Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1454
เสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้าดิน เมื่อต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลง หลินตงตงที่ยึดร่างองค์ชายใหญ่ชั่วคราวหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ต่อให้มีพลังอย่างเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันยากจะบรรยาย แรงกดดันรวมมาที่ตัวเขาตามยอดไม้โคลงเคลง ทำให้เขากลายเป็นดั่งคนธรรมดา ร่างซวนเซถอยไปหลายก้าว พลังแห่งมหาเต๋าสูงศักดิ์ที่โจมตีใส่ซูหมิงหายไป
กระทั่งตอนนี้องค์ชายรองขึ้นมาบนแมกไม้แล้ว หน้าเปลี่ยนสีพลางถอยไปเช่นกัน
“ข้าจะกลับบ้าน!” เสียงเด็กดังก้องกังวานฟ้าดิน สิ้นเสียงต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลงรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ฟ้าดินสั่นสะเทือน ตาข่ายมายาใหญ่ปะทุพลังแห่งผนึกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การโคลงเคลงของต้นพิสูจนเต๋าส่งผลถึงองค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง แต่สำหรับซูหมิงกลับส่งผลน้อยมาก แทบเป็นช่วงที่ต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลง ร่างเงาซูหมิงพุ่งไปยังผลพิสูจนเต๋า วูบเดียวก็เข้าไปใกล้ ช่วงที่จะคว้าผลเต๋าลูกเล็กนั้น องค์ชายใหญ่คำรามเสียงดังสนั่น
“ข้าหลินตงตง สืบทอดวิชาแห่งดวงชะตามหาจักรพรรดิกู่จั้ง ฝึกฝนมหาเต๋าสูงศักดิ์ วันนี้ขอใช้ดวงชะตาสำนักเต๋ากู่จั้ง ใช้มรดกแห่งมหาจักรพรรดิกู่จั้งเปลี่ยนกฏ กฏที่นี่จงหายไป!”
หลินตงตงที่ยึดร่างองค์ชายใหญ่ชั่วคราวตาแดงก่ำ หากผลเต๋าถูกซูหมิงชิงไปต่อหน้าต่อตา เช่นนั้นคงเป็นความอัปยศต่อเขา ยามนี้แม้ต้นพิสูจนเต๋าจะโคลงเคลงอย่างรุนแรง แต่หลินตงตงก็ยังคำราม ทั้งฟ้าดินเกิดเสียงอึกทึก ตาข่ายใหญ่มายาพลันถูกทอนกำลังลงเล็กน้อย ส่วนที่เสียหายอยู่แล้วแหลกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนที่แหลกเป็นเสี่ยงๆ…เชื่อมกันเป็นช่องโหว่รอยแตก!
ขณะเดียวกัน ร่างหลินตงตงเป็นสายรุ้งยาว ภายใต้การเปลี่ยนกฏ ขั้นพลังเขาจึงไม่ถูกควบคุมอีก ก่อนปะทุขึ้นพร้อมทะยานไปหาซูหมิง
ใบหน้าเขาในสายรุ้งยาวเปลี่ยนไป ดูแล้วไม่ใช่องค์ชายใหญ่อีก แต่ใกล้จะกลายเป็นหน้าหลินตงตง
นี่คือการที่เขาเพิ่มพลังในการยึดร่าง กระทั่งทำลายรากฐานขององค์ชายใหญ่อย่างไม่เสียดาย ยามนี้พุ่งไป อาศัยการเปลี่ยนกฏสลายพลังฟ้าดินที่ปะทุมายามต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลง พุ่งทะยานไปหาซูหมิงในพริบตา
ทว่าเขาก็ยัง…ช้าไปก้าวหนึ่ง!
ซูหมิงเด็ดผลเต๋าลูกเล็กมาแล้ว ถึงขั้นโบกมือขวาคว้าไปยังผลเต๋าลูกใหญ่แล้ว!
“ไสหัวไป!” หลินตงตงเข้ามาใกล้ในทันใด คำรามเสียงต่ำพลางสะบัดแขนเสื้อ พลังมหาศาลที่ซูหมิงไม่อาจต่อต้านปะทะใส่ร่าง นี่คือการโจมตีด้วยโทสะของมหาเต๋าสูงศักดิ์ ซูหมิงตัวสั่น ถอยไปยังกระอักเลือดต่อเนื่องกันหลายครั้ง ร่างกายจะแหลกลาญ ความเป็นตายถึงชีวิตประหนึ่งน้ำทะเลสาบจะจมร่างเขา
โลหิตไหลจากมุมปากซูหมิง ร่างหมุนกระเด็นถอยไป หลินตงตงคว้าผลเต๋าลูกใหญ่ไว้ องค์ชายรองหรี่ตาลงพุ่งไปหาซูหมิงพร้อมกับร่างเงาไร้หัวข้างๆ ตอนนี้เองซูหมิงยกมือขวาขึ้นนำผลเต๋าในมือขึ้นมาตรงริมฝีปากก่อนสูบทีหนึ่ง ผลเต๋าพลันแห้งเหี่ยวลงแล้วหายไป
นัยน์ตาองค์ชายรองเผยประกายชั่วร้าย แต่กลับไม่โกรธ ทว่าก็มืดทะมึนกว่าเดิม ช่วงที่เข้าไปใกล้ซูหมิงในพริบตานั้น เสียงเขาดังกึกก้อง
“หากไม่กินผลเต๋า ข้าก็คงเห็นแก่สายเลือดไม่ลงมือสังหารเจ้า แต่เจ้ากินผลเต๋า คงต้อง…หลอมร่างเจ้าออกมาเป็นพลังแห่งผลเต๋าแล้ว”
“เฮ่าเฮ่า!” ดวงตาซูหมิงขยับประกายก่อนพูดขึ้นโดยพลัน
ยามนี้เอง ขณะต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลงก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง เสียงสะเทือนฟ้าดินดังกังวานไปรอบๆ ต้นพิสูจนเต๋าไม่ได้โคลงเคลงเพียงแมกไม้ แต่ลำต้นสั่นไหวอย่างรุนแรงเช่นกัน แม้แต่แผ่นดินข้างล่างยังเกิดรอยร้าวยักษ์ขึ้นตามการโคลงเคลงของต้นพิสูจนเต๋า กระทั่งในมิติชั้นสองยังเกิดการสั่นไหวแบบนี้อย่างรุนแรง
โดยเฉพาะในมิติชั้นหนึ่ง เมื่อต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลง ต้นไม้แสนต้นบนแท่นบวงสรวงแสนแห่งพลันโยกเยกพร้อมกัน จากนั้นเกิดพลังแห่งการทำลายล้างขึ้นราวกับจะระเบิดตัวเอง ทว่าตอนนี้เอง ในมิติชั้นสองกับชั้นสามปรากฏตาข่ายใหญ่ไม่มีสิ้นสุดขึ้น ตาข่ายเหล่านี้ห่อหุ้มฟ้าดิน ทำให้กลิ่นอายพลังที่จะระเบิดตัวเองถูกควบคุมเอาไว้
แต่เหตุการณ์นี้ก็สร้างความตกใจแก่ผู้ฝึกฌานมิติชั้นหนึ่งกับชั้นสองเช่นกัน มีผู้ฝึกฌานไม่น้อยที่ตอนนี้หวาดกลัวและเลือกไปจากที่นี่ทันที
ผืนฟ้าแคว้นกู่จั้ง ตอนนี้ในหลุมดำของน้ำวนมีร่างเงาผู้ฝึกฌานบินออกมาไม่น้อย ทั้งผืนฟ้าเกิดเสียงโครมคราม น้ำวนจะพังทลายลง แต่กลับถูกตาข่ายมายาใหญ่ปกคลุมเอาไว้
ภายในเมืองหลวงใต้น้ำวน กลางเมืองหลวง ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมจักรพรรดิกำลังยืนอยู่บนแท่นบวงสรวงของลานวังจักรพรรดิ บนแท่นบวงสรวงมีหม้อใหญ่ใบหนึ่ง ใต้หม้อมีมังกรสีดำตัวหนึ่งนอนหมอบเอาตัวพันรอบทั้งแท่นบวงสรวง
ยามนี้มันลืมตาขึ้นเปล่งเสียงคำรามแหลม
“มีคนรบกวนกฏ…ทำให้ดวงชะตากำลังเปลี่ยน…ภัยพิบัติมาเยือน สารแห่งห้องลับมหาจักรพรรดิ หรือว่าจะมีอันตราย” ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมจักรพรรดิมองมังกรที่กำลังคำรามพลางพูดพึมพำ
ขณะเดียวกันในสำนักเอกะเต๋า ตอนนี้มีสายรุ้งยาวบินออกมาจากกลางโลกสามรูปปั้นโบราณทีละสาย สามรูปปั้นสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ฝุ่นธุลีล่วงหล่นลงมาเหลือคณานับ ดูแล้วเหมือนอยู่ในโกลาหล
“อย่าเปลี่ยนกฏ ทำให้กฏเป็นเหมือนเดิม!”
“หลินตงตง เจ้าเปลี่ยนกฏต่อไม่ได้แล้ว!”
ท่ามกลางน้ำเสียงร้อนรนดังก้อง แม้แต่ในฝ่ายอสุราตอนนี้ยังสั่นสะเทือน ชายชราบนเก้ารูปปั้นมองทุกอย่างในกระจก เบิกตากว้างอ้าปากค้าง
“นี่มัน…”
“ต้นพิสูจนเต๋ากำลังจะหลุดออกจากกฏในตอนนั้นของมหาจักรพรรดิ สำนักเอกะเต๋าสมควรตาย พวกเขาไม่ควรเปลี่ยนกฏเช่นนี้!”
ตอนนี้เองภายในมิติชั้นสาม ต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลงรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ฉีกตาข่ายใหญ่มายาออก ทำให้ทุกอย่างที่นี่ประหนึ่งฟ้าดินกลับตาลปัตร เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง
แม้แต่มิติชั้นสองยังสั่นสะเทือนตาม ตาข่ายมายาไม่อาจปกคลุมแท่นบวงสรวงหมื่นแห่งที่นั่นได้ต่อจึงพังทลายลง
เมื่อพังทลาย ลำต้นพิสูจนเต๋าพลันตั้งตระหง่านอยู่กลางซากปรักหักพัง แรงกดดันมหาศาลตามมา ชั่ววูบเดียว…ผู้ฝึกฌานที่ไม่ได้ออกจากชั้นสองรับแรงกดดันจนร่างระเบิดออกพร้อมกัน โลหิตพวกเขาพุ่งตรงไปยังลำต้น ถูกสูบกินไปอย่างเร็วไว!
ขณะเดียวกันมิติชั้นสอง…ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ พังทลายลงอย่างสมบูรณ์!
ต่อมาก็ตัดการเชื่อมต่อกับมิติชั้นสาม ซ้ำยังทำให้ชั้นหนึ่ง…เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงตามมา นั่นคือเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นที่แท่นบวงสรวงแสนแห่ง!
บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงแคว้นกู่จั้งมีร่างเงานับไม่ถ้วนบินออกมาจากในน้ำวนนั้นด้วยความตระหนก ในนั้นมีพวกกู่ไท่ พวกเขารีบออกมาจากชั้นสองอย่างรวดเร็ว ความหวาดกลัวต่ออันตรายถึงชีวิตทำให้พวกเขาสนใจอะไรได้ไม่มากนัก ยามนี้บินออกมาจากน้ำวนมาปรากฏตัวบนฟ้าแคว้นกู่จั้ง ก็เกิดเสียงดังสนั่นฟ้ากึกก้องไปทั้งแคว้นกู่จั้ง
นั่นคือ…น้ำวนบนฟ้าถล่มลง ตาข่ายมายาใหญ่ที่ปกคลุมข้างบนแหลกลาญไป เสียงโครมครามดังสะเทือนฟ้าดิน น้ำวนนั้น…แหลกเป็นชิ้นๆ แม้แต่มิติชั้นหนึ่งยังระเบิดออกทั้งหมด
การระเบิดตัวเองของแท่นบวงสรวงแสนแห่งทำให้มิติพังพินาศลง!
การพังพินาศครั้งนี้เหมือนตัดการเชื่อมต่อทุกอย่างระหว่างแคว้นกู่จั้งกับต้นพิสูจนเต๋า ทำให้นับจากนี้ไป แคว้นกู่จั้งจะไม่ปรากฏผลเต๋าอีก
เรื่องนี้เหมือนกับภัยพิบัติที่มาอย่างกะทันหัน เมื่อน้ำวนบนฟ้าพังลงและค่อยๆ หายไปนั้น ผ่านไปพักใหญ่ทั้งผืนฟ้ากลับมาสงบลงทีละน้อย ตอนนี้เองร่างเงาจำนวนมากบนเมืองหลวงต่างเหม่อมองฟ้า ในความคิดขาวโพลน
ผู้ฝึกฌานที่หนีออกมามีไม่น้อย แต่คนที่หนีออกมาไม่ทันก็มีไม่น้อยเช่นกัน รวมถึงซูหมิง องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง ล้วนถูกขังอยู่ในนั้น ตอนนี้เมื่อน้ำวนพังทลายลงก็เท่ากับไม่มีทางกลับแล้ว
จนฟ้ากลับมาเป็นปกติ เสียงคำรามของมังกรดำในเมืองหลวงบนพื้นดินดังกังวานเป็นพิเศษ…
ในสำนักเอกะเต๋า ฟ้าดินสั่นไหว รูปปั้นมหาจักรพรรดิกู่จั้งสามรูปถล่มลงสองรูป ทั้งสำนักเอกะเต๋าอยู่ในโกลาหล…
ในการเปลี่ยนแปลงฟ้าดินครั้งนี้ ตอนนี้บนรูปปั้นเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่พังลงมีร่างเงายืนอยู่สามคน หนึ่งในนั้นคือเซินมู่ ชายชราอีกสองคนอยู่ข้างๆ เป็นสองในสี่มหาเต๋าสูงศักดิ์ของสำนักเอกะเต๋า
ชื่อหยางกับไป๋ลู่!
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีกลับมา แต่แบบนี้ก็ดี คนที่ออกมาจะได้เป็นว่าที่องค์รัชทายาท!” สามคนมองหน้ากันและกันแล้วต่างเห็นถึงความมืดทะมึนในดวงตากัน
และยังมีฝ่ายอสุรา แม้ภายในจะไม่เกิดความวุ่นวาย แต่เหตุการณ์ต่างๆ ในมิติชั้นสามสร้างความตกตะลึงแก่พวกเขาแล้ว
ส่วนสำนักอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้ ต่างตกตะลึงกับการที่มิติต้นพิสูจนเต๋าถูกทำลาย กระทั่งพวกเขายังจำได้ว่า…สามองค์ชายเหมือนจะถูกขังอยู่ในนั้น!
“ตอนที่พบกันอีกครั้งน่าจะเป็นนอกประตูเมือง…” กลางเมืองหลวง ร่างเงาแก่ชราสวมงอบเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ผ่านไปพักใหญ่ถึงถอนหายใจเบา
ขณะเดียวกันในหมูบ้านภูเขาเล็กทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นกู่จั้ง เสียงตัดฟืนเงียบไปครู่หนึ่ง ชายชราในลานบ้านมองไม้ตรงหน้า ก่อนเงยหน้าขึ้นมองฟ้าไกลเงียบๆ
“พันปีจากนี้อาจารย์จะไปเมืองหลวง พวกเราตาแก่สามคนจะสู้กัน เจ้า…จะกลับมาทันหรือไม่…ช่างเถอะ อาจารย์จะรอเจ้า!” ชายชราพูดพึมพำแล้วก้มหน้าลงเงียบๆ