Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1449
ซูหมิงใช้วิธีนี้แซงหน้าทุกคน ทันทีที่ขึ้นไปเหนือทุกคนบนต้นไม้โบราณ เขาเงยหน้าขึ้นเห็นฟ้าชั้นเก้าข้างบน!
นั่นเรียกได้ว่าฟ้าจริงๆ เป็นแท่นหินยักษ์ที่มีพื้นที่ล้านลี้ กระทั่งเรียกว่าแท่นหินคงจะไม่เหมาะเล็กน้อย ควรจะเรียกว่าแผ่นดินใหญ่มากกว่า อีกทั้งตอนที่เงยหน้าขึ้น แน่นอนว่าใต้แผ่นดินใหญ่เป็นท้องฟ้า!
ฟ้าใต้แผ่นดิน!
ตรงกลางฟ้าใต้แผ่นดินนี้ถูกต้นไม้โบราณทะลวงผ่านไป ยืดยาวไปข้างบนแผ่นดินใหญ่ ซูหมิงมองไม่เห็นตรงนั้น แต่จินตนาการได้ถึงขนาดของต้นไม้โบราณรวมถึงพลังยากจะบรรยาย กระทั่ง…รู้สึกได้จากมุมข้างถึงความรุ่งเรื่องในอดีตของต้นไม้โบราณ!
นี่คือต้นไม้สูงเสียดฟ้าแห่งโลกใหญ่ยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนฟ้าเก้าชั้น บนกิ่งไม้ของมันต่างมีผีเสื้อกำเนิดหนึ่งตัว อีกทั้งผีเสื้อเก้าตัวนี้ยังกลายเป็นแผ่นดินใหญ่ของโลกนั้น ประกอบกับโลกสมบูรณ์แบบนี้ ทำให้ผู้ฝึกฌานในโลกนี้ถือกำเนิดขั้นพลังเต๋าไร้ที่สิ้นสุด!
หากมหาจักรพรรดิเสวียนจั้งไม่เคยเข้าไปในโลกนี้ บางที…ตอนนี้โลกนี้อาจจะยังยิ่งใหญ่!
ซูหมิงมองฟ้าของแผ่นดินใหญ่ มองต้นไม้โบราณที่ทำให้เขาใจสั่นสะท้าน ถึงขั้นตอนนี้ เขานึกถึงไม้เทพที่ตนนำออกมา แม้มันจะอยู่ในโลกซางเซียง แต่ตอนแรกสุดมันลอยอยู่กลางจักรวาลกว้างใหญ่ เขาเคยคาดการณ์ถึงประวัติของไม้เทพ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
จนกระทั่งตอนนี้เขาพลันเกิดความรู้สึกเด่นชัดว่า…บางทีตอนที่โลกนี้พังทลายลงในตอนนั้น มีกิ่งไม้ค่อนข้างเล็กท่อนหนึ่งแตกออกไปยังจักรวาลกว้างใหญ่ หนึ่งท่อนนั้นกลายเป็นไม้เทพ
นี่เป็นเพียงการคาดเดาของซูหมิง เขาไม่มีหลักฐานยืนยันความจริง ตอนนี้สูดลมหายใจเข้าลึก เข็มทิศใต้เท้าขยับแสงวูบวาบ ความเร็วเพิ่มขึ้น ด้วยข้อได้เปรียบที่นำหน้าสุด สิ่งที่เขาต้องทำคือให้ข้อได้เปรียบนี้มั่นคงแล้วให้มันขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด
ข้างล่างเขาห่างไปราวพันจั้ง องค์ชายใหญ่หน้ามืดทะมึนอย่างยิ่ง เงาวิญญาณชายชราสามคนรอบกายวนเวียนอย่างรวดเร็ว องค์ชายใหญ่ลืมตาขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นเองทั้งฟ้าดินสั่นไหว ราวกับว่าองค์ชายใหญ่ในตอนนี้กลายเป็นหลุมดำยักษ์สูบกลิ่นอายพลังทุกอย่าง ส่งผลให้มวลอากาศบิดเบี้ยวเป็นระลอกคลื่นไปรอบๆ ก่อนเขาจะคำรามเสียงต่ำ
ขณะเดียวกับที่เสียงคำรามสะเทือนฟ้าดิน ร่างองค์ชายใหญ่พลันรวดเร็วขึ้นหลายเท่า ขยับวูบเดียวก็ห่างจากข้างหลังซูหมิงไม่ถึงร้อยจั้ง ช่วงที่ปรากฏกายเขามีโลหิตไหลจากมุมปาก แต่ดูจากแววตาแล้วยังเคลื่อนย้ายต่อได้อีกครั้ง
รู้กันว่าที่นี่คือมวลอากาศว่างเปล่า ที่นี่คือรอบต้นไม้โบราณ ที่นี่มีแรงขับไล่รุนแรงต่อพลัง ผนึกฟ้าดิน วิชาอภินิหารจะถูกลดทอนกำลังลงไม่น้อย ดังนั้นแล้วจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิชาเคลื่อนย้าย พลังการเคลื่อนย้ายผ่านมิติชัดเจนแบบนี้ย่อมถูกควบคุมไว้อย่างแน่นหนากว่าเดิม
ฉะนั้นแล้วแม้จะอาศัยวิญญาณเต๋าอารักขาร่างในการเคลื่อนย้ายได้ แต่สำหรับองค์ชายใหญ่แล้วก็ยังต้องฝืนตัวเองเล็กน้อย โดยเฉพาะยิ่งเข้าไปใกล้ฟ้าชั้นเก้า ความรู้สึกนี้ยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
แทบเป็นขณะเดียวกับที่องค์ชายใหญ่เคลื่อนย้าย นัยน์ตาองค์ชายรองฉายประกายเย็นชา เขาพลันยิ้มมุมปากทะมึนทึบ ไม่ได้ใช้อภินิหารอะไรในการขึ้นฟ้าชั้นเก้าเป็นคนแรก แต่รักษาความเร็วของตน มองข้างบนอย่างเย็นชา
‘องค์ชายใหญ่มีนิสัยดื้อทำตามแต่ความคิดตัวเอง การที่เขาลงมือกับองค์ชายสามถือว่าเป็นประโยชน์กับข้า!’ องค์ชายรองเป็นคนนิสัยอึมครึม ยามนี้ยิ้มเยาะ เกิดความคิดชั่วร้ายไม่น้อยแล้ว
เห็นองค์ชายใหญ่จะตามทันแล้ว ซูหมิงยังคงสีหน้าปกติ แม้จะห่างจากฟ้าชั้นเก้าไม่ไกล แต่ก็ไม่ได้จะไปถึงในเวลาสั้นๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้เวลาอีกครึ่งก้านธูป
เขาไม่เปลี่ยนความเร็ว แต่กลับมีสีหน้าเหี้ยมโหดขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะรักษาข้อได้เปรียบไว้โดยไม่สนสิ่งใด ทว่าเขาเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้ว เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว องค์ชายใหญ่ที่ห่างจากข้างหลังตนไปราวร้อยจั้งตอนนี้คำรามเสียงต่ำอีกครั้ง กลิ่นอายพลังรอบตัวหลั่งทะลักเข้ามายังเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากคำรามเสียงต่ำอีกครั้ง เขาได้เคลื่อนย้ายไปอีกครั้ง ครั้งนี้แซงหน้าซูหมิงมาอยู่ข้างหน้าหลายร้อยจั้ง ก่อนกระอักเลือด แต่ก็ก้มหน้าลงแสยะยิ้มมุมปากด้วยความลำพองใจ
ซูหมิงหน้ามืดทะมึน แต่ไม่อาจเพิ่มความเร็วได้ ถึงขั้นช้าลงเรื่อยๆ เพียงสิบกว่าลมหายใจก็ถูกองค์ชายใหญ่ทิ้งห่างไปพันกว่าจั้ง ในทางตรงข้ามองค์ชายรองข้างล่างเข้ามาใกล้ไม่ถึงร้อยจั้งแล้ว
องค์ชายรองหรี่ตาลงเล็กน้อย เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง ขณะกำลังตรึกตรองก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน เพราะซูหมิงไม่ได้ไล่ตามอย่างสุดชีวิตอีก แต่ความเร็วลดลงเรื่อยๆ แล้วเหมือนจะหยุด
‘สมควรตาย ข้ามองข้ามพลังเขาไป ด้วยพลังเขา แม้จะอาศัยพลังภายนอกก็ไม่มีทางรักษาความเร็วได้ เขาคงไล่ตามองค์ชายใหญ่ไม่ทันเลยจะมาก่อกวนข้า เป้าหมายเขาชัดเจนมาก แม้จะขึ้นไปฟ้าชั้นเก้าเป็นคนแรกไม่ได้ เขาก็จะเกาะติดข้า ให้ขึ้นฟ้าชั้นเก้าพร้อมกัน
ขอเพียงเกาะติดข้าได้ก็จะมีข้อได้เปรียบเช่นกัน ก็ยังดีกว่าเป็นคนสุดท้าย!’ ทันทีที่องค์ชายรองเกิดความคิดนี้ ซูหมิงพุ่งเข้ามาแล้ว ยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือ แสงจากอภินิหารสว่างจ้า เสียงครึกโครมดังกึกก้อง เกิดการปะทะกันกับองค์ชายรอง
‘บัดซบ!’ องค์ชายรองหน้ามืดครึมมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีเขาคิดว่าการที่ซูหมิงกับองค์ชายใหญ่ปะทะกันจะเป็นผลดีกับตน แต่ตอนนี้พบแล้วว่าการกระทำอันตั้งใจของตนเป็นการสนับสนุนองค์ชายใหญ่ นี่ทำให้ในใจเขาปั่นป่วนอย่างยิ่ง ยามนี้พริบตาที่จะปะทะกับซูหมิง เขาไม่ทันตรึกตรองก็เห็นองค์ชายใหญ่ใกล้ฟ้าชั้นเก้าไปเรื่อยๆ องค์ชายรองจึงใช้มือขวาตบหน้าอกอย่างแรงดังปัง ช่วงที่ซูหมิงเข้ามาใกล้ ร่างเขาระเบิดออกเอง ตอนที่ร่างเงาซูหมิงทะลวงผ่านร่างองค์ชายรอง เขาหันกลับไปก็พบว่าร่างองค์ชายรองกลายเป็นหมอกจำนวนมาก หมอกเหล่านี้บิดเบี้ยวแล้วรวมขึ้นเป็นสัตว์ร่างคนที่มีสองเขา ระเบิดความเร็วที่เหนือกว่าก่อนหน้านี้พุ่งขึ้นข้างบนไป
วูบเดียวก็ทิ้งห่างจากซูหมิง พุ่งตรงไปยังองค์ชายใหญ่ ในมุมมองเขา ด้วยพลังของซูหมิงเลยถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องรั้งท้ายสุด ตอนนี้คือช่วงระหว่างเขากับองค์ชายใหญ่ต้องยื้อแย่งความได้เปรียบในการขึ้นฟ้าชั้นเก้าเป็นคนแรก
เวลานี้องค์ชายรองไม่กักอะไรเอาไว้อีกแล้ว วูบเดียวก็ย่นระยะห่างระหว่างเขากับองค์ชายใหญ่ อีกทั้งยังใกล้เข้าไปเรื่อยๆ นัยน์ตาองค์ชายใหญ่เผยประกายจิตสังหาร เขาสนใจการต่อสู้ระหว่างองค์ชายรองกับซูหมิงข้างล่างมาตลอด และก็เห็นความเร็วซูหมิงลดน้อยลง ซ้ำยังมองออกว่าซูหมิงใช้พลังอย่างเต็มที่แล้ว
“น้องรอง เจ้าอย่ามาแย่งข้าได้หรือไม่?” องค์ชายใหญ่กล่าวขึ้นทันที น้ำเสียงดังกังวานดั่งฟ้าผ่า
“นี่…” ชั่วขณะที่องค์ชายรองจะกล่าวขึ้น ดวงตาองค์ชายใหญ่ขยับประกาย เขาไม่พุ่งทะยานไปอีก แต่หมุนตัวกลับยกมือขวาขึ้นชกใส่องค์ชายรอง วิญญาณเต๋าอารักขาสามร่างรอบตัวเขาพุ่งตรงไปหาองค์ชายรอง
องค์ชายรองยิ้มมุมปาก ไม่ได้แปลกใจอะไร ขณะเดียวกับที่อภินิหารขององค์ชายใหญ่เข้ามาใกล้นั้น เขายกสองมือขึ้นกดไปข้างหลัง พลันปรากฏเงามายายักษ์ขนาดร้อยจั้งขึ้น เงามายานั้นเป็นสัตว์ร่างคนยักษ์มีสองเขาเช่นกัน ก่อนเข้าปะทะกับอภินิหารขององค์ชายใหญ่
เสียงครึกโครมดังก้องฟ้าดิน สั่นสะเทือนจนต้นไม้โบราณสั่นไหว อภินิหารระหว่างองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองปะทะกันไม่หยุดในขณะที่สองคนยังคงพุ่งทะยานขึ้นไปด้วยความเร็วสูง
ซูหมิงอยู่ห่างจากสองฝ่ายไปราวพันจั้ง มองภาพนี้อย่างเย็นชา ยิ้มเย้ยเยาะมุมปาก เป้าหมายเขาคือใช้พลังทั้งหมดผลักดันเข็มทิศใต้ร่าง ทว่า…เขายังไม่ได้ใช้สี่ดวงจิตใหญ่ พลังจากดวงจิตเหนือกว่าจิตสัมผัส นั่นคืออาวุธสุดท้ายของเขา
เขารักษาระยะห่างพันจั้งเอาไว้ ยังคงสนใจระยะห่างของฟ้าเก้าชั้นตลอด กระทั่งเพื่อไม่ให้องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองระวัง ซูหมิงจึงลดความเร็วลงเรื่อยๆ จนถูกทิ้งห่างไปจะสองพันจั้งแล้ว
การปะทะกันขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองก็เป็นจุดสำคัญเช่นกัน สองคนนี้ต่างแย่งชิงกัน ปะทุพลังทั้งหมดหมายจะแซงหน้าอีกฝ่ายเพื่อเป็นคนแรกที่ขึ้นฟ้าชั้นเก้า
ห่างจากฟ้าชั้นเก้าอีกสามหมื่นจั้ง…สองหมื่นจั้ง…หมื่นจั้ง…เสียงครึกโครมดังก้องกังวาน ช่วงที่ห่างจากฟ้าชั้นเก้าห้าพันจั้ง เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น วิญญาณอารักขาร่างขององค์ชายใหญ่หดเล็กลงจากการที่เขาสูบเข้าปากทั้งหมด ลูกตาในดวงตาสะท้อนเป็นอักขระจำนวนมาก ก่อนทำการเคลื่อนย้ายพุ่งไปเป็นครั้งสุดท้าย
องค์ชายรองแค่นเสียงขึ้นจมูก หมอกทั่วร่างขยายตัวออกดังปุงปัง เมื่อเขาพุ่งไป ร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้น ด้วยสองวิธีนี้ทำให้ความเร็วสูสีกับองค์ชายใหญ่ ภายใต้การเคลื่อนย้ายและพุ่งทะยานของสองคนจึงต้องเกิดการลงมือก่อกวนกันอีกครั้ง
ตอนนี้ ทันทีที่ห่างจากฟ้าชั้นเก้าราวสองสามพันจั้ง สี่ดวงจิตใหญ่ปะทุขึ้นในร่างซูหมิง หลอมรวมเข้าไปในเข็มทิศใต้เท้า เส้นผมเขาแกว่งไกวเองแม้ไร้ลม อาภรณ์โบกสะบัดอย่างรวดเร็ว ก่อนทั้งตัวเขาจะกลายเป็นดาวตกสายหนึ่งพุ่งขึ้นไป
ความเร็วของเขายากจะบรรยาย สี่ดวงจิตวนเวียนอยู่รอบๆ พลังจากขั้นพลังมหาศาล ห่างจากฟ้าชั้นเก้าห้าพันจั้ง สามพันจั้ง หนึ่งพันจั้ง…
ประหนึ่งลูกธนูพุ่งขึ้นจากข้างล่าง ฉีกมวลอากาศไปตลอดทาง!
พริบตานี้เองเกิดเสียงดังสนั่นฟ้าขึ้นในขณะที่ต่างฝ่ายต่างลงมือก่อกวน องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองที่ห่างจากฟ้าชั้นเก้าหลายร้อยจั้งก้มหน้าลงพร้อมกันก็หน้าเปลี่ยนสี ร่างเงาซูหมิงส่งเสียงอึกทึก ข้ามผ่านข้างกายสองคนนี้ ลมหายใจต่อมา…ห้อทะยานผ่านต้นไม้โบราณเข้าไปในแผ่นดินฟ้าชั้นเก้า อีกลมหายใจต่อมา ร่างเงาเขา…ไปปรากฏบนแผ่นดินฟ้าชั้นเก้า!