Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1435
นอกเทือกเขาล้านลูก ตอนนี้มีสายรุ้งยาวสามสายข้างหน้าหนึ่งข้างหลังสองกำลังห้อทะยานผ่านฟ้า ในสายรุ้งยาวตรงหน้าสุดเป็นสตรีคนหนึ่ง นางหน้าซีดขาว แต่ยิ่งซีดก็ยิ่งดูสะอาดดึงดูดคนได้อย่างชัดเจน
นางมีใบหน้างดงามมาก กระทั่งพูดได้ว่าสวยมากกว่างดงาม โดยเฉพาะส่วนคอรวมถึงไฝจางๆ ตรงมุมปาก ทำให้ความรู้สึกสวยหยาดเยิ้มมากกว่าเดิมเล็กน้อย
ตอนนี้นัยน์ตานางฉายแววตกใจ กำลังห้อเหยียดไปข้างหน้า คนที่ไล่ตามข้างหลังเป็นบุรุษวัยกลางคนสองคน สองคนนี้มีสีหน้าเย็นชา การลงมือเต็มไปด้วยจิตสังหาร ขณะไล่ตามก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้เทือกเขาล้านลูกทางตะวันตกเฉียงใต้
“สหายสวี่ ขโมยสมบัติล้ำค่าของสำนักเรา เจ้าหนีไม่รอดแน่!” สองคนที่ไล่ตามหนึ่งในนั้นกล่าวราบเรียบ เสียงดังก้องกังวาน
“เห็นๆ อยู่ว่าท่านชายพวกเจ้ามอบให้ด้วยตัวเองแล้ว ไฉนถึงพูดว่าขโมย!” หญิงคนนั้นแค่นเสียงขึ้นขมูก ขณะกล่าวดวงตาวาววับ นางพุ่งตรงไปที่เทือกเขาล้านลูก นางรู้ถึงความประหลาดของที่นี่นานแล้ว เข้าใจว่าจิตสัมผัสจะถูกควบคุมอย่างรุนแรงที่นี่ หากทิ้งระยะห่างได้เล็กน้อย อีกฝ่ายก็ยากจะหาตนพบ
“หนีเข้าไปยอดเขาล้านลูกก็ไม่มีประโยชน์ ก่อนข้าสองคนไล่ตามมาได้ระบุตำแหน่งเจ้าไว้แล้ว ก็น่าจะรู้ว่าข้างหลังพวกเรายังมีศิษย์ในสำนักอีกมากได้รับคำสั่งให้ล่าสังหารเจ้า ตอนนี้กำลังเดินทางมา” คนทางขวาจากสองชายวัยกลางคนพูดขึ้นเรียบๆ พลันยกมือขวาขึ้น มีตะขาบยักษ์หลายตัวบินออกมาจากในแขนเสื้อ ตะขาบพวกนี้ไม่ใช่ร่างจริงๆ แต่รวมจากหมอก ถึงขั้นมองแวบแรกจะเหมือนมีคนวาดด้วยหมึกดำ
ตอนนี้ขณะบินออกไปก็ร้องเสียงแหลมพลางพุ่งไปหาหญิงคนนั้น
นางหน้าซีด ทันทีที่ตะขาบหลายตัวนั้นเข้ามาใกล้ นางประสานมุทราชี้ไปข้างหลัง พลันปรากฏร่างเงาแมงป่องตัวหนึ่งขึ้น มันร้องเสียงดังเช่นกัน เมื่อปะทะกับตะขาบเหล่านั้นแล้วก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ก่อเป็นระลอกคลื่นแรงปะทะม้วนตลบไปรอบๆ นางจึงอาศัยแรงปะทะนี้เพิ่มความเร็วได้ไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าผู้ล่าข้างหลังใช้วิชาอะไรถึงความเร็วไม่ลดลงในแรงปะทะ แต่กลับเร็วกว่าเดิมอีก
สามคนสายรุ้งสามสายมาปรากฏเหนือยอดเขาล้านลูก ลากผ่านผืนฟ้าไป
เห็นสตรีตรงหน้าฝ่าเข้ามาถึงยอดเขาล้านลูกที่จิตสัมผัสถูกควบคุมแล้ว ชายวัยกลางคนสองคนที่ไล่ตามมาไม่เพียงไม่ลังเล แต่กลับยิ้มเยาะมุมปาก
แทบเป็นขณะเดียวกับที่พวกเขายิ้มเยาะพร้อมกับนางเข้าไปในเทือกเขาล้านลูกนั้น ตรงหน้านางปรากฏสายรุ้งยาวหลายสิบสายขึ้น ก่อนพุ่งตรงไปหานาง
นางหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน สองทางซ้ายขวามีสายรุ้งบนฟ้าไกลๆ ประกบหน้าหลังซ้ายขวาเป็นผนึกปิดล้อม!
นางหรี่ตาแคบลง ตอนนี้เองมีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังแว่วมาจากบนฟ้า ปรากฏผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนขึ้น ผู้ฝึกฌานเหล่านี้มีหลายสิบคนแบกเกี้ยวยักษ์มาอันหนึ่ง บนเกี้ยวเป็นเก้าอี้ยักษ์ ชายหนุ่มสวมชุดคลุมชมพูนั่งอยู่ตรงนั้น รอบๆ ยังมีผู้ฝึกฌานสตรีผ้าน้อยชิ้นอีกสี่ห้าคนกำลังเกาะติดเขา มองสตรีแซ่สวี่อย่างเย็นชา
“นางสารเลว เอาสมบัติล้ำค่าของข้าไปแล้วยังกล้าขัดขืนการเป็นหม้อหลอมข้าอีก ครั้งนี้ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะหนีอย่างไร หลังจับเจ้าแล้วข้าจะชิมรสชาติเจ้าก่อน วางใจเถอะ ข้าจะไม่ให้เจ้าตายหรอก แต่จะมอบเจ้าให้กับผู้ติดตามข้ามาที่นี่ทุกคน!” ชายหนุ่มมีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับมีความเหี้ยมโหดเพิ่มมา ดวงตาเป็นประกายเย็นชา เอ่ยพร้อมเผยความโอหังออกมาอย่างไร้รูป
“จำไว้ ข้าต้องการเป็นๆ!”
หญิงแซ่สวี่หน้าซีดกว่าเดิม นางกัดฟันงามขยับวูบไหว ข้างหลังปรากฏหมอกดำหมุนตลบ ขณะเดียวกับที่ปรากฏเงามายาตะขาบยักษ์ขึ้น นางพุ่งตรงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว แต่ต่อให้เร็วกว่านี้อีก โดยรอบก็ยังมีผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนปิดผนึก พอนางขยับตัวผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนนั้นต่างยิ้มเยาะและบินไปพร้อมกัน บีบหญิงแซ่สวี่ให้ลงไปยังพื้นดินราวกับตาข่ายที่มีการป้องกันอย่างหนาแน่น
เหมือนว่านางจะหนีไม่รอดแล้ว ช่วงที่ถูกบีบให้ลงไปยังแผ่นดินก็รู้สึกเหมือนมีฝาครอบปิดนางเอาไว้ ไม่มีโอกาสหนีไปได้เลย นางรู้ในจุดนี้ดี แต่ผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนรอบๆ ทำให้ไม่ว่านางจะหนีไปทางใด ขอเพียงถูกขวางเอาไว้ ไม่ต้องถูกบีบให้ลงพื้นดินก็ถูกปิดล้อมในพริบตาแล้ว
ตรงหน้ามีอยู่ทางเดียวคือข้างล่าง แต่เส้นทางนี้ก็มีขีดจำกัด เว้นแต่…แผ่นดินจะไม่มีสิ้นสุด แต่นี่เป็นไปไม่ได้ ทว่าตอนนี้เอง ขณะที่หญิงแซ่สวี่กำลังร้อนรน ผู้ฝึกฌานรอบๆ บีบลงพื้นดินอย่างรวดเร็วราวกับตาขายใหญ่นั้น นางพลันเห็นว่ากลางเทือกเขาข้างล่างมียอดเขาหนึ่ง บนยอดเขามีผู้ฝึกฌานสวมชุดคลุมดำคนหนึ่งยืนอยู่
เส้นผมยาวของผู้ฝึกฌานคนนี้ปลิวไสวตามสายลมภูเขา ข้างหลังมีสุนัขสีขาวห้าตัว
นั่นคือซูหมิง
ทันทีที่เห็นซูหมิง หญิงแซ่สวี่ใจเต้นระรัว แต่พอมองดีๆ นางไม่เคยเห็นคนนี้ในสำนักมาก่อน ขณะใจสั่นไหวก็พุ่งทะยานไปพลางพูดขึ้น
“ศิษย์พี่จางช่วยด้วย!” ขณะกล่าว ตัวนางเหมือนเปลี่ยนทิศทางพุ่งตรงไปหาซูหมิง
“นางสารเลวมีคนช่วยอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย สังหาร ข้าต้องการนางสารเลวเป็นๆ คนอื่นฆ่าทิ้งเสีย!” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บนฟ้ากัดผลเซียนที่สตรีข้างกายคนหนึ่งส่งมาให้คำหนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างโอหัง
พูดจบ หลายร้อยคนที่ล่าหญิงแซ่สวี่จึงแบ่งไปสิบกว่าคน ตรงดิ่งไปหาซูหมิง
ขณะเดียวกันหญิงแซ่สวี่เห็นดังนั้นแล้วก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ร่างเงาตะขาบข้างหลังระเบิดตัวเองออก กลายเป็นแรงปะทะม้วนร่างนางให้เข้าไปใกล้ยอดเขาที่ซูหมิงอยู่ มาปรากฏอยู่ข้างหลังเขา ก่อนพูดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่รอช้า
“ศิษย์พี่จางรีบหนีเร็ว ของซ่อนไว้ในที่ที่ท่านต้องการแล้ว ไปพบกันอีกจุดที่เรานัดกันเอาไว้ก่อนหน้านี้!”
หญิงแซ่สวี่พูดจบก็นึกลำพองใจ แอบคิดว่าครั้งนี้ถือว่าเจ้าคนนี้ดวงซวยแล้วกัน หวังว่าเขาจะล่อคนไปได้จำนวนหนึ่ง แบบนี้ตนมีโอกาสหลบหนีได้เล็กน้อย
นางเผยอุบายไว้มากมาย เดิมทีไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงสำคัญเลยมีประโยชน์อยู่บ้าง
ทว่าเมื่อนางพูดจบ ก็มีเสียงเรียบนิ่งดังแว่วมาข้างหู
“จะไปแบบนี้รึ?” ขณะเดียวกับที่เสียงนี้ดังขึ้น ร่างหญิงแซ่สวี่ที่กำลังจะพุ่งทะยานไปพลันแข็งค้าง ทั้งตัวเหมือนถูกพลังไร้รูปมัดเอาไว้ ไม่อาจขยับตัวได้ จึงหยุดอยู่ข้างหลังซูหมิง
เหตุการณ์นี้ทำให้นางหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ตอนนี้เองผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนรอบๆ เข้ามาใกล้ ปิดล้อมยอดเขาที่ซูหมิงอยู่
ผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนนี้ไม่มีใครบรรลุขั้นกายเต๋า กระทั่งไม่มีขั้นไม่อาจกล่าว ต่อให้เป็นสตรีคนนี้ก็อยู่เพียงขั้นภัยพิบัติเท่านั้น
ขณะเดียวกับที่ยอดเขาถูกปิดล้อม ซูหมิงไม่สนใจคนเหล่านั้นรอบๆ แต่หมุนตัวกลับมามองหญิงแซ่สวี่ที่ตอนนี้หน้าซีดขาว
นางมองซูหมิงด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้หากยังไม่รู้ว่าซูหมิงแกร่งกว่านางมาก เช่นนั้นนางก็คงยากจะมีชีวิตรอดในแคว้นกู่จั้งมาจนถึงตอนนี้ได้
“ผู้อาวุโส…” ชั่วขณะที่หญิงแซ่สวี่กล่าวขึ้น ผู้ฝึกฌานรอบๆ ที่ไม่รู้สูงต่ำเริ่มโจมตีซูหมิง แต่พริบตาที่พวกเขาลงมือ ซานไป๋สามขาในสุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวพลันเห่าเสียงดังบนฟ้า
เสียงเห่าเพิ่งดังขึ้น ฟ้าดินพลันเกิดเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า ชั้นเมฆแตกกระจาย ที่แหลกสลายไปพร้อมกันยังมีหมอกโลหิตที่ออกมาจากรอบๆ ยอดเขา นั่นคือหมอกโลหิตจากร่างผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนที่ถูกเสียงเห่าสะเทือนทำลาย
ภาพนี้ทำให้หญิงแซ่สวี่ตื่นกลัว แม้แต่ชายหนุ่มบนฟ้ายังตัวสั่น สตรีหลายคนรอบๆ ร่างแหลกสลายไป โลหิตจึงสาดบนตัวเขาเป็นสีเลือด ชั่วขณะที่เขากรีดร้องนั้น รอบๆ ปรากฏร่างเงาสี่สายขึ้น
เป็นชายชราสี่คน สี่คนนี้มีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง ดวงตาขยับประกายวาววับ ในตัวพวกเขาแผ่กลิ่นอายพลังของกายเต๋า สี่คนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งจิตเต๋าขั้นหนึ่ง
“ผู้อาวุโส…ผู้อาวุโสไว้ชีวิตด้วย ก่อนหน้านี้ผู้เยาว์ถูกคนชั่วบีบให้ไม่มีทางเลือก เลยมาหลบภัยที่ผู้อาวุโส หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษ หญิงตัวน้อยๆ อย่างข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ…” หญิงแซ่สวี่พูดอ้อนวอนซูหมิงทันที น้ำเสียงสั่นไหวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากลัวเขามาก
“เจ้ามีนามว่าอะไร” ซูหมิงมองสตรีตรงหน้าก่อนถอนหายใจเงียบๆ ใบหน้านางเหมือนกับสวี่ฮุ่ย แม้แต่ไฝยังเหมือนกัน
“ผู้เยาว์สวี่ฮุ่ย” หญิงแซ่สวี่รีบตอบกลับ ในใจเป็นกังวลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสุนัขใหญ่ที่ดูไม่เตะตา ไม่อยากเชื่อว่าเสียงเดียวจะทำให้คนหลายร้อยคนสลายไป ภาพนี้สร้างความตกใจแก่นางมากเกินไปจริงๆ เป็นที่รู้ว่าสุนัขใหญ่แบบนี้…มีทั้งหมดห้าตัว!
“ดื่มสุราเป็นหรือไม่?” ซูหมิงหลับตาลง ปกปิดความเศร้าและหวนรำลึกในดวงตา
“หา?” หญิงแซ่สวี่อึ้งไป ขณะลังเลยังไม่ทันตอบ ซูหมิงลืมตาขึ้นแล้ว
“เจ้าดื่มสุราเป็นเพื่อนข้าสักครั้ง ข้าจะช่วยเจ้าจัดการเรื่องที่นี่” ซูหมิงพูดจบก็หมุนตัวกลับสะบัดแขนเสื้อ สุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวข้างกายพุ่งขึ้นฟ้าไปทันที
บนฟ้า ชายหนุ่มบนเก้าอี้หน้าขาวซีด กรีดร้องเสียงแหลม ตอนนี้เองชายชราสี่คนรอบๆ หรี่ตาลง ภยันตรายเป็นตายร้ายแรงทำให้พวกเขาสี่คนไม่กล้าลงมือ แต่คว้าชายหนุ่มหมุนตัวจะหนีไป
ทว่าสุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวนั้นพุ่งออกไปแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีทางหนีรอดไปได้ พริบตาเดียวก็ถูกตามทัน เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น
“เจ้ากล้าทำร้ายข้ารึ ข้าคือบุตรของผู้อาวุโสใหญ่สำนักเสาะหาเมฆา บิดาข้าบรรลุเต๋าสูงศักดิ์! เจ้า…” คำพูดเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง แต่ก็เงียบลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สุนัขใหญ่ห้าตัววิ่งกลับมา ในปากคาบศีรษะซีดขาวของชายหนุ่มคนนั้นมาด้วย