Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1433
“ทำลายประตู!” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ สุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวข้างหลังดวงตาเปล่งประกาย พวกมันคือผู้แข็งแกร่งเต๋าสูงศักดิ์ห้าคนของสำนักเอกะเต๋าและฝ่ายอสุรา ทุกตัวล้วนอยู่ระดับเดียวกับสวี่จงฝาน ไม่ว่าอยู่สำนักใด ห้าคนนี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสใหญ่
หากห้าคนร่วมมือกันก็จะอยู่ในระดับบางอย่าง ถึงขั้นเปลี่ยนวงโคจรของหนึ่งสำนักได้ ตอนนี้ต้องติดตามซูหมิง ต้องอดกลั้นเพลิงโทสะไว้ ไม่กล้าเผยออกมาแม้แต่น้อย เวลานี้เมื่อซูหมิงกล่าวขึ้น สุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวจึงพุ่งตรงเข้าไปทันที แม้จะมีร่างสัตว์เดรัจฉาน แต่ตอนที่เดินทาง พลังพวกมันกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง นอกจากจะถูกซูหมิงกุมความเป็นตายกับร่างกายเปลี่ยนไปแล้ว พลังพวกมันไม่เปลี่ยนไปจากอดีตเลย
สุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวโจมตีอย่างสุดกำลัง เทียบเท่ากับผู้อาวุโสเต๋าสูงศักดิ์ห้าคนลงมืออย่างสุดกำลัง เสียงครึกโครมดังก้องไปทั้งถ้ำ เกิดแรงสั่นสะเทือนจากเสียงก้องไม่มีสิ้นสุด ได้ยินไปข้างนอกภูเขา เหมือนมีคนกำลังตะโกน
ประตูน้ำแข็งเกิดเสียงกึกๆ พร้อมกันนั้นซูหมิงหรี่ตาลง เห็นเพียงแค่รอยร้าวของประตูมันก็ฟื้นฟูกลับมามีสภาพเดิม ราวกับว่าการลงมือของเต๋าสูงศักดิ์ห้าคนไม่อาจทำลายมันได้
แต่ว่าบนประตูน้ำแข็งปรากฏอักษรโบราณแถวหนึ่ง
‘คารวะเป็นศิษย์ข้า มอบของเซ่นไหว้แก่ข้า ผู้มีชะตาต้องกันจะได้เข้า!’
ซูหมิงมองแถวอักษรนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดปรมาจารย์ดาราถึงเข้าไปในนี้ได้ แต่ซูหมิงจะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด เขาคารวะกูหงเป็นอาจารย์แล้ว นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายจริงใจกับเขาจากใจจริง จะให้เขาไปคาระเสวียนจั้งก็คงทำไม่ได้
นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา เขาเดินมาอยู่หน้าประตู ยกมือซ้ายขึ้นกดประตู โบกมือขวาไปข้างหลัง ฝ่ามือตั้งขึ้น ตอนนี้เองสุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวพลันเข้ามาใกล้แล้วสัมผัสมือขวาซูหมิงทีละตัว ให้พูดจริงๆ คือเป็นการสัมผัสสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวบนมือขวาต่างหาก
พลังมหาศาลจากในตัวสุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวไหลผ่านมือขวาเข้าสู่ร่างกายเขา ขณะเดียวกันนัยน์ตาเขาเป็นแสงหม่น ทันทีที่มือซ้ายกดประตูน้ำแข็งก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ
“กาลเวลาย้อนกลับ!” เขาจะใช้พลังย้อนเวลาประตูน้ำแข็งนี้ กลับไปเมื่อไม่รู้กี่ปีก่อนตอนที่มันยังไม่สร้างขึ้น
ต้องย้อนไปกี่ปีนั้นซูหมิงไม่รู้ แต่นี่คือวิธีเดียวที่จะทำลายประตูนี้ได้!
เวลาผ่านไป มวลอากาศรอบตัวซูหมิงเหมือนบิดเบี้ยว นั่นคือร่องรอยที่เกิดจากการย้อนเวลา ไม่นานนักบนประตูน้ำแข็งปรากฏเงาสะท้อน เงานั่นไม่ใช่ของซูหมิง แต่เป็น…ปรมาจารย์ดารา
มองจากเงาสะท้อนนี้ ปรมาจารย์ดารามาที่นี่เมื่อหลายปีก่อน คารวะประตูนี้ จากนั้นช่วงที่ร่างเงาเขาหายไป อู่ไป๋ในสุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวข้างหลังซูหมิงตัวสั่น ล้มลง พลังทั่วร่างถูกสูบไป แต่เมื่อล้มลงแล้วก็โคจรพลังทันที รีบฟื้นพลังกลับมาให้เร็วที่สุด
ถึงอย่างไรพลังที่ถูกสูบไปก็ไม่ได้อยู่ในร่างกาย และก็ไม่ได้ทำลายรากฐานของอู่ไป๋ อีกทั้งมีแต่การทำลายรากฐานเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนพลังอีกฝ่ายให้เป็นของตัวเองได้ ดังนั้นการใช้วิธีนี้จึงไม่ส่งผลต่ออู่ไป๋มากนัก
เวลาผ่านไปทีละลมหายใจ เมื่อสุนัขใหญ่สีขาวหลายตัวข้างหลังซูหมิงพากันล้มลง ทันใดนั้นประตูน้ำแข็งตรงหน้าซูหมิงเริ่มบางลง จนครู่หนึ่งผ่านไป ตอนนี้ประตูน้ำแข็งเหลือเพียงผิวหนึ่งชั้นก่อนหายไปในพริบตา ตอนนี้เองดวงตาซูหมิงเป็นประกาย เขาได้เห็นภาพที่คนอื่นไม่เห็น
ในภาพนั้นเขาเห็นเงาแผ่นหลังชุดคลุมดำคนหนึ่งอยู่ตรงหน้า ยกมือขวาขึ้นเหมือนยกแขนเสื้อไปทางจุดที่เคยมีประตูน้ำแข็ง เงาแผ่นหลังนี้ ซูหมิงไม่เคยลืม นั่นคือ…เสวียนจั้ง!
ซูหมิงไม่ได้หน้าเปลี่ยนสีมากนัก กระทั่งเพียงแค่มองภาพแวบเดียวแล้วก็เดินหน้าไป วูบเดียวก็เข้าไปในถ้ำ
ทันทีที่เข้ามา ประตูน้ำแข็งข้างหลังพลันปรากฏมาอีกครั้งเหมือนปกติทุกอย่าง ไอหนาวน่าตกใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ซูหมิงยืนอยู่ในถ้ำแล้ว
เขากวาดสายตามองไปรอบๆ สิ่งที่เห็นในแวบแรกคือตรงหน้าสุดของถ้ำมีกระจกยักษ์บานหนึ่ง ตรงข้ามกระจกมีเบาะนั่งทรงกลมอันหนึ่ง
ส่วนรอบๆ มีห้องลับอีกหกห้อง ตอนนี้มีสามห้องถูกเปิดออก อีกสามห้องที่เหลือปิดผนึกไว้
ช่วงที่ละสายตากลับ ซูหมิงมาอยู่นอกห้องลับปิดผนึกห้องแรก ขณะตรึกตรองก็กดมือขวาบนผนังหิน แต่พริบตาที่มือขวาสัมผัสผนังหิน บนผนังหินเกิดระลอกคลื่นเป็นวงกว้าง ทำให้ผนังหินค่อยๆ โปร่งใส
ซูหมิงจึงมองทะลุผนังหินไปเห็นว่าในห้องลับมีโครงกระดูกนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับร่างหนึ่ง ตรงข้ามโครงกระดูกเป็นเตาหลอมยายักษ์ เหมือนว่ากำลังหลอมยาก่อนตาย
ภายในห้องลับยังมีชั้นวางอีกเล็กน้อย ด้านบนวางขวดยาเอาไว้ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่จะเอียงล้ม บนพื้นมีเศษขวดยาแตกอีกมาก มีขวดยาจำนวนมากวางเกลื่อนพื้น
แต่ที่ยังสมบูรณ์ก็ยังมีอยู่บ้าง แม้ไม่มาก ทว่าจากแสงสว่างพร่างพราวของขวดยาเหล่านั้นแล้ว จะเห็นได้ว่ามันไม่ธรรมดา
ดวงตาซูหมิงขยับประกายวูบไหว คิ้วขมวดขึ้น พริบตาที่ยกมือขวา ระลอกคลื่นประตูหินห้องลับแข็งตัว กลับมาเป็นประตูหินอีกครั้ง มองไม่เห็นภายใน
‘น่าเสียดายพลังการย้อนเวลา ด้วยพลังข้าตอนนี้ยังใช้ต่อไม่ได้…พลังที่เหลืออยู่ก็ต้องใช้ตอนกลับ’ ซูหมิงขบคิดพลางเดินมาถึงนอกห้องลับปิดผนึกที่สอง ยกมือขวาขึ้นสัมผัสประตูหินเหมือนเดิน ระลอกคลื่นจากประตูหินพลันขยายเป็นวงกล้าง กลายเป็นโปร่งใส
ซูหมิงมองแวบเดียวก็เห็นว่าในห้องลับมีโครงกระดูกร่างหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรี นางนั่งขัดสมาธิอยู่ ตรงหน้ามีเข็มทิศอันหนึ่ง เข็มทิศนี้หายไปมุมหนึ่ง เหมือนก่อนตายนางพยายามจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายซ่อมเข็มทิศ
ซูหมิงจ้องเข็มทิศนั้น มองไปมองมาดวงตาเปล่งแสงหม่น หากขยายเข็มทิศนี้ไปไม่รู้กี่เท่า นั่นคือเข็มทิศที่เสวียนจั้งนั่งอยู่ในความทรงจำเขา!
ขณะเงียบอย่นี้ ซูหมิงยกมือขวาขึ้น ก่อนเดินมาถึงห้องลับปิดผนึกห้องสุดท้าย ทันทีที่มือขวาสัมผัสห้องลับ ดวงตาเขาหรี่แคบลง เหมือนมีเสียงคำรามสะเทือนฟ้าดังกึกก้องในใจ
เสียงคำรามนี้สมจริงอย่างยิ่ง ตอนที่ระลอกคลื่นประตูหินกระจายออกกลายเป็นโปร่งใสนั้น ในที่สุดซูหมิงก็ได้เห็นว่าคนที่คำรามในใจเขาเป็นใคร!
นั่นคือ…งูเหลืองสีดำตัวหนึ่ง หางมันมีหัวมังกรดุร้าย ตอนนี้อยู่ในห้องลับ ไม่ว่าจะเป็นงูเหลือมหรือหัวมังกรต่างกำลังร้องคำรามใส่ซูหมิงนอกประตูหิน
เมื่อมันร้องคำราม แรงปะทะไร้รูปเหมือนข้ามผ่านประตูหินเข้าใส่ ทำให้เกิดแรงสะเทือนต่อความทรงจำขึ้น กระทั่งตอนที่สะเทือนเข้ามา ความคิดซูหมิงพลันถูกฉีกออก เปิดออกเป็นฟ้ากระจ่างดาวแห่งหนึ่ง
ในฟ้ากระจ่างดาวนี้มีดาวอยู่นับไม่ถ้วน ดาวเหล่านี้กำลังเรียงตัวกันอย่างรวดเร็ว เชื่อมกันเป็นแส้ยักษ์เส้นหนึ่ง!
“เข้าร่วมสำนักจะมีชะตาต่อกัน สามประตูเปิดได้ สามประตูไม่มีเจ้าของเปิดไม่ได้ ขอมอบเงาสะท้อนดาราแก่เจ้า ตามหาร่องรอยเจ้าของ!”
เสียงนี้แฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมาเนิ่นนาน แต่กลับดังสนั่นในความคิดซูหมิงราวกับฟ้าผ่า สะเทือนร่างเขา ทำให้เขาต้องยกมือขวาขึ้น ร่างเซถอยไปสามเก้า มุมปากมีโลหิตไหล ตอนที่เงยหน้าขึ้น เขาจ้องประตูหินที่กำลังคืนจากสภาพโปร่งใสอย่างรวดเร็ว มองไปแวบแรกไม่เห็นงูเหลือมและหัวมังกร แต่เห็นในห้องลับนั้นมีกำไลข้อมือเชือกเล็กสีดำอันหนึ่งลอยอยู่!
สิ่งนี้คือเชือกที่ใช้ร้อยไข่มุกวิญญาณหวนคืนเก้าเม็ดบนมือขวาเสวียนจั้งในความทรงจำเขา!
ซูหมิงเช็ดโลหิตตรงมุมปาก เป้าหมายที่เขามาที่นี่ก็เพื่อแส้ดารา ตอนนี้ดวงตาขยับประกาย ยกมือขวาขึ้นรวมพลังแห่งเวลาชี้ไปยังประตูหินที่มีแส้ดารา
แต่ทันทีที่ชี้ไป ประตูหินพลันสั่นสะเทือน แรงสะท้อนกลับรุนแรงโถมกลับมาที่เขา เหมือนพลังการย้อนเวลาถูกสะท้อนกลับ จังหวะที่เห็นจะว่าจะจมร่างตนนั้น ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ พลังย้อนเวลาหายไปทันที
ซูหมิงหน้ามืดทะมึน จ้องประตูนั้นอยู่นาน
‘การย้อนเวลาไม่มีผลกับประตูนี้…’ ซูหมิงขมวดคิ้วพลางกวาดสายตามองภายในถ้ำ ตอนที่มองกระจกโบราณ ในใจกลับสั่นไหว เมื่อเข้าไปใกล้ช้าๆ แล้วก็เห็นตัวเองในกระจก เขาเห็นใบหน้าของหวังเทา
มองกระจกโบราณเงียบๆ พลางตรึกตรอง ก่อนนั่งลงบนเบาะตรงข้ามกระจกโบราณนั้นช้าๆ ทันทีที่นั่งลง เขาเงยหน้าขึ้นมองกระจกโบราณ ดวงตาเป็นประกายเรืองรอง
“เป็นเช่นนี้จริงๆ!” ซูหมิงพูดเสียงเบา มองไปในกระจกโบราณ สิ่งที่เห็น…ไม่ใช่หวังเทาอีก และก็ไม่ใช่เขาซูหมิง แต่เป็นใบหน้าที่ไม่มีวันลืม สวมชุดคลุมดำนั่งขัดสมาธิ…เสวียนจั้ง!
‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้…’ ซูหมิงถอนหายใจเบา ก่อนใช้มือขวากรีดปลายนิ้วโลหิตไหลแล้วสะบัดมือขวา พลันมีโลหิตสามหยดลอยไปตกที่ประตูสามบานที่ปิดผนึกอยู่
พริบตาที่โลหิตสามหยดลอยไปตกที่ประตูหินสามบาน ประตูหินสามบานนั้นเกิดเสียงครึกโครมโดยพลัน เมื่อกลายเป็นโลหิตแล้วก็ยืดยาวออกไปรอบๆ พร้อมกันราวกับหลอมละลาย ทำให้ประตูหิน…ถูกเปิดออก!
เมื่อประตูหินเปิดออก แส้ดาราที่มีตัวเป็นงูเหลือง หางเป็นหัวมังกรก็พุ่งตรงมาที่ซูหมิงทันที เขาเงียบ ไม่หลบ แต่นัยน์ตาฉายแววเด็ดขาดพร้อมกับยื่นมือขวาไปยังงูเหลือม ชั่วขณะที่งูเหลือมเข้ามาใกล้ ร่างงูหายไปกลายเป็นกำไลเชือกสีดำสวมเข้าที่ข้อมือขวา
ขณะเดียวกันเข็มทิศในห้องลับของโครงกระดูกสตรีก็ส่งเสียงอื้ออึงบินเข้ามาใกล้เขาทันที ตอนนี้เองมันหลอมรวมกับเบาะนั่งใต้ร่างเขา ทำให้ใต้ร่างปรากฏเป็นเข็มทิศยักษ์อันหนึ่ง!
ซูหมิงเงยหน้าขึ้นเงียบๆ ช่วงที่ทั้งถ้ำส่งเสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้าดินราวกับแผ่นดินไหวนั้น เขามองกระจกโบราณอีกครั้ง
“ข้าไม่ใช่เจ้า” ซูหมิงพูดขึ้นเรียบๆ