Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1452
แทบเป็นช่วงที่องค์ชายรองเอ่ยขึ้น แผ่นหยกเก้าม้วนนั้นพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษหยกกระจายออกนั้น…กลิ่นอายพลังเก่าแก่แผ่กระจายออกมาจากในวงแหวนอาคมโดยพลัน
เมื่อกลิ่นอายพลังปรากฏ ก็รวมเป็นร่างเงาไร้หัวออกมาจากในเศษหยกนั้น เผยตัวอยู่ในมิติชั้นสาม!
“ทำลายลำแสงนี้!” องค์ชายรองกล่าวอย่างไม่ลังเลทันที เขาล้าหลังมามากแล้ว หากยังใคร่ครวญไม่ทำลายลำแสงอีก เช่นนั้นต่อให้ตอนนี้บินขึ้นก็ตามซูหมิงกับองค์ชายใหญ่ไม่ทัน
มีเพียงหลังทำลายลำแสงแล้วเท่านั้น แม้จะยังเสียเปรียบองค์ชายใหญ่ แต่สำหรับองค์ชายรองแล้ว นี่เป็นวิธีเดียว อีกทั้งการทำลายลำแสงจะต้องเริ่มจากล่างขึ้นบน ดังนั้นเขาจะแย่งชิงเวลาจากสถานการณ์ตกเป็นรองให้กับตัวเองได้
ทันทีที่พูดจบ ร่างเงาสวมชุดคลุมดำแต่กลับไร้หัวขยับวูบไหวมาปรากฏอยู่นอกลำแสง ช่วงที่ยกมือขวาขึ้นปรากฏขวานสงครามยักษ์ในมือ ก่อนฟันไปยังลำแสงนั้น!
เมื่อฟันลงไปฟ้าดินเกิดเสียงอึกทึกก้อง ลำแสงสั่นไหวก่อนพังลงโดยไม่อาจต่อต้าน หลังแตกออก ผู้อาวุโสใหญ่สำนักเจ็ดจันทราสิบคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในมิติชั้นสองมีโลหิตไหลจากมุมปากพร้อมกัน พากันลืมตาขึ้นโดยพลัน
ขณะเดียวกันในมิติชั้นสาม ลำแสงเริ่มพังลงจากข้างล่างขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นองค์ชายรองเดินหน้าหนึ่งก้าว กล่าวเสียงแหลมเล็ก
“พาข้าขึ้นไป!” พูดจบ เพิ่งเข้ามาใกล้ต้นไม้โบราณ ร่างเงาไร้หัวก็เข้าประชิด ก่อนคว้าร่างองค์ชายรองเดินหนึ่งก้าวขึ้นไปบนต้นพิสูจน์เต๋า เมื่อลำแสงพื้นที่รอบนอกพังลง เขาจึงพาองค์ชายรองห้อทะยานไปพันจั้งในพริบตาเดียว
ซูหมิงในตอนนี้ขึ้นต้นไม้โบราณไปเก้าพันจั้งแล้ว ตอนที่เขาก้มหน้ามองภาพข้างล่างและเห็นร่างเงาไร้หัว ในใจเขาสั่นสะท้าน ร่างเงานั้น…มองแวบแรกในความคิดลอยขึ้นมาเป็นศิษย์พี่ใหญ่
แต่เวลานี้ไม่มีเวลาขบคิดอะไรมากนัก ม่านแสงพังลงแล้ว องค์ชายใหญ่ที่เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนข้างนอก และยังมีร่างเงาไร้หัวที่มีพลังเทียบเท่ามหาเต๋าสูงศักดิ์ข้างล่าง ตอนนี้กำลังลดความได้เปรียบของตนอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวการพังลงของลำแสงก็ลุกลามเข้ามาใกล้ ขณะเดียวกับที่จะถูกทำลาย องค์ชายใหญ่พุ่งเข้ามายังลำต้นไม้โบราณ ดูจากร่างเงาเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าขณะที่เข้าใกล้ต้นไม้ก็คิดจะลงมือกับซูหมิงด้วย
อีกทั้งร่างเงาไร้หัวข้างล่างตอนนี้ตามมาใกล้มากแล้ว ห่างจากซูหมิงไม่ถึงสองพันจั้ง ถึงอย่างไรสองคนนี้ก็มีมหาเต๋าสูงศักดิ์ช่วย ซูหมิงจึงสู้ไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด
หากเป็นคนอื่นตอนนี้มีเพียงสองทางเลือก หนึ่งคือลดความเร็วลงทิ้งความได้เปรียบไป วิธีนี้จะหลีกเลี่ยงการสังหารได้ ถึงอย่างไรไม่ว่าองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรอง พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อผลเต๋า
และยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือเดินหน้าต่อโดยไม่สนใจเพื่อนำหน้าตลอด รักษาความได้เปรียบที่บางทีอาจจะน้อยจนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเอาไว้ ทว่าซูหมิง…ไม่เลือกสองวิธีนี้ แต่หันหน้ากลับมามององค์ชายใหญ่ที่ตอนนี้อยู่นอกลำแสงที่จะพังลงด้วยสีหน้าเย็นชาแฝงไว้ด้วยการเย้ยเยาะเสี้ยวหนึ่ง
ซูหมิงตรึกตรองอย่างหนัก ตอนนี้เองเขาทำในสิ่งที่องค์ชายรองข้างล่างคาดไม่ถึง แม้แต่หลินตงตงยังไม่คิดว่าจะทำแบบนี้…
ซูหมิงยกมือขวาขึ้นเรียกแส้ดารา พริบตาที่ลำแสงพังลง เงาแส้ดาราพุ่งไปหาองค์ชายใหญ่ เขาจะลงมือก่อน!
พร้อมกับที่แส้ดาราปรากฏ ซูหมิงยกมือซ้ายขึ้นเรียกขวานนั้นมาอยู่ในมือ ก่อนฟันไปยังองค์ชายใหญ่!
ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว องค์ชายใหญ่ยิ้มเยาะมุมปาก แม้ตอนนี้เขาจะรับแรงกดดันมหาศาล แต่ก็มั่นใจว่าซูหมิงทำอะไรตนไม่ได้ แส้ดารานั้นเข้ามาใกล้ องค์ชายใหญ่จึงยกมือขวาชี้ไป บนนิ้วปรากฏดอกบัวดอกหนึ่ง มันแหลกสลายในทันใด กลายเป็นพายุคลั่งดอกบัวต่อต้านแส้ดารา
ในเวลาเดียวกันองค์ชายใหญ่ยกมือซ้ายขึ้นกดไปยังขวานที่ซูหมิงฟันเข้ามา พื้นที่บริเวณนี้เหมือนถูกผนึก ชั่ววูบเดียวก็แข็งค้าง ทำให้ขวานจากซูหมิงประหนึ่งตัดลงกลางน้ำ เกิดระลอกคลื่นขึ้น แต่กลับไม่อาจสั่นคลอนฟ้าดินที่ถูกผนึกได้
“ไม่รู้จักประมาณตน!” ความเย้ยเยาะจากองค์ชายใหญ่กลายเป็นเสียงดังแว่วมา ก่อนจะพุ่งตรงไปหาซูหมิงในฉับพลัน ทว่าเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ดวงตาซูหมิงขยับประกาย คลายแส้ดาราในมือขวาแล้วกดตราประทับในฝ่ามือไปยังองค์ชายใหญ่ที่พุ่งเข้ามา!
ในเมื่อลิขิตไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะลงมือหลังลำแสงพังลง เช่นนั้นซูหมิงก็จะขอลงมือกับอีกฝ่ายดีกว่า ภายใต้การควบคุมของตน ดังนั้นเลยลงมือก่อนได้ เป้าหมายคือ…ให้องค์ชายใหญ่เข้ามาใกล้อย่างตอนนี้!
เมื่อซูหมิงกดมือขวาลง เมื่อองค์ชายใหญ่เข้ามาใกล้ ทันทีที่สองคนปะทะกัน องค์ชายใหญ่หน้าเปลี่ยนสี เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้า ขณะที่ตราประทับในมือขวาซูหมิงทำการสูบก็พลันปะทุพลังทั้งหมดที่สั่งสมมาตลอดทาง แม้จะสู้มหาเต๋าสูงศักดิ์ไม่ได้ แต่ก็เป็นการโจมตีที่เหนือกว่าเต๋าสูงศักดิ์
หากเป็นเวลาปกติ สำหรับมหาเต๋าสูงศักดิ์แล้ว แม้การโจมตีแบบนี้จะน่าตกใจอยู่บ้าง แต่ก็เผชิญหน้าได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ทว่าตอนนี้อยู่ในมิติชั้นสาม หลินตงตงบินขึ้นมาหมื่นจั้งต่อต้านแรงกดดันไว้มากยิ่งนักแล้ว ดังนั้นการโจมตีครั้งนี้…โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ยังสูบพลังเขาไปอีก จึงกลายเป็นข้อต่อสำคัญทันที!
เสียงครึกโครมดังกังวาน หลินตงตงหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกับหยุดชะงัก ร่างถอยไปในขณะที่ซูหมิงกระอักเลือดมาหนึ่งคำ หลุดออกจากต้นไม้แห่งพิสูจน์เต๋า
แต่พริบตาที่ลอยออกมา แรงกดดันจากฟ้าลงมาเยือน แส้ดาราที่ซูหมิงโยนออกไปก่อนหน้านี้ก็กลับมาพันร่างเขา ก่อนกระชากตัวเขาขึ้นไปข้างบนเหมือนมีคนกระชากขึ้นไป!
แส้ดาราที่ซูหมิงฟาดไปไม่ใช่การโจมตีองค์ชายใหญ่ นั่นเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น เป้าหมายจริงๆ ของแส้ดาราคือซูหมิงอาศัยความยาวของมันพันรอบลำต้นไม้ข้างบนไว้ จากนั้นใช้ดวงจิตควบคุมทำให้ตอนที่ตนถูกกระเทือนจนถอยออกมานั้น แส้ดาราก็พันร่างเอาไว้แล้วดึงขึ้นไป
ดังนั้นแล้วองค์ชายใหญ่จะเสียโอกาสไป ต่อให้ขวาง…แต่ซูหมิงมีตราประทับในมือขวา การสูบและโจมตีในพริบตาเมื่อครู่นี้ไม่ธรรมดาเลย มันมากพอจะสร้างความตื่นตกใจแก่อีกฝ่าย อีกทั้งการที่ร่างเงาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก็ยังอยู่ในการคำนวณของซูหมิง เขาคำนวณอย่างแม่นยำว่าอีกฝ่ายไม่อาจขวางต่อได้ในทันที ทว่าตอนนี้องค์ชายรองห่างอีกพันกว่าจั้งแล้ว
ซูหมิงกุมในด้านจังหวะและโอกาสไว้อย่างแม่นยำยิ่ง หากเขากระทำช้ากว่านี้เล็กน้อย รอจนองค์ชายรองเข้ามาใกล้ เช่นนั้นต่อให้ทำแบบเดียวกัน สุดท้ายก็จะขวางองค์ชายใหญ่ได้ แต่ขวางองค์ชายรองไม่ได้
ทว่าตอนนี้ไม่ว่าองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรองต่างได้แต่มองซูหมิงถูกแส้ดารากระชากขึ้นไป แต่ถึงอย่างนั้นซูหมิงก็ต้องจ่ายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระอักเลือดก่อนหน้าหรือตอนนี้ที่ไม่ได้สัมผัสลำต้น แน่นอนว่าการฝืนกระชากขึ้นไปทำให้แรงกดดันจากผืนฟ้าแทบจะทำลายร่างเขา
ดีที่…ยิ่งเข้าใกล้ข้างบนแล้ว แม้จะไม่ได้สัมผัสลำต้น เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมเข้มข้น ภายใต้การสูบกลิ่นอายพลังนี้อย่างรวดเร็วนั้น จึงทำการฟื้นฟูร่างกายที่จะรับไม่ไหวได้อย่างเร็วไว
เหตุการณ์นี้ดูเหมือนช้า แต่ความจริงเกิดขึ้นเพียงพริบตา ร่างซูหมิงถูกแส้ดารากระชากขึ้นไปห้าพันกว่าจั้ง ทวารจั้งเจ็ดบนใบหน้ามีโลหิตหลั่งไหล ทั่วร่างจะแหลกลาญ ตอนนี้เองเขาขยับไหวกลับไปยังลำต้นพิสูจน์เต๋า เมื่อคว้าลำต้นเอาไว้แล้วก็พุ่งขึ้นข้างบนอย่างไม่ลังเล
ข้างล่าง ดวงตาองค์ชายใหญ่เผยจิตสังหาร เขาก็พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน นัยน์ตาองค์ชายรองเป็นประกายประหลาดใจ ก่อนหน้านี้ซูหมิงดูเหมือนมีอันตราย ทว่าความจริงมีการคำนวณอย่างแม่นยำ นี่ทำให้เขาตกใจและพลันพบว่าตนน่าจะต้องทำความรู้จักกับองค์ชายสามใหม่อีกครั้งแล้ว!
‘ไม่อยากเชื่อว่าจะรักษาความได้เปรียบไว้ได้ในระดับนี้…’ แววตาองค์ชายรองจริงจัง คำพูดในใจก็ดังขึ้นในฝ่ายอสุราเช่นกัน
ภายในฝ่ายอสุรา ดินเลนกลางรูปปั้นเก้ารูปตอนนี้ราบเรียบกลายเป็นกระจกโบราณบานหนึ่ง ในกระจก…มีภาพทุกอย่างที่องค์ชายรองเห็นในมิติชั้นสาม
เก้าคนรอบๆ ก็เห็นเหตุการณ์น่าตกใจจากซูหมิงก่อนหน้า เรื่องนี้ไม่ได้เผยขั้นพลังซูหมิง แต่แสดงให้เห็นถึงการคำนวณและความเด็ดขาดของเขา!
นี่ต่างหากที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เก้าคนนี้มีสีหน้าจริงจัง
“พวกเรา…ดูถูกองค์ชายสามท่านนี้แล้ว!”
“ใช่ ภายใต้สถานการณ์ตกเป็นรองแบบนี้ หากเป็นพวกเรา…เกรงว่าคงไม่อาจคิดวิธีแบบนี้ออกมาได้ในเวลาสั้นๆ อีกทั้งยังคำนวณถึงปฏิกิริยาโต้ตอบขององค์ชายรองกับหลินตงตงสำเร็จด้วย…”
“หึ ไม่อยากเชื่อว่าสำนักเอกะเต๋าจะใช้วิธีนี้ แต่ก็มีแค่พวกเขาที่ทำได้ ส่งมหาเต๋าสูงศักดิ์มาจากสำนักเอกะเต๋า ต่อให้เป็นพวกเราก็ต้องอาศัยกฏเท่านั้น ไม่เหมือนพวกเขา…ที่คำนวณการเปลี่ยนแปลงกฏเล็กน้อยเอาไว้ภายใน ทว่า ตอนนี้ดูแล้วในสำนักเอกะเต๋าก็คงเหมือนกับพวกเรา…ต้องคาดการณ์องค์ชายสามใหม่”
“แบบนี้ลิขิตไว้แล้วว่าเขาจะได้บรรลุมหาเต๋าสูงศักดิ์ อีกทั้งยังเจ้าแผนการขนาดนี้…ความน่ากลัวของเขาเหนือกว่ามหาเต๋าสูงศักดิ์แทบทุกคน!”
“การชิงบัลลังก์หกพันปีระหว่างองค์ชายไม่ได้บอกว่าห้ามให้ใครตาย…เรื่องนี้สำนักเอกะเต๋าที่ยึดถือวิชาแห่งดวงชะตาย่อมอยากให้เกิดขึ้นที่สุด…หากองค์ชายสามตายก็เท่ากับว่าสำนักเอกะเต๋าชิงดวงชะตาของเขามาได้…” เก้าคนเงียบลง แต่เมื่อมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มมุมปาก