Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1442
โครม!
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องฟ้าดินรอบๆ ทำให้มวลอากาศที่นี่บิดเบี้ยว ช่วงที่เกิดระลอกคลื่นนับไม่ถ้วน ชายชราชุดคลุมเต๋ากระอักเลือด ร่างห้อเหยียดถอยไป ตรงหน้าเขามีเงาสีขาวสองร่างพุ่งเข้ามา
นั่นคือต้าไป๋กับอู่ไป๋ สองตัวนี้มีพลังเต๋าสูงศักดิ์ยามนี้พุ่งออกไปพร้อมอภินิหาร ทำให้ชายชราชุดคลุมเต๋าเหมือนเกิดภาพหลอน ราวกับว่าในสายตาตนไม่ใช่สัตว์วิญญาณสองตัว แต่เป็นร่างเงาผู้ฝึกฌานพิลึกที่มีพลังเต๋าสูงศักดิ์เหมือนตน!
‘สมควรตาย สำนักเจ็ดจันทราไปได้สัตว์วิญญาณที่ล้ำค่าอย่างยิ่งสองตัวนี้มาจากที่ใด บัดซบ!’ ชายชราชุดคลุมเต๋าหน้ามืดทะมึน ยังไม่ทันเช็ดคราบโลหิตก็คิดหนีทันที ไม่ใคร่ครวญจะสังหารซูหมิงอีก แต่เกิดความคิดว่าจะต้องออกจากที่นี่อย่างเร็วไวให้ได้
สุนัขใหญ่สีขาวตัวเดียวเขายังพอรับมือไหว แต่เมื่อมาสองตัว ชายชราชุดคลุมเต๋าเข้าใจแล้วว่าตนไม่มีทางสังหารซูหมิงได้ เว้นแต่…สุนัขใหญ่สีขาวสองตัวนี้จะมีสติปัญญาไม่สูง แบบนี้จะมีโอกาสเล็กน้อย ทว่าพอได้ปะทะ ในใจเขาสั่นสะท้านโดยพลัน มีความรู้สึกว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้เหมือนกับผู้ฝึกฌาน ยามนี้ขณะห้อเหยียดถอยร่น ซูหมิงยิ้มเยาะมุมปาก นัยน์ตามีจิตสังหารวูบผ่าน เดินหน้าไปยังชายชรา
ชายชราชุดคลุมเต๋าจ้องซูหมิงตาเขม็ง ถอยไปอย่างเร็วไวยิ่ง
“วันนี้ปล่อยให้เจ้ารอดไปก่อน ยังไม่ไสหัวไปอีก!” แม้ชายชราจะตกใจพลังของสุนัขใหญ่สีขาวสองตัวนั้น แต่ตอนนี้ก็ยังทำสีหน้าอวดดี คำพูดสูงส่งยังคงเด่นชัด
เขาคำนวณไว้แล้วว่าองค์ชายสามคนนี้มีพลังไม่สูง ต่อให้มีสุนัขใหญ่สีขาวสองตัวก็ไม่กล้าไล่ตามมามากนัก อีกทั้งยังไม่อยากเสียเวลา ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีฐานะพิเศษ หากอยู่ที่นี่นาน คงยากจะไม่เป็นที่สนใจของคนอื่น สำหรับองค์ชายสามแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่อยากประสบ
ดังนั้นชายชราชุดคลุมเต๋าคาดการณ์ไว้ว่าอีกฝ่ายจะต้องปล่อยตนไปอย่างแน่นอน
“แต่ข้ายังไม่อยากปล่อยเจ้า” ซูหมิงเดินหน้าพลางพูดขึ้นเรียบๆ จิตสังหารในแววตาวาววับ พร้อมกันนั้นชายชราชุดคลุมเต๋าแค่นเสียงขึ้นจมูก ทว่าทันใดนั้นเองเขารู้สึกว่าทางซ้ายและขวามีกลิ่นอายพลังเต๋าสูงศักดิ์กำลังตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“มีเต๋าสูงศักดิ์คนอื่นมา ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้ เช่นนั้นก็อย่าได้ไปเลย” ชายชราชุดคลุมเต๋ายิ้มเยาะ เขาไม่หยุด แต่ถอยต่อไป เขาต้องรอผู้ฝึกฌานที่มีกลิ่นอายพลังเต๋าสูงศักดิ์อีกสองคนมาถึงก่อน ขอเพียงสองคนนี้ไม่ใช่คนสำนักเจ็ดจันทรา วันนี้องค์ชายสามจะต้องมีภัยแน่
ทว่าพริบตาที่เขาถอยไป นัยน์ตาซูหมิงพลันเป็นประกายวาว ยิ้มมุมปาก ชายชราชุดคลุมเต๋าเห็นรอยยิ้มดังนั้นก็หรี่ตาลง เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้น หางตาเขาเห็นฟ้าดินทางซ้ายและขวาว่ามีแสงสีขาวสองสายกำลังพุ่งมา
ภายในแสงสีขาวนั้นเป็นสุนัขใหญ่สีขาวสองตัว!
ทันทีที่เห็นสุนัขใหญ่สีขาว ชายชราชุดคลุมเต๋าหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ใจสั่นสะท้านจนเหมือนเกิดคลื่นลูกใหญ่ กระทั่งเขามีความรู้สึกว่าตนมองพลาดจึงมองไปข้างหน้า ก็ยังเห็นสุนัขใหญ่สีขาวสองตัวก่อนหน้านี้อยู่ตรงหน้าซูหมิง
‘สะ…สี่ตัว! เป็นไปไม่ได้ ทั้งแคว้นกู่จั้งจะหาสัตว์วิญญาณเหมือนกันทุกประการ ทั้งยังมีพลังเต๋าสูงศักดิ์สี่ตัวได้อย่างไร!’ ยามนี้ชายชราชุดคลุมเต๋าหวาดกลัวในใจแล้ว เขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตมาคำหนึ่งอย่างไม่ลังเล ใช้พลังทั้งหมดในการหนีไป
เขาไม่มีวิธีสู้แล้ว ต่อให้เขาอวดดีกว่านี้ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับสุนัขใหญ่สีขาวที่มีพลังเหมือนกับเขาสี่ตัว ถึงขั้นตอนนี้ตรงส่วนลึกในใจเกิดความรู้สึกถึงอันตรายเป็นตายร้ายแรง นี่ไม่ใช่ภัยของซูหมิง นี่คือภัยของตน!
พริบตาที่เขาจะขยับวูบไหวหนีไปไกลนั้น ระหว่างที่ซูหมิงยกมือขวาขึ้น แส้ดาราพลันมาแทนที่ผืนฟ้า ชั่ววูบเดียวก็ตรงเข้ามาฟาดใส่ตัวชายชราชุดคลุมเต๋าดังโครม ด้วยการขัดขวางแบบนี้ แสงสีขาวสี่สายจึงพุ่งตรงไปหาชายชราชุดคลุมเต๋าทันที
ด้วยความเร็วระดับนี้ชายชราเลยหลบไม่พ้นเลย ยามนี้ตาแดงก่ำ คำรามเสียงต่ำสะเทือนฟ้าดิน เกิดหมอกฝุ่นขึ้นไปโดยรอบ ชายชราชุดคลุมเต๋ากระอักเลือด ทั้งแขนขวาระเบิดออก ร้องคำรามเสียงแหลม พลันปรากฏแผ่นหยกเก้าแผ่นที่แตกหักทั้งหมดขึ้นตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขาอาศัยแรงระเบิดของแผ่นหยกเหล่านี้กระเด็นถอยไปอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้เอง สุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวพุ่งเข้ามาอีกครั้ง จังหวะที่เข้าใกล้ชายชราชุดคลุมเต๋าและนัยน์ตาชายชราฉายแววสิ้นหวังนั้น พลันปรากฏเข็มทิศขึ้นใต้เท้าซูหมิง ซูหมิงยืนอยู่บนเข็มทิศขยับวูบไปข้างหน้า ยามนี้เองเข็มทิศปะทุความเร็วที่แม้แต่ซูหมิงยังตกใจ ด้วยความเร็วระดับนี้จึงทำให้เขาแซงหน้าสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัว ถึงขนาดที่ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าชายชราชุดคลุมเต๋าโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว จนกระทั่งตอนนี้ ภายในลูกตาชายชราชุดคลุมเต๋าถึงเหมือนมีร่างเงาสะท้อนของซูหมิงบีบเข้ามาในดวงตา
ชายชราอึ้งงัน ระหว่างที่เขาอึ้งอยู่นี้ ซูหมิงยกมือขวาขึ้นกดตรงระหว่างชายชราชุดคลุมเต๋า ขณะเดียวกัน สุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวตรงเข้ามาพร้อมกัน เกิดเสียงดังสนั่นฟ้า แขนขาชายชราชุดคลุมเต๋าถูกสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวกัดเอาไว้แน่น
ฟันพวกมันแทงลึกเข้าไปในเลือดเนื้อชายชราเป็นการผนึกพลังอีกฝ่าย ทั้งยังขยับตัวไม่ได้เลย เขาเบิกตาโต นัยน์ตามีเส้นเลือดฝอยและความตื่นกลัว ร้องโหยหวนเสียงแหลมดังก้องไปในระยะหมื่นลี้ ส่งผลให้ผู้ฝึกฌานที่กำลังหนีไปเหล่านั้นได้ยินแล้วพากันใจสั่นสะท้าน รีบหนีออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
เมื่อเสียงร้องแหลมดังขึ้น ชายชราชุดคลุมเต๋าร่างแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว พลังชีวิต ขั้นพลังไปจนถึงวิญญาณไหลผ่านตราประทับมือขวาซูหมิงเข้าไปในร่างกาย
อาการบาดเจ็บของซูหมิงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว วูบหนึ่งก็กลับมาเป็นปกติ ตอนที่คลายมือออก เสียงร้องแหลมของชายชราชุดคลุมเต๋าเงียบลงแล้ว ทั่วร่างกลายเป็นศพแห้ง
ทว่าตราประทับจันทร์เสี้ยวตรงฝ่ามือซูหมิงกลับเปล่งแสงหม่น เขาสูบพลังของชายชราชุดคลุมเต๋าได้ แต่ใช้มันเสริมพลังตัวเองไม่ได้ ทำได้เพียงรักษา แต่ว่า…เขารวมพลังอีกฝ่ายไว้ที่ตราประทับ สั่งสมเป็นการโจมตีสูงสุดเหมือนกับอีกฝ่ายครั้งหนึ่งได้
ซูหมิงมองศพแห้งนั้นอย่างเย็นชา ก่อนละสายตากลับเดินกลับมายังแท่นบวงสรวงที่ยังไม่ถูกเปิด ยี่สิบลมหายใจต่อมาลำแสงจากแท่นบวงสรวงพุ่งขึ้นฟ้า ภายในดวงตาเขาเผยประกายวาววับ ก่อนหมุนตัวกลับพาสุนัขใหญ่สี่ตัวกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไป
การกลับมาของสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวทำให้ซูหมิงวางใจได้ไม่น้อย อย่างน้อยสุด…ขอเพียงไม่เจอมหาเต๋าสูงศักดิ์ก็จะไม่มีใครหยุดเขาที่ชั้นหนึ่งได้
‘อดทนต่อไป รอจนถึงชั้นสองแล้วมหาเต๋าสูงศักดิ์ก็จะเข้ามาไม่ได้แล้ว นั่นคือช่วงที่ข้าจะแย่งชิง!’ ดวงตาซูหมิงแวววาว แม้การแย่งชิงผลพิสูจน์เต๋าในครั้งนี้จะต้องมีคนบางส่วนใช้วิธีอื่นเข้าชั้นสองกับชั้นสาม อย่างเช่นซูหมิงที่พาสุนัขใหญ่สีขาวห้าตัวมาได้จึงมีกำลังรบเหนือกว่าขั้นพลังตัวเอง
ทว่าซูหมิงก็ยังมีความมั่นใจอยู่เล็กน้อยว่าจะบงการสถานการณ์ในชั้นสองกับชั้นสามได้ ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนี้จริงๆ สำหรับสำนักเจ็ดจันทราแล้ว ที่ยากที่สุดคือชั้นหนึ่ง เพราะชั้นนี้มีมหาเต๋าสูงศักดิ์ของทุกสำนักปรากฏตัว สำนักเจ็ดจันทราจึงไม่มีข้อได้เปรียบอะไร
แต่ชั้นสองไม่เหมือนกัน ด้วยพลังของกู่ไท่ ในชั้นสองนี้ หากไม่เกิดเหตุไม่คาดคิดก็มากพอจะเป็นมหาอำนาจ
‘ยังต้องระวังตัวในชั้นหนึ่ง’ ซูหมิงตรึกตรองพลางพาสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวพุ่งทะยานไกลออกไป ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ซูหมิงมองแผ่นหยก จากสัญลักษณ์ในนั้น ตอนนี้ห่างจากจุดรวมพลสำนักเจ็ดจันทราราวๆ หนึ่งชั่วยาม
ตอนนี้เกิดการเข่นฆ่าขึ้นที่มิติชั้นหนึ่งทุกแห่ง ลำแสงจำนวนมากพุ่งขึ้นฟ้า มองไกลๆ มีราวหนึ่งแสนสาย จะเห็นได้ชัดว่าถูกเปิดแล้ว สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือการแย่งชิงของแต่ละสำนัก
ซูหมิงละสายตากลับแล้วตั้งใจเดินหน้าต่อ ทว่าตอนนี้เองในใจเขาสั่นสะท้าน เกิดความรู้สึกถูกจับจ้อง กระทั่งช่วงที่สายตานี้มองผ่านตน เขารู้สึกร้อนกลัวจนไม่เป็นสุข
“หืม?” เสียงเบาดังแว่วมาจากในมวลอากาศ พลันมีร่างเงาหนึ่งเดินออกมาจากอากาศ เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อายุราวสิบสามสิบสี่ปี สวมอาภรณ์ยาวสีขาว ตอนที่เดินออกมาจากมวลอากาศยังยิ้มหยีตามองซูหมิง
“ข้าหลินตงตงแห่งสำนักเอกะเต๋า คารวะองค์ชายสาม” เด็กหนุ่มดูยังเยาว์วัย แต่คำพูดผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ยามเอ่ย ฟ้าดินรอบตัวซูหมิงเกิดเค้ารางแข็งตัวโดยพลัน ราวกับถูกผนึกไว้
มหาเต๋าสูงศักดิ์! พลังแบบนี้มีเพียงมหาเต๋าสูงศักดิ์ที่ทำได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูหมิงพบมหาเต๋าสูงศักดิ์ ความจริงถ้าไม่นับเซินมู่ที่พบในสำนักเจ็ดจันทรา มหาเต๋าสูงศักดิ์ที่ซูหมิงพบเห็นคนแรกคือเซียนเยือกเย็น แต่ตอนนั้นอยู่ต่อหน้าชายชรา เซียนเยือกเย็นจึงอนาถายิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นซูหมิงก็ไม่ได้ดูถูกมหาเต๋าสูงศักดิ์ที่มีไม่ถึงสามสิบคนทั้งแคว้นกู่จั้งด้วยเหตุนี้
พูดได้ว่ามหาเต๋าสูงศักดิ์ทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งยอดสุดในแคว้นกู่จั้ง ภายใต้สภาพการณ์ที่เทพเต๋าขั้นเก้าไม่ปรากฏตัว มหาเต๋าสูงศักดิ์…จึงเป็นพลังสูงสุดของผู้ฝึกฌานในโลกนี้
“ไฉนองค์ชายสามต้องรีบร้อน ในเมื่อพบข้าแล้วก็ถือว่ามีโชควาสนาต่อกัน มาเดินทางกับข้าดีหรือไม่?” เด็กหนุ่มยิ้มพูดขึ้นพลางเดินลงมาจากฟ้ามาทางซูหมิง ทุกก้าวที่ย่างเดินส่งผลให้ทั้งฟ้าดินสั่นสะเทือน กระทั่งหากเขาต้องการ เหมือนแค่หนึ่งความคิดก็พลิกกลับฟ้าดินได้
ซูหมิงเงียบ ตอนนี้สุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวข้างซูหมิงหรี่ตาลง ฟ้าดินรอบๆ ถูกผนึกไว้แล้ว เหมือนลิขิตไว้ว่านี่คือภัยความเป็นตายของซูหมิง
ระหว่างที่เด็กหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามา ซูหมิงเงยหน้าขึ้น ยกมือขวากดใต้เท้าข้างหน้า พริบตาที่กดลง การโจมตีสูงสุดของชายชราชุดคลุมเต๋าที่ผนึกไว้ในตราประทับมือขวาปะทุขึ้นส่งเสียงดังสนั่น
ขณะเดียวกันสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวร้องคำรามพร้อมกัน ปะทุพลังทั้งหมดเป็นการโจมตีที่แกร่งที่สุด โจมตีใส่กลางฟ้าดินแช่แข็งรอบๆ