที่ไม่ต้องสัมผัสก็แยกแยะได้ตั้งนานแล้ว จุดนี้ผู้อาวุโสยังต้องฝึกอีกเยอะ” ซูหมิงยิ้มตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยๆ
พูดจบ ตาแก่อึ้งไป ผ่านไปพักใหญ่สายตาที่มองซูหมิงพลันฉายแววเร่าร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังมีความรู้สึกของคนที่เข้าใจกันและกัน
“อะแห่มๆ บอกข้าที เจ้า…เจ้ามองออกได้อย่างไร? สอนข้าที ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็มาตกลงกัน ข้ามีข้าวของไม่น้อย และยังมีคาถาซับซ้อนอีกเล็กน้อย” ชายชรารีบพูดขึ้น
“ได้แค่ให้สัมผัส จะพูดถ่ายทอดให้ไม่ได้”
“มีเหตุผล มีเหตุผลมาก มีเหตุผลมากๆ มีเหตุผลอย่าง…หืม? ย่ามันเถอะ ก้นสุนัข เจ้าหลอกข้า!” ชายชราพยักหน้าโดยจิตใต้สำนัก แต่พูดได้ครึ่งหนึ่งก็เหมือนรู้ตัว จึงโกรธขึ้นมาโดยพลัน
ซูหมิงเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นรวดเร็วและดุดัน เมื่อมองเรือนร่างหญิงงามแล้ว หลายลมหายใจต่อมาก็พูดขึ้นเรียบๆ
“ฝึกเต๋าสามหมื่นแปดพันเจ็ดร้อยเก้าสิบสองปี เสียพรหมจารีตอนอายุสามสิบเก้า ชีวิตนี้มีคู่ชีวิตสิบเก้าคน สะโพกใหญ่สี่ฝ่ามือ!” ซูหมิงมีสีหน้าราบนิ่งมาก แต่เมื่อกล่าวขึ้น ตาแก่กลับมีสีหน้าตกตะลึง
“เจ้าพูดจาเหลวไหล!” หญิงงามกำลังจะพูดขึ้นก็ถูกความเลื่อมใสทั่วทั้งใบหน้าของตาแก่ขัดเสียก่อน
“ยอดฝีมือ ยอดฝีมือ ไม่คิดเลยว่าเจ้าซูน้อยจะเป็นยอดฝีมือ!”
“ยังต้องขอบคุณที่ผู้อาวุโสชี้แนะ” ซูหมิงยิ้มน้อยๆ
“มิกล้าให้คำชี้แนะ เรียกว่าเรียนรู้ซึ่งกันและกันดีกว่า เอ่อ…ฟ้าก็มืดแล้ว ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว ต้องคุยเรื่องรักกับแม่นางก้นใหญ่ท่านนี้” ดวงตาชายชราเปล่งประกาย เขาจับมือหญิงงามด้วยความตื่นเต้น ก่อนวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว หญิงงามไม่เป็นตัวของตัวเอง ทำได้เพียงถูกลากเข้าไปในบ้าน
“ผู้อาวุโสกูหง ข้าคือผู้อาวุโสใหญ่ของฝ่ายอสุรา ท่าน…ท่านอย่าทำแบบนี้ บรรพบุรุษซิวหลัวเต้าเขา…” หญิงงามรึบพูดขึ้น แต่ยังพูดไม่จบ ตาแก่ก็ตะโกนเสียงดังขึ้น
“สมควรตาย อย่าพูดถึงไอ้บัดซบซิวหลัวเต้า! ข้าจะหาสตรีก้นใหญ่ ทั้งแคว้นกู่จั้งไม่มีใครกล้าไม่บอกนามข้า แต่ไอ้บัดซบซิวหลัวเต้ามันกล้า!
ไม่ว่าจะเป็นไอ้บัดซบนั่นหรือจักรพรรดิสมควรตายล้วนมีบ้านมีกิจการ ข้าตัวคนเดียว ใครจะกล้าล่วงเกิน!” ตาแก่พูดอย่างโอหังถึงขีดสุด ก่อนพาหญิงงามกลับเข้าไปในบ้าน ปิดประตูดังปัง
“หืม เจ้าซูน้อย เหตุใดยังไม่เข้ามาอีก รีบเข้ามาเร็ว” ไม่นานประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ตาแก่มองซูหมิงอย่างจริงจัง
“นี่เป็นโชควาสนาของเจ้า เจ้าต้องคิดให้ดี จะเข้าหรือไม่เข้า”