Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1436
อู่ไป๋โยนศีรษะชายหนุ่มไว้ข้างซูหมิงแล้วเห่าเสียงต่ำ สวี่ฮุ่ยไม่เข้าใจเสียงนี้ แต่สุนัขใหญ่สีขาวอีกสี่ตัวเข้าใจ
“ข้าก็เป็นเต๋าสูงศักดิ์เหมือนกัน!” นี่คือคำพูดอู่ไป๋
“ข้าก็เป็นเต๋าสูงศักดิ์เหมือนกัน!”
“ย่ามันเถอะ พวกเจ้าล้วนเป็นเต๋าสูงศักดิ์ แล้วคิดว่าข้าไม่ใช่เต๋าสูงศักดิ์รึ!” สุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวต่างเห่าหลายทีแล้วนอนหมอบข้างซูหมิง ขยับหัวชายหนุ่มไปมา
สวี่ฮุ่ยสูดลมหายใจเข้า ใบหน้าขาวซีดกว่าเดิม สายตาที่มองซูหมิงมีความหวาดกลัวยากจะบรรยาย การล่าสังหารเป็นตายที่นางคิดถูกซูหมิงแก้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ได้ลงมือเลย เพียงแค่สุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวก็ทำได้ทุกอย่าง
โดยเฉพาะชายชราสี่คนที่ปรากฏรอบตัวชายหนุ่มก่อนหน้า สวี่ฮุ่ยจำได้แม่นว่านั่นคือสี่ผู้อาวุโสของสำนักเสาะหาเมฆา พลังของสี่คนนี้แทบจะเรียกว่ามหาศาล นั่นคือขอบเขตจิตเต๋าที่เหนือกว่าขั้นไม่อาจกล่าว!
ส่วนขอบเขตพลังโดยละเอียดนั้น สวี่ฮุ่ยไม่รู้ แต่ในมุมมองนาง ชายชราสี่คนนั้นเป็นดั่งสวรรค์ หากนางรู้ว่าสี่คนนี้อยู่มาตลอด คาดว่าคงหมดแรงในการหนีไปแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าสี่คนนี้ปกป้องชายหนุ่ม จึงไม่ออกหน้าเพราะเรื่องของนาง
ทว่าผู้แข็งแกร่งแบบนี้กลับถูกสุนัขหลายตัวข้างกายคนตรงหน้าฉีกทึ้งร่างอย่างง่ายดาย วิญญาณสลายไป นี่ทำให้ในใจนางตอนนี้ตื่นกลัวสุดจะบรรยาย
“ผะ…ผู้อาวุโส…” สวี่ฮุ่ยตัวสั่น ขณะเอ่ยก็พบว่าร่างตนกลับมาขยับได้แล้ว
ซูหมิงนั่งบนหินภูเขาเงียบๆ ตอนที่ยกมือขวาขึ้น ปรากฏไหสุราตรงหน้าเขาหลายไห นี่คือของที่เขาเตรียมไว้ให้ตาแก่ในตอนนั้น ตอนนี้เมื่อนำออกมาแล้วก็เงยหน้ามองสตรีที่มีใบหน้าเหมือนกับคนในความทรงจำ
“ดื่มสุรา” ซูหมิงหยิบไหสุราขึ้นเหม่อมองหญิงตรงหน้าพลางดื่มสุราไปอึกใหญ่
สวี่ฮุ่ยหน้าซีดขาว ถูกซูหมิงมองจนขนหัวลุกเล็กน้อย ผู้อาวุโสตรงหน้าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยพบมาในชีวิต แต่ว่า…นางประหลาดใจกับนิสัยเขามาก ไม่คิดเลยว่าจะให้ตนดื่มสุรา
นอกจากนี้ในดวงตาผู้อาวุโสคนนี้เหมือนมีความเศร้า กำลังมองตนด้วยความเศร้า แต่กลับกำลังคิดถึงคนอื่น สวี่ฮุ่ยกัดฟัน ยกไหสุราขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง
เมื่อดื่มไป สวี่ฮุ่ยหน้าแดงเรื่อเล็กน้อย เมื่อวางลงนางก็รีบพูดขึ้น
“ผู้อาวุโส ข้าดื่มได้ไม่มากนัก ข้า…”
“ดื่ม!” ซูหมิงมองสวี่ฮุ่ยพลางหัวเราะ ก่อนหยิบไหสุราขึ้นมาดื่มอีกอึกใหญ่
‘สมควรตายๆ แม้เขาจะเป็นผู้อาวุโส แม้จะมีพลังสูงส่ง แม้หน้าตาจะพอใช้ได้ แต่ก็ยังเป็นตัวประหลาด ขะขะเขา…หรือว่าจะให้ข้าเมาแล้ว…ใช้ร่างข้าเป็นหม้อยากัน!’ สวี่ฮุ่ยว้าวุ่นในใจ แต่กลับไม่กล้าไม่ดื่ม ตอนนี้รีบฝืนยิ้ม กัดฟันดื่มไปอึกใหญ่
เมื่อดื่มไป สวี่ฮุ่ยพลันรู้สึกมึนเล็กน้อย แม้ว่าการฝึกเต๋าของนางจะมีพลังความคิดไม่น้อย แต่กลับไม่เคยดื่มสุรามาก่อน ตอนนี้จึงโคจรพลังโดยจิตใต้สำนึก แต่เห็นซูหมิงไม่ทำเช่นนั้น เลยกลัวว่าหากทำแบบนี้แล้วจะไปกระตุ้นนิสัยประหลาดของอีกฝ่ายเข้า จากสีหน้าว้าวุ่นจึงเปลี่ยนเป็นน่าสงสาร
ซูหมิงก็ดื่มสุราไปอึกใหญ่เช่นกัน ถือไหสุราพลางจ้องสวี่ฮุ่ย ตรงหน้าลอยขึ้นมาเป็นภาพต่างๆ ตอนดื่มสุรากับสวี่ฮุ่ยในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต
เขาในตอนนั้นยังไม่มีพลังถึงตอนนี้ ความรู้ความเข้าใจต่อโลกก็ยังเลือนราง ยังต้องต่อสู้ดิ้นรน แต่ตอนนี้มองไป ตนในตอนนั้นโชคดี เพราะทุกอย่างข้างกายยังอยู่ เพียงแค่ห่างจากตนเท่านั้น ทว่าตอนนี้…
ซูหมิงก้มหน้าลง นัยน์ตาฉายแววขมขื่นจากการหวนลำรึก ก่อนหยิบไหสุราขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“สวี่ฮุ่ย ครั้งนี้ข้าจะไม่โกงเจ้าแล้ว…” ซูหมิงพึมพำ
คำพูดนี้ ซูหมิงใช้เสียงเบา สวี่ฮุ่ยที่กำลังว้าวุ่นใจจึงไม่ได้ยิน นางหยิบไหสุราขึ้นมา วางลงก็ไม่ได้ ไม่วางก็ไม่ได้ ช่วงที่ในใจกำลังเกิดอารมณ์ชั่ววูบที่จะเทหมดหน้าตักตะโกนเสียงดังบอกกับซูหมิงว่านางไม่ดื่มสุรานั้น นางมองสุนัขใหญ่สีขาวที่กำลังเล่นหัวคนห้าตัว มองไปแวบแรกความกล้าในใจหายไปโดยพลัน เหมือนมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าหากตนปฏิเสธ เดาว่าอีกเดี๋ยวสุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวนี้จะได้เล่นหัวคนสองหัว
นึกถึงตรงนี้ สวี่ฮุ่ยรู้สึกเศร้าด้วยความเจ็บแค้น นางจึงหยิบไหสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่
ดื่มเสร็จ เพิ่งจะวางไหสุราลงก็พบว่าซูหมิงเหมือนขยับไหวร่างกาย ราวกับว่าเขาดื่มสุราไม่เก่ง เรื่องนี้ทำให้นางตาโต ตื่นเต้นขึ้นมา
‘หึหึ ข้าต้องเทหมดหน้าตักแล้ว!’ ในใจนางคิดแบบนี้ ทันใดนั้นดวงตาขยับประกายประจบสอพลอ หยิบไหสุราส่งไปตรงหน้าซูหมิง
“ขอบคุณที่ผู้อาวุโส่ช่วยชีวิตเอาไว้มาก ผู้เยาว์ขอมอบให้ด้วยความเคารพ!” สวี่ฮุ่ยพูดจบก็ดื่มไปอึกใหญ่ก่อน ใบหน้าเล็กแดงเรื่อเล็กน้อย ซูหมิงมองสวี่ฮุ่ยเหมือนเห็นอดีต จึงดื่มไปเงียบๆ
“ผู้อาวุโส พบกันย่อมมีวาสนาต่อกัน มาๆๆ พวกเราดื่มอีก!”
“ผู้อาวุโส ยังต้องขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตอีกครั้ง พวกเราดื่มอีก!”
“ผู้อาวุโส ต้องขอบคุณที่ท่านช่วยไว้อีกครั้ง!”
“ผู้อาวุโส เอ่อ…ไม่พูดอะไรแล้ว พวกเราดื่ม!”
“ผู้อาวุโส ข้ายังไม่รู้นามของท่านเลย?”
สองคนดื่มสุราแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนสุราสี่ไหหมดลง สวี่ฮุ่ยเมาแล้ว แต่นางพบว่ายิ่งตนเมาก็ยิ่งดื่มได้ กลับกันนี่เป็นสิ่งที่ไม่ดีในมุมมองนาง ผู้อาวุโสนิสัยประหลาดดื่มไปดื่มมากลับเมาหนักกว่านางอีก
ตอนนี้นางมีความมั่นใจแล้ว เมื่อซูหมิงหยิบไหสุราออกมาอีกสี่ไห สองคนก็ดื่มสุรากันต่อ จนฟ้าเริ่มมืด จนมีหมู่ดาวบนฟ้า สวี่ฮุ่ยยิ้มซื่อๆ พลางมองซูหมิง
“ดื่มเถอะ เหตุใดท่านไม่ดื่มแล้ว!”
ซูหมิงเมาแล้ว เดิมทีเขาดื่มสุราไม่เก่ง และก็ไม่อยากใช้พลังสลายความเมา ครั้งนี้เขาอยากเมา ไม่อยากโกง เขามองสวี่ฮุ่ยใต้แสงจันทร์ ตรงหน้าเหมือนเกิดความเลือนราง ทำให้แยกไม่ออกว่าที่นี่คือแดนต้นกำเนิดจิตหรือแคว้นกู่จั้ง
“ข้าดื่มได้ ครั้งก่อนข้าไม่ได้ดื่ม สวี่ฮุ่ย ครั้งนี้…ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนเจ้า” ซูหมิงพึมพำ หยิบไหสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ จนถึงตอนนี้สวี่ฮุ่ยถึงเริ่มมั่นใจแล้วว่าผู้อาวุโสนิสัยประหลาดจะต้องมองตนเป็นอีกคนแน่ๆ
แต่ที่นางแปลกใจคือเหตุใดผู้อาวุโสนามซูหมิงถึงพูดชื่อเดียวกับนามของตน
“หรือว่าคนรู้จักเขาก็ชื่อสวี่ฮุ่ย?” ชั่วขณะที่นางกลอกตาไปมา ก็พูดเสียงเบาด้วยความเมา
“ใช่ ครั้งก่อนท่านไม่ดื่มเป็นเพื่อนข้า มีแค่ข้าคนเดียว ท่านโกง ครั้งนี้ท่านจะต้องดื่มให้เมา”
ซูหมิงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ
“ตี้จิ่วโม่ซา เอาสุรามา!” ซูหมิงหัวเราะพลางพูดเสียงดัง แต่สิ้นเสียงแล้วกลับไม่มีใครตอบรับ ภูเขานี้ไม่ใช่ภูเขาแดนต้นกำเนิดจิต ที่นี่…ก็ไม่มีคนนามตี้จิ่วโม่ซา
ซูหมิงเงียบ ส่ายศีรษะอย่างขมขื่น ตนนำสุราออกมาอีกหลายไห วางลงข้างๆ พลางถอนหายใจเบา
“หากชีวิตคนเราเป็นเหมือนดั่งแรกเริ่ม…” ซูหมิงพึมพำ ครั้งนี้สวี่ฮุ่ยได้ยิน ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ สวี่ฮุ่ยมองผู้อาวุโสนิสัยประหลาดตรงหน้า นางเห็นความเศร้าในแววตาเขา เห็นเหมือนการหวนรำลึก นางพลันรู้สึกว่าผู้อาวุโสคนนี้เหมือนจะไม่มีความคิดชั่วร้ายอะไร เขาเพียงแค่เห็นตนแล้วเกิดความปลงอนิจจังเพราะตนหน้าคล้ายสหายเก่า เลยมีการดื่มสุราในครั้งนี้
บางทีอาจเคยมีช่วงเวลาหนึ่งที่สตรีหน้าคล้ายกับตนก็เคยดื่มสุรากับเขาบนภูเขาแบบนี้ในยามค่ำคืน ครั้งนั้น…เขาโกง เขาดื่มไปไม่มาก
ข้างกายเขาในตอนนี้อาจจะมีคนนามว่าตี้จิ่วโม่ซา ดังนั้นเขาถึงพูดแบบนั้น
สวี่ฮุ่ยมองซูหมิง นางรู้สึกสงสารซูหมิงทีละน้อยจนถอนหายใจเบา
‘เขาช่วยชีวิตข้า ข้าต้อง…เป็นสหายเก่าให้เขาสักครั้ง’ พอนึกถึงตรงนี้ สวี่ฮุ่ยก็มองซูหมิงอีกครั้งด้วยแววตาอ่อนโยน
“ซูหมิง…” นางพูดเสียงเบา
พูดจบ ซูหมิงที่กำลังถือไหสุราด้วยความขมขื่นมือหยุดชะงักไป สายตาเหม่อมองสวี่ฮุ่ย
“อย่าคิดถึงอดีตได้หรือไม่…” สวี่ฮุ่ยพูดเสียงเบา มองซูหมิงอย่างอ่อนโยน
ซูหมิงมองสวี่ฮุ่ย พริบตานี้เขามีความรู้สึกแยกคนตรงหน้าไม่ออก เขายกมือขึ้นช้าๆ ลูบใบหน้านาง
“ครั้งก่อนเจ้าไม่ได้ดื่มเป็นเพื่อนข้าจนหมด ครั้งนี้เจ้าทำได้แล้ว อย่านึกถึงอดีตให้ตัวเองเศร้า แบบนี้…ข้าจะเสียใจไปด้วย…” สวี่ฮุ่ยมองซูหมิง ขณะกล่าวอย่างอ่อนโยน นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงปวดใจ นั่นคือความเจ็บปวด เป็นความรู้สึกครั้งแรกในชีวิต
มือซูหมิงลากผ่านใบหน้านาง จนช่วงที่ลดมือลง เขาหลับตา
เวลาผ่านไปช้าๆ จนหนึ่งก้านธูปต่อมา ซูหมิงลืมตาขึ้นมองสวี่ฮุ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณ แต่เจ้า…ไม่ใช่นาง”
สวี่ฮุ่ยกัดริมฝีปาก เดิมทีนางตั้งใจว่าจะปลอมเป็นสหายเก่าซูหมิง ตอนนี้อีกฝ่ายเมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดความเจ็บปวดในใจตนถึงรุนแรงกว่าเดิมเล็กน้อย
“ข้า…” สวี่ฮุ่ยเหมือนอยากพูดบางอย่าง แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร
“ขอบคุณที่ดื่มเป็นเพื่อนข้า…ว่าแต่สำนักเสาะหาเมฆาอยู่ที่ใด? เจ้าพาข้าไปที ข้าจะช่วยเจ้าจัดการภัยภายหลังให้” ซูหมิงยืนขึ้นช้าๆ แล้วพูดเสียงเบา
สวี่ฮุ่ยยืนขึ้นซวนเซ ซูหมิงมองไป ยกมือขวาขึ้นจะช่วยขจัดความเมาให้นาง แต่นางถอยไปหลายก้าว ซ้ำยังส่ายหน้า
“สำนักเสาะหาเมฆาอยู่ห่างจากที่นี่ไปทางใต้ราวเจ็ดวัน…” พูดจบ สวี่ฮุ่ยหลับตาลง ร่างอ่อนยวบล้มลงกับพื้น