Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1453
ในสำนักเอกะเต๋า กลางฟ้าดินที่อยู่ของรูปปั้นโบราณสามรูป ทั้งฟ้าดินตอนนี้เหมือนผิวน้ำ กลางท้องน้ำกระเพื่อมเบาๆ สะท้อนเป็นภาพต่างๆ ของต้นพิสูจน์เต๋าในมิติชั้นนสาม
รวมถึงการวางแผนอย่างชาญฉลาดก่อนหน้านี้ของซูหมิง ภาพที่ขึ้นนำไปอีกห้าพันจั้งเผยออกมาอย่างชัดเจน
“เด็กคนนี้…ไม่ควรมีชีวิตออกจากที่นั่น”
“สหายหลิน ได้ผลเต๋ามาแล้วให้สังหารเขา แบบนี้จะชิงดวงชะตาเขามาได้ ดวงชะตานี้ไม่เพียงแต่รวมไว้ที่องค์ชายใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมไว้ในสำนักเอกะเต๋าของเรา กลายเป็นตะเกียงส่องแสงเรืองรองในสำนักเรา”
ท่ามกลางเสียงมืดทะมึนดังกึกก้องเหมือนดังแว่วเข้าไปในระลอกคลื่นผิวน้ำบนฟ้า เข้าไปในหูหลินตงตงบนต้นพิสูจน์เต๋าในมิติชั้นสาม
ในมิติชั้นสาม ทันทีที่ซูหมิงสัมผัสต้นพิสูจน์เต๋า ในใจพลันเกิดความรู้สึกถึงอันตรายเป็นตาย ช่วงที่ก้มหน้าลงก็เห็นองค์ชายใหญ่ที่ห่างไปห้าพันกว่าจั้งข้างล่าง ในดวงตามีจิตสังหารวูบผ่าน
จิตสังหารนี้รุนแรงจนซูหมิงเห็นแล้วต้องหรี่ตาแคบลง ก่อนมององค์ชายรองที่ห่างจากองค์ชายใหญ่พันจั้ง สิ่งที่เห็นคือจิตสังหารในแววตาองค์ชายรองเช่นกัน
‘จะสังหารข้าที่นี่รึ…’ ซูหมิงยิ้มมุมปากเย้ยเยาะ ขณะเดียวกันก็หมุนตัวกลับปีนขึ้นไปพร้อมด้วยกลิ่นอายคาวเลือด ซ้ำยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ เหมือนของเด็กดังแว่วมา
เสียงหัวเราะนั้นฟังครั้งแรกเหมือนเสียงเด็กดังกังวานข้างหูซูหมิง แต่ตอนที่มองไปรอบๆ กลับไม่พบอะไร
“ข้าอยู่ตรงนี้” ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงหัวเราะอีก แต่ดังแว่วมาให้ความรู้สึกเหมือนลอยล่อง ราวกับดังผ่านหูซูหมิงจากไกลๆ
ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้สนใจมากนัก แม้ตลอดทางมานี้จะไม่พบเรื่องประหลาดมากมาย แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิต ตอนนี้ย่อมไม่รู้สึกประหลาดใจอะไร แต่ขยับวูบไหวขึ้นไปข้างบนต่ออย่างไม่ลังเล
ซูหมิงห้อเหยียดมาตลอดทาง กลิ่นหอมฟุ้งก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลั่งไหลเข้าไปในรูขุมขนทั่วร่าง ทำให้แม้แรงกดดันจะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่ได้ส่งผลต่อเขารุนแรงนักแล้ว
เหมือนกับว่า…ต้นไม้นี้เตรียมการไว้ให้เขา!
“กลิ่นอายพลังในตัวเจ้าทำให้ข้านึกถึงคนในครอบครัว…” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ยังคงเป็นน้ำเสียงเด็ก แต่มีความห่อเหี้ยวน้อยๆ
“พวกเขาจากไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปที่ใด เหลือเพียงข้า…” ช่วงที่เสียงดังแว่วมา ซูหมิงพุ่งเข้าไปยังส่วนกลางของต้นพิสูจน์เต๋า ห่างจากแมกไม้ที่มาแทนที่ฟ้าอีกหลายหมื่นจั้ง
ข้างหลังเขา องค์ชายใหญ่ใช้พลังมหาเต๋าสูงศักดิ์ไล่ตามมาด้วยความเร็วเหนือกว่าซูหมิง จึงย่นระยะห่างเหลือสามพันจั้ง องค์ชายรองข้างหลังยังคงรักษาระยะห่างจากองค์ชายใหญ่หลายร้อยจั้ง
“สี่คนข้างหลังเจ้า นอกจากสามคนในนั้นแล้ว ข้าไม่ชอบคนอื่น อืม…ไม่ใช่สอง พูดให้ถูกคือในร่างกายหนึ่งมีวิญญาณสามดวง วิญญาณสามดวงนี้มีดวงหนึ่งทำให้ข้ารู้สึกใกล้ชิดเล็กน้อย เหมือนกับเจ้า…
และยังมีอีกคน นั่นคือคนที่ไม่มีหัว เขาไม่มีวิญญาณ แต่ร่างกายเขามีกลิ่นอายพลังที่ข้าคุ้นเคย…คนสุดท้าย ข้าชอบดวงตาขวาเขา…เพียงแต่พวกเขาแปลกมาก มีเพียงเจ้าที่กลิ่นอายพลังบริสุทธิ์มาก…เจ้า…เจ้าคือคนในครอบครัวข้ารึ?”
เสียงดังกึกก้องทำให้ซูหมิงหยุดชะงักทันที หรี่ตาแคบลงพลางห้อทะยานไปอีกครั้ง แต่พูดขึ้นในใจ
“เจ้าเป็นใคร?”
“ข้ารึ? ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าจำได้เพียงเมื่อก่อนเล่นกับผีเสื้อเก้าตัวบ่อยๆ…ข้างกายมีคนในครอบครัวเยอะแยะเลย พวกเขาชอบข้ามาก…แต่มีวันหนึ่งมีคนชั่วเข้ามา…” เสียงดั่งเด็กน้อยพูดไปพูดมาก็เศร้าโศก
ซูหมิงได้ยินดังนั้นในใจสั่นสะท้าน แต่เขาไม่มั่นใจในคำตอบที่ลอยมาในความคิดตอนนี้ ขณะห้อทะยานไปจึงถามขึ้นอีกครั้ง
“เจ้า…เจ้ามีนามว่าอะไร?”
“เฮ่าเฮ่า ข้าชื่อเฮ่าเฮ่า…ข้าถูกคนชั่วพามาที่นี่ แต่ข้าคิดถึงบ้าน…คนชั่วนั่นมัดร่างข้าไว้ ให้ข้าอยู่ได้แต่ที่นี่…
เจ้าทำให้ข้ารู้สึกใกล้ชิดมาก เจ้า…เป็นคนในครอบครัวข้ารึ?” เสียงดั่งเด็กน้อยลังเลครู่หนึ่งแล้วถามกลับเหมือนกลัวๆ เล็กน้อย
ซูหมิงจะตอบกลับ ทว่าทันใดนั้นองค์ชายใหญ่ข้างล่างดวงตาวาววับ ยกมือขวาขึ้นตบลำต้นพิสูจน์เต๋า ทันใดนั้นเสียงเขาดังก้องกังวานไปรอบๆ
“เต๋ากู่จั้ง สำนักเอกะเต๋า รวงดวงชะตาเปลี่ยนกฏ!” พูดจบ มิติชั้นสามพลันเกิดระลอกคลื่นนับไม่ถ้วน ขณะระลอกคลื่นนั้นขยายออก ร่างองค์ชายใหญ่เลือนรางโดยพลันแล้วหายไป ลมหายใจต่อมาปรากฏขึ้นข้างหลังซูหมิงห่างไปเพียงห้าร้อยจั้ง ร่างเขาชัดเจนขึ้นก่อนพุ่งไปหาซูหมิง
“ด้วยพลังวิญญาณเต๋าเล็กจ้อยไม่มีทางขึ้นไปถึงกิ่งไม่ได้หรอก การแย่งชิงครั้งนี้…ถูกลิขิตไว้แล้วว่าเจ้าทำไม่สำเร็จและต้องตายที่นี่ นี่คือโชคชะตาที่เจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลง” เสียงองค์ชายใหญ่ดังกังวานเข้าถึงหูซูหมิง
ดวงตาซูหมิงเป็นประกายวาววับ สี่ดวงจิตใหญ่ปกคลุมในร่างกาย เข็มทิศใต้เท้าส่องแสงหมื่นจั้ง เมื่อซูหมิงปะทุพลัง เขาจึงยังคงรักษาความเร็วในการทะยานขึ้นข้างบนได้
ห่างจากแมกไม้ที่มาแทนที่ฟ้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนเหลือเพียงแค่สองหมื่นจั้งเท่านั้น เป็นตอนนี้เององค์ชายรองข้างล่าง ร่าวเงาไร้หัวนั้นขยับวูบไหวปะทุพลังน่าสะพรึง ความเร็วพุ่งพรวดขึ้นไม่น้อย ย่นระยะห่างเข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่อง
ทว่าพลังซูหมิงห่างจากมหาเต๋าสูงศักดิ์มากเกินไป แม้แรงกดดันที่นี่จะรุนแรงอย่างยิ่ง แม้ซูหมิงจะมีกลิ่นหอมฟื้นฟูไม่หยุด แต่ระยะห่างห้าร้อยจั้งข้างหลังก็ยังเข้ามาใกล้ช้าๆ จนตอนที่ห่างจากแมกไม้ข้างบนหมื่นจั้ง องค์ชายใหญ่อยู่ข้างหลังซูหมิงห่างไปไม่ถึงสองร้อยจั้ง
“จะ…เจ้าอยากไปถึงแมกไม้รึ? เจ้า…เจ้าอยากไปบ้านเกิดข้าหรือไม่? หากเจ้าจะไปบ้านเกิด พาข้าไปด้วยได้หรือไม่? ข้าอยากกลับบ้าน…” เสียงเด็กดังแว่วมา ทำเอาซูหมิงใจสั่น
“เจ้าช่วยข้าไปถึงแมกไม่ได้รึ?”
“ได้สิ” สิ้นเสียงเด็ก ต้นพิสูจน์เต๋าที่ซูหมิงสัมผัสอยู่พลันอ่อนยวบลงกลายเป็นน้ำวนหนึ่งดึงร่างเขาเข้าไปข้างใน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนองค์ชายใหญ่อึ้งงัน องค์ชายรองหรี่ตาลง
ตอนนี้เองร่างซูหมิงไปปรากฏห่างจากแมกไม้สามพันจั้ง เหมือนเดินออกมาจากกลางต้นไม้โบราณ เมื่อปรากฏกายแล้วซูหมิงก็มีสีหน้าตื่นเต้น
“ข้าทำได้แค่นี้ เจ้าต้องรีบขึ้นไป ข้าจะรอเจ้าข้างบน พวกเราจะกลับบ้านเกิดด้วยกัน…เจ้าต้องการสองผลนั่นใช่หรือไม่…ดี ข้าจะให้เจ้า”
ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ความเข้มข้นของกลิ่นหอมตรงนี้ทำให้เขาสูบทีเดียววิญญาณเต๋าที่ห้าในดวงตาที่สามก็เหมือนขยายใหญ่ขึ้น พลันสมจริงขึ้นไม่น้อย
เขาเงยหน้ามองยอดไม้ ตรงนั้นเห็นว่าบนยอดไม้มีผลอยู่สองผล จึงขยับวูบไหวพุ่งขึ้นไปด้วยความเร็วคงที่
ห่างจากข้างล่างไปหลายพันจั้ง หลินตงตงที่ยึดร่างองค์ชายใหญ่ชั่วคราวนัยน์ตาเผยจิตสังหารรุนแรง เขาไม่คาดคิดเลยว่าซูหมิงจะยังมีวิธีแบบนี้อยู่ วูบเดียวก็ย่นระยะห่างขนาดนี้ เขาจึงคำรามเสียงต่ำ ร่างกายเกิดเสียงดังปุงปัง ยกมือขวาชี้มวลอากาศ
“สหายสำนักเอกะเต๋าทุกท่าน ถึงเวลาการเปลี่ยนกฏแล้ว!”
พูดจบ ภายในโลกสำนักเอกะเต๋า ฟ้าดินที่สามรูปปั้นนั้นอยู่ ยามนี้ผู้ฝึกฌานที่นี่ต่างตกตะลึงกับภาพที่ซูหมิงทะลวงผ่านบนต้นไม้โบราณ ช่วงที่เสียงหลินตงตงดังแว่วมาจากในผิวน้ำบนฟ้า ดวงตาหกดวงของรูปปั้นโบราณสามรูปปั้นเปล่งแสงหม่นราวกับลืมตาขึ้น
ในเวลาเดียวกัน แสงหม่นหกสายดั่งสายรุ้งยาวพุ่งเข้าไปยังผิวน้ำบนฟ้า ขณะเดียวกับที่เข้าไป หลินตงตงที่ยึดร่างองค์ชายใหญ่ชั่วคราวพลันยกมือขวาขึ้น บนมือเกิดระลอกคลื่นจำนวนมาก ระลอกคลื่นกระจายออก ฟ้าดินรอบๆ พลันกลายเป็นสีมืดทึบเหมือนว่ากฏถูกเปลี่ยน พร้อมกันนั้นแรงกดดันจากต้นพิสูจน์เต๋าเบาบางลง หลินตงตงคำรามเสียงต่ำทีหนึ่งแล้วพุ่งตรงไปหาซูหมิงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเกือบหลายเท่า
ด้วยความเร็วแบบนี้จึงย่นระยะห่างเข้ามาใกล้ซูหมิงเรื่อยๆ ฟ้าดินรอบๆ เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้า เห็นตาข่ายมายาเหลือคณานับรางๆ ปรากฏในโลกนี้ อีกทั้งยามนี้เองตาข่ายมายาที่นี่ถูกแสงหม่นโอบล้อม หากมองดีๆ จะเห็นว่าตาข่ายเหล่านี้…เหมือนกำลังถูกลดน้อยลง กระทั่งมีบางแห่งแตกเป็นเสี่ยงๆ!
เวลานี้ร่างเงาไร้หัวขององค์ชายรองตัวสั่นไปทั่วร่าง ราวกับว่าภายในร่างไร้หัวมีพลังบางอย่างกำลังลุกไหม้ เมื่อเกิดการเผาไหม้อย่างไรรูป ความเร็วเขาจึงเพิ่มขึ้นตาม ทะยานตรงไปยังยอดไม้ข้างบน
นี่คือการกระตุ้นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นซูหมิงหรืออีกสองคน ตอนนี้ต่างใช้ความเร็วทั้งหมดที่มีเป็นสายรุ้งสามสายพุ่งไปยังยอดไม้
สำหรับซูหมิงแล้วระยะห่างสามพันจั้งถือว่าไม่ไกล แต่สองคนข้างหลังตอนนี้ปะทุความเร็วโดยไม่สนสิ่งใด ทำให้ความได้เปรียบของซูหมิงกำลังถูกย่นระยะห่างเข้ามาใกล้อย่างเร็วรี่
ดวงตาซูหมิงเปล่งประกายเรืองรอง ขณะเดียวกับที่องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองไล่ตามมา เขาพุ่งขึ้นฟ้าไปราวกับดาวตก ขึ้นไปยังยอดไม้ต้นพิสูจน์เต๋าแทบจะพร้อมกับองค์ชายใหญ่
ทันทีที่พุ่งขึ้นมาซูหมิงตรงไปยังผลเต๋าผลเล็ก แต่องค์ชายใหญ่มีเป้าหมายที่ผลเต๋าผลใหญ่ สองคนเป้าหมายต่างกัน แต่มีทิศทางเดียวกัน
“รนหาที่ตาย!” นัยน์ตาองค์ชายใหญ่มีจิตสังหารอย่างโจ่งแจ้ง พลันสะบัดมือขวา พลังมหาศาลของมหาเต๋าสูงศักดิ์พุ่งตรงไปหาซูหมิง
“เฮ่าเฮ่าจะช่วยเจ้าเอง…” ตอนนี้เอง เสียงเด็กดังแว่วมาอีกครั้ง ต้นพิสูจน์เต๋าที่ตั้งตระหง่านแน่นิ่งมาไม่รู้กี่ปีโคลงเคลงไปมา