Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1441
ซูหมิงไม่ได้ล้มเลิกการไปรวมพลกับสำนักเจ็ดจันทราเพราะกลิ่นอายพลังการเปิดแท่นบวงสรวงที่เพิ่มพลังรวมถึงวิญญาณเต๋าได้ ถึงอย่างไรชั้นหนึ่งนี้ เจ็ดสำนักสิบสองฝ่ายก็ส่งมหาเต๋าสูงศักดิ์เข้ามา หากทำให้เป็นเรื่องใหญ่คงยากจะไม่เป็นที่สังเกต
และด้วยฐานะซูหมิง หากเป็นที่สังเกตมากเกินไปในมิติชั้นหนึ่งนี้ก็จะต้องเผชิญอันตรายเป็นตาย โดยเฉพาะหากพบมหาเต๋าสูงศักดิ์ นั่นอันตรายต่อเขาอย่างยิ่ง
ดังนั้นเส้นทางเขาจึงดูเหมือนเปลี่ยนไปมาก แต่ความจริงยังคงไปตามการชี้นำของแผ่นหยก มุ่งหน้าไปยังจุดรวมพลสำนักเจ็ดจันทรา เพียงแต่ว่าระหว่างทาง เขาจะสนใจแท่นบวงสรวงที่ไม่ถูกเปิดกว่าเดิมเล็กน้อย
เวลาผ่านไปช้าๆ ไม่นานก็หกชั่วยาม ซึ่งผ่านไปหนึ่งถึงสองส่วนในสามสิบหกชั่วยามของชั้นแรก ซูหมิงห้อเหยียดตลอดทาง รวมแท่นบวงสรวงสองแห่งที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เปิดแท่นบวงสรวงไปทั้งหมดเจ็ดแห่ง
สำหรับผู้ฝึกฌานแล้ว จำนวนเท่านี้ถือว่าสูงมาก ซูหมิงจะพัวพันกับคนอื่นน้อยมาก เว้นแต่ตอนแย่งชิงถึงเผยประกายเย็นชา
ตอนนี้ขณะห้อทะยาน เขามองแผ่นหยกตลอดเวลา ห่างจากจุดรวมพลสำนักเจ็ดจันทราไม่ไกลมากแล้ว ราวๆ สองชั่วยาม
ขณะเดินหน้าไปเขาพลันหยุดชะงัก มองสัญลักษณ์บนพื้นที่เว้าลงไปอยู่ไกลๆ ตรงนั้นเป็นแท่นบวงสรวงที่ยังไม่ถูกเปิด ทันทีที่เห็นแท่นบวงสรวง ซูหมิงหรี่ตาลงเล็กน้อย
ผ่านไปหกชั่วยามแล้ว ชั้นแรกในมิติแตกแห่งนี้ แม้จะยังมีแท่นบวงสรวงที่ยังไม่ถูกเปิดอยู่ แต่ก็ไม่มากแล้ว ส่วนใหญ่จะอยู่ในที่ลับตา อย่างเช่นตำแหน่งของแท่นบวงสรวงที่เด่นตานี้ ไม่น่าอยู่มาจนถึงตอนนี้จริงๆ
ซูหมิงกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาเพียงแค่หยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วก็หันหน้ากลับไม่มองอีก ก่อนห้อเหยียดออกจากที่นี่ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นกับดัก
แต่ช่วงที่ซูหมิงจะจากไปนั้น มีเสียงหัวเราะดังแว่วมาจากแท่นบวงสรวง เมื่อเสียงหัวเราะกังวาน มีร่างเงาสวมชุดคลุมเต๋าเผยอยู่บนแท่นบวงสรวง ดวงตาดั่งสายฟ้ามองซูหมิงอย่างเย็นชาพลางเดินเข้ามาใกล้
“ในเมื่อพบแท่นบวงสรวงของแซ่ซุนแล้ว จะไปคงไม่ง่ายขนาดนั้น” ช่วงที่เสียงเย็นเยียบดังกังวาน พลังของเต๋าสูงศักดิ์พลันแผ่มาจากร่างเงาชุดคลุมเต๋านั้น ตอนนี้เองฟ้าถอดสี แผ่นดินสั่นสะเทือน ในระยะหมื่นลี้รอบๆ ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายพลังแก่กล้า ทำให้ผู้ฝึกฌานคนอื่นในระยะหมื่นลี้สังเกตเห็นแล้วก็หน้าเปลี่ยนสี พากันถอยห่าง
ซูหมิงขมวดคิ้ว กลิ่นอายพลังของเต๋าสูงศักดิ์ทำให้เขาคิ้วขมวด ขณะกำลังจะใช้เข็มทิศจากไปอย่างรวดเร็วนั้น ในใจเขาสั่นไหวขึ้นมา ล้มเลิกความคิดไป แต่หมุนตัวกลับมามองร่างเงาชุดคลุมเต๋าที่ยามนี้เข้ามาใกล้อย่างเย็นชา
อีกฝ่ายเป็นชายชราจมูกงอขึ้นเหมือนอินทรี ชุดคลุมเต๋าบนตัวเขาประทับตราหยินหยางสีขาวดำ ชุดคลุมเต๋าแบบนี้ไม่ใช่ของสำนักเอกะเต๋า และก็ไม่ใช่ของฝ่ายอสุรา แต่เป็น…ของสำนักสองประมุข!
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเรียกผู้เยาว์ไว้มีเรื่องอะไร?” ช่วงที่ซูหมิงกล่าวขึ้นราบเรียบ ชายชราที่เข้ามาใกล้ยิ้มเยาะ ขณะจะตอบกลับนั้น กลับกวาดสายตามองซูหมิงแล้วอึ้งไปโดยพลัน พริบตาที่อึ้ง ซูหมิงยกมือขวาขึ้น แส้ดารามาแทนที่ผืนฟ้า ทำให้ฟ้ามืดครึ้มลง ขณะเดียวกันเงาแส้เข้าไปใกล้ก่อนฟาดชายชราชุดคลุมเต๋าอย่างแรง
เกิดเสียงดังสนั่น พริบตาที่ฟาดแส้ ซูหมิงไม่ถอยแต่บุกเข้าไป เกิดเสียงครึกโครมขึ้นอีกครั้ง ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน ตอนนี้เองซูหมิงถอยออกมา โลหิตไหลจากมุมปาก เขาเหยียบลงพื้นแล้วก็ถอยไปหลายเก้า ก่อนเงยหน้าขึ้นพร้อมกำหมัดขวาชกใส่หมอกฝุ่นตรงหน้า
หมัดนี้รวมดวงจิตและพลังวิญญาณเต๋า ทันทีที่ชกออกไป ชายชราชุดคลุมดำในหมอกฝุ่นคำรามด้วยความโกรธ เมื่อเดินออกมาในฉับพลันแล้ว เขาดูมีสภาพย่ำแย่เล็กน้อย โดยเฉพาะอาภรณ์ตรงหน้าอกฉีกขาด เผยเป็นรอยแส้สีแดงสายหนึ่ง ดวงตาเขาเกิดเส้นเลือดฝอย มีความมึนงงอยู่เสี้ยวหนึ่งรางๆ ยามนี้เหมือนเขาจะควบคุมความมึนงงนี้ไว้ได้แล้ว ในตัวอบอวลไปด้วยหมอกขาวจำนวนมาก หมอกนั้นกลายเป็นตะขาบยักษ์กลางอากาศ ทั่วร่างมันเป็นสีขาว พุ่งกระโจนใส่ซูหมิงอย่างดุร้าย ปะทะกับหมัดนั้นของซูหมิง
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ซูหมิงกระอักเลือด ระหว่างที่ถอยไปอีกครั้ง ร่างตะขาบสีขาวสั่นสะท้าน มัวหมองลงเล็กน้อย แต่ก็ยังพุ่งไปหาซูหมิงด้วยจิตสังหาร นี่คือพลังของเต๋าสูงศักดิ์ สำหรับซูหมิงในตอนนี้แล้วเขาเอาชนะพลังนี้ไม่ได้ แต่หากจะสังหารเขาก็ไม่ง่ายเหมือนกัน
แทบเป็นตอนที่ตะขาบเข้ามาใกล้ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายดุดัน กล่าวขึ้นเรียบๆ
“อู่ไป๋!”
แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงกล่าวขึ้น มีร่างเงาสีขาวพุ่งมาจากด้านข้างด้วยความเร็วยากจะบรรยาย มาปรากฏตรงหน้าซูหมิง เอาหัวชนตะขาบหมอกที่กำลังพุ่งเข้ามา
เกิดเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดิน ตะขาบหมอกแหลกเป็นเสี่ยงๆ ชายชราชุดคลุมเต๋าหน้าเปลี่ยนสี นัยน์ตาจริงจังโดยพลัน จ้องสุนัขใหญ่สีขาวตรงหน้าซูหมิง
สุนัขใหญ่สีขาวก็จ้องชายชราอย่างดุร้ายเช่นกัน มันรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ตอนนั้นยังเคยทักทายกันเล็กน้อย แต่ตอนนี้ในใจอู่ไป๋โกรธถึงขีดสุด มันรู้ว่าหากซูหมิงตาย พวกมันห้าตัวก็จะตายตามไปด้วย เรื่องนี้ไม่มีวิธีเลี่ยงแม้แต่น้อย ตอนนี้อย่าว่าแต่เคยทักทายกับชายชราชุดคลุมเต๋าคนนี้เลย ต่อให้เจอกับสำนักเดียวกัน อู่ไป๋ก็จะลงมืออย่างไม่ลังเล ตอนนี้อ้าปากกว้างคำรามเสียงดังพร้อมกับพุ่งตรงไปหาชายชราชุดคลุมเต๋า
‘นี่มันสัตว์วิญญาณอะไร!’ ชายชราชุดคลุมเต๋าหรี่ตาลง ใจสั่นสะท้าน ในมุมมองเขา สุนัขใหญ่สีขาวมีพลังเต๋าสูงศักดิ์ นี่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย สัตว์วิญญาณแบบนี้พบได้น้อยมากทั้งแคว้นกู่จั้ง แต่พริบตาเดียวเขาก็ปล่อยวาง ด้วยศักยภาพของสำนักเจ็ดจันทรา การจะหามาตัวหนึ่งให้องค์ชายสามก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“เดรัจฉานก็ยังเป็นเดรัจฉาน!” ชายชราชุดคลุมเต๋ายิ้มเยาะ ช่วงที่ยกมือขวาขึ้น ใต้เท้าพลันเย็นยะเยือก เกิดรอยร้าวขึ้นนับไม่ถ้วน ยามนี้เองเหมือนมีตะขาบเหลือคณานับกำลังปรากฏอยู่ใต้เท้าชายชรา ทว่าอู่ไป๋เห่าไปทีหนึ่ง ปรากฏหม้อทองสัมฤทธิ์ยักษ์ขึ้นข้างตัวมันใบหนึ่งเช่นกัน ภายนอกหม้อมีภาพสัตว์จำนวนมาก ทันใดนั้นเองภาพเหล่านี้คืนชีพทั้งหมด อัดแน่นอยู่เต็มฟ้า พุ่งกระโจนมายังชายชราชุดคลุมเต๋าที่ตอนนี้หรี่ตาแคบลง มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
และตอนนี้เอง ซูหมิงพูดขึ้นเรียบๆ
“ต้าไป๋!” พูดจบ มีแสงสีขาวอีกสายโผล่มาจากข้างหลังชายชรา พริบตาที่สังเกตเห็นแสงสีขาวนี้ ชายชราตกใจกลัวอย่างสุดขีด
‘มะ…ไม่อยากเชื่อว่าจะมีอีกตัว! ทั้งยังมีพลังเต๋าสูงศักดิ์เหมือนกันอีก!’ หัวใจชายชราเต้นระรัว พลันเกิดความคิดถอย
ชั่วขณะที่ต้าไป๋กับอู่ไป๋พุ่งออกมา สายตาที่ซูหมิงมองชายชราชุดคลุมเต๋าแฝงไว้ด้วยจิตสังหารเด่นชัด เขาสัมผัสได้แล้วว่าตอนนี้ซานไป๋กับซื่อไป๋ห่างจากตนไม่ไกล อีกสิบกว่าลมหายใจก็จะมาถึง มีเพียงเอ้อไป๋ที่อยู่ไกลจากที่นี่เล็กน้อย