Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1445
การโจมตีครั้งนี้สั่งสมมาตลอดทางจนถึงตอนนี้ สูบพลังผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนจนปะทุเป็นการโจมตีสะเทือนฟ้า สังหารเต๋าสูงศักดิ์คนหนึ่งได้ในพริบตา!
การโจมตีแบบนี้บางทีอาจจะยังไม่มากพอจะสร้างอำนาจคุกคามแก่มหาเต๋าสูงศักดิ์ แต่สำหรับเต๋าสูงศักดิ์แล้ว การปะทุพลังแบบนี้กลืนกินชีวิตได้ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ชายร่างกำยำหัวโล้นต่อสู้กับสวี่จงฝานมานานแล้ว สองฝ่ายต่างบาดเจ็บเล็กน้อย แต่จะเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นซูหมิงอยู่ในสายตา พอพบซูหมิงแล้วก็เข้าประชิดทันที มอบชีวิตตนให้เพื่อแย่งชิงดวงชะตานั้น
การปะทะกันระหว่างซูหมิงกับชายร่างกำยำหัวโล้นเกิดขึ้นกลางอากาศของหินใหญ่นี้ ยามนี้เมื่อชายร่างกำยำหัวโล้นวิญญาณสลายไป สนามรบพลันเงียบสงัด ทุกคนมองซูหมิงด้วยความตกใจกลัว แม้แต่สวี่จงฝานยังหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง มองซูหมิงอย่างเหลือเชื่อ
เต้าหานหรี่ตาแคบลง ในใจเกิดคลื่นลูกใหญ่ เขาสองคนยังเป็นเช่นนี้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเต๋าสูงศักดิ์อีกสองคนในสำนักเอกะเต๋า สองคนนี้สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ มองซูหมิงด้วยความตกตะลึงอย่างรุนแรง
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าองค์ชายสามที่มีพลังเพียงวิญญาณเต๋าขั้นสามจะ…สังหารเต๋าสูงศักดิ์คนหนึ่งได้ในพริบตา เรื่องนี้สร้างความตื่นตกใจและเหลือเชื่อแก่พวกเขา
อีกทั้งนี่ยังเกิดเป็นแรงจู่โจมต่อจิตใจผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าอย่างยิ่ง เต้าหานดวงตาขยับประกาย ก่อนคำรามเสียงต่ำโดยพลัน
“สำนักเจ็ดจันทรา ฆ่า!” สิ้นเสียง ผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราต่างมีสีหน้าตื่นเต้น ร้องคำรามพร้อมพุ่งออกไปเข่นฆ่า
ซูหมิงยกมือขวาขึ้น จันทร์โลหิตข้างหลังข้ามผ่านร่างเขามาปรากฏตรงหน้า จากนั้นทำสัญลักษณ์มือชี้ไป จันทร์โลหิตพลันระเบิดออก กลายเป็นแรงปะทะสีเลือดตรงไปยังผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋า
ข้างหลังแรงปะทะสีเลือดคือซูหมิงกับสุนัขใหญ่สีขาวสามตัว พวกเขาพุ่งทะยานไปยังผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋า จุดที่ผ่าน ซูหมิงจะใช้ตราประทับมือขวาสูบกิน เมื่อสัมผัสผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าอีกฝ่ายจะตัวสั่นทันที กรีดร้องร่างกายแห้งเหี่ยว ควันสีขาวเป็นเส้นสายแฝงไว้ด้วยพลังชีวิตและพลัง ด้วยความที่ซูหมิงรวดเร็วอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเหมือนว่าไล่ตามควันขาวอยู่ข้างหลัง คอยใช้มือขวาสูบกินอยู่ตลอด
เมื่อควันขาวเยอะขึ้นเรื่อยๆ มองไกลๆ รอบตัวซูหมิงอบอวลไปด้วยเส้นเล็กสีขาวนับไม่ถ้วน ข้างหลังเต็มไปด้วยศพแห้งเกลื่อนกลาด!
“ฆ่า!” ซูหมิงคำรามเสียงต่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขามีจิตสังหารต่อสำนักเอกะเต๋าเหลือล้น สำนักนี้สร้างปัญหาให้เขาหลายครั้งแล้ว การสังหารในตอนนี้ระบายความโกรธในใจได้เล็กน้อย ทว่าก็ยังสังหารไม่พอ
เมื่อซูหมิงคำรามเสียงต่ำ ผู้ฝึกฌานหมื่นกว่าคนจากสำนักเจ็ดจันทราก็คำรามเช่นกัน
“ฆ่า!” ผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าถอยไปเป็นจังหวะ ล้มตายมากขึ้นเรื่อยๆ เต๋าสูงศักดิ์สองคนนั้นร้อนกลัวจนไม่เป็นสุข ตอนนี้มองหน้ากันแล้วถอยไปในทันใด หมายจะไปจากที่นี่
ทว่าพวกเขาสองคนเพิ่งถอย สุนัขใหญ่สีขาวสามตัวบินเข้ามาปะทะกับสองคนทันที ส่วนสวี่จงฝานกับเต้าหาน พวกเขาไม่สนใจเต๋าสูงศักดิ์สองคนนั้น แต่พาผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราบุกโจมตีอย่างดุเดือด
ในครึ่งก้านธูป สำนักเอกะเต๋าบนทั้งสนามรบแตกพ่าย หมื่นกว่าคนตอนนี้เหลือไม่ถึงสองพันที่กระจายกันหนีไปรอบๆ ส่วนเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋า หนีไปคนหนึ่ง แต่อีกคนถูกสุนัขใหญ่สามตัวผนึกพลังอยู่ในความสิ้นหวัง กลายเป็นศพแห้งที่กรีดร้องอยู่ใต้ตราประทับมือขวาซูหมิง
“องค์ชายสาม!”
“องค์ชายสาม!” ศิษย์สำนักเจ็ดจันทราหมื่นกว่าคนบนแท่นหินมองซูหมิงอย่างฮึกเหิม ช่วงที่เสียงโห่ร้องดังขึ้น เสียงซูหมิงดังก้องกังวาน
“เรียกข้าว่าซูหมิง”
“ซูหมิง!”
“ซูหมิง” เสียงดังสนั่นประหนึ่งฟ้าผ่า แท่นบวงสรวงยี่สิบแห่งที่นี่ถูกเปิดออกทั้งหมด ซูหมิงค้นพบทันทีว่าแม้จะเป็นคนอื่นเปิด แต่ขอเพียงตนอยู่ข้างๆ ก็จะสูบกลิ่นหอมฟุ้งนั้นได้อยู่ดี หลังจากสูบกลิ่นอายพลังจากแท่นบวงสรวงยี่สิบแห่งแล้ว เส้นผมซูหมิงพลันขยับไหวเองแม้ไร้ลม เหมือนทะลวงผ่านจุดสำคัญไป วิญญาณเต๋าที่สี่ในดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วรวมออกมาอย่างสมบูรณ์ในตอนนี้!
ไม่เลือนรางอีก ไม่โปร่งใสอีก แต่สมจริงเหมือนกับวิญญาณเต๋าขั้นสาม ทันทีที่มันปรากฏขึ้นและหลอมรวมกับวิญญาณเต๋าขั้นสามนั้น ในที่สุดซูหมิงก็ทะลวงพลัง จากวิญญาณเต๋าขั้นสามไปสู่วิญญาณเต๋าขั้นสี่!
การเพิ่มวิญญาณเต๋าทำให้พลังซูหมิงเพิ่มมากขึ้น ดวงตาเปล่งประกายสว่างจ้า หากบอกว่าก่อนหน้านี้การสังหารเต๋าสูงศักดิ์คนหนึ่งเขาต้องบาดเจ็บสาหัสขณะต่อสู้ กระทั่งหากไม่มีสุนัขใหญ่อยู่ข้างๆ ก็คงยากจะสูบกินเต๋าสูงศักดิ์ด้วยตัวคนเดียวได้
แต่ตอนนี้เขาทำได้โดยที่ไม่ต้องมีสุนัขใหญ่อยู่ข้างๆ แล้ว ให้เวลาเขามากพอก็จะสูบกินเต๋าสูงศักดิ์ได้ด้วยตัวคนเดียว
พลังเขาปะทุขึ้นเป็นพายุหมุนพุ่งขึ้นฟ้า ซูหมิงในพายุหมุนดวงตาเปล่งประกาย
เมื่อบรรลุขอบเขตวิญญาณเต๋าขั้นสี่ ไม่เพียงแต่ความเร็วของเข็มทิศจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีแส้ดารา มันปะทุกำลังรบที่แกร่งกว่าเดิม ย่นระยะห่างระหว่างซูหมิงกับเต๋าสูงศักดิ์ไปมาก!
“ชั้นสองมีเก้าชั้นฟ้า ตอนนี้พวกเราถึงชั้นฟ้าที่สามแล้ว เจ้าสำนักน่าจะอยู่ข้างบน พวกเราต้องขึ้นไปให้เร็วที่สุด!” เต้าหานกล่าวเสียงดังก้องเข้าถึงหูผู้ฝึกฌานรอบๆ ตอนนี้เองเขาเห็นความเลือดร้อนและคลุ้มคลั่งในแววตาศิษย์หมื่นกว่าคน
สังหาร หากมีแค่สองคนทำให้จะตึงเครียด หากมีแปดหรือสิบคนจะกระวนกระวาย หากมีร้อยคนจะมึนชา แต่หากมีพันคนหมื่นคนความมึนชาจะหายไป เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นและเลือดร้อน
ตอนนี้ผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราเป็นเช่นนี้ เหมือนจะโหมทำรวดเดียว ความเลือดร้อนดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ช่วงที่คำพูดเต้าหานดังกังวาน เขาได้ยินเสียงคำรามพร้อมกันของผู้ฝึกฌานหมื่นกว่าคนรอบๆ
“ฆ่า!” เต้าหานพูดจบก็พุ่งขึ้นไป ผู้ฝึกฌานหมื่นกว่าคนบินขึ้นข้างบนไปพร้อมกัน ซูหมิงก็ขยับวูบไหวเช่นกัน เข็มทิศใต้เท้าบินขึ้น สุนัขใหญ่สีขาวสามตัวอยู่ข้างกาย
ตลอดทางมานี้จุดที่ผ่านไม่ว่าจะเป็นสำนักเอกะเต๋าหรือฝ่ายอสุรา ขอเพียงจำนวนคนไม่ถึงหลายพัน เมื่อพบผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราเหล่านี้แล้วมักจะหน้าเปลี่ยนสี ก่อนหลีกทางให้อย่างพร้อมเพียง
ซูหมิงไม่สนใจฝ่ายอสุราได้ แต่สำนักเอกะเต๋า เขามีความยึดมั่นอยู่ โดยเฉพาะตอนที่สุนัขใหญ่สีขาวตัวสุดท้ายกลับมาระหว่างทาง เขาพาสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวนี้เดินทางไปในมิติชั้นสอง แม้จะไม่ได้ไร้พ่าย แต่ก็มากพอจะสร้างอำนาจคุกคามรุนแรงต่อทุกฝ่าย