Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1458
พลังชนิดนี้ไหลเวียนในร่างกายซูหมิงในฉับพลัน ส่งผลให้กลิ่นอายพลังในตัวเขาเพิ่มขึ้น กระทั่งเขาสังเกตเห็นว่าพลังชนิดนี้มีความรู้สึกคล้ายๆ กับผลเต๋า เว้นแต่…ความเจ็บปวดถึงขีดสุด!
การกินผลเต๋า ความเจ็บปวดนั้นยังคงเด่นชัดในความทรงจำ ทว่าตอนนี้เฮ่าเฮาจับมือเขา พลังที่ส่งเข้ามากลับไม่ได้มีความเจ็บปวดรุนแรงแบบนั้น แต่ว่า…ความรู้สึกปะทุขึ้นของพลังกลับรุนแรงยิ่งกว่า
“เจ้า…” ซูหมิงมองเด็กชายตรงหน้าพลางถอนหายใจเบา
“ข้าไม่อาจให้ต้นพิสูจน์เต๋ากลับบ้านเกิดด้วยได้แล้ว…จะให้มันอยู่ที่นี่ สู้มอบให้กับเจ้าดีกว่า และมีแต่แบบนี้เท่านั้นเจ้าถึงใช้พลังฉีกผนึกนั่นได้ ให้พวกเราได้กลับบ้าน…” เด็กชายมองซูหมิง ความใสในแววตามีประกายและความยึดมั่น
ซูหมิงเงียบ พลังเขากำลังเพิ่มขึ้น หลั่งทะลักเข้ามาอย่างรุนแรง พริบตาเดียวกลิ่นอายพลังเขาก็แข็งแกร่งขึ้น อัดแน่นฟ้าดิน แต่ด้วยความที่พลังหลั่งเข้ามาอย่างมหาศาล เขาจึงสูบกินไม่ได้ในทันที ฉะนั้นเต๋าสูงศักดิ์ในดวงตาที่สามจึงไม่เพิ่มขึ้น แต่ว่า…พลังที่สั่งสมในร่างกายกลับเหนือกว่าเต๋าสูงศักดิ์!
ถึงระดับใดนั้นซูหมิงไม่ต้องคาดการณ์แล้ว เขารู้สึกว่าเมื่อตนแกร่งขึ้น เด็กน้อยค่อยๆ อ่อนแอลง แต่ความใสและความยึดมั่นในแววตากลับไม่น้อยลง ในทางตรงข้ามกลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน ต้นพิสูจน์เต๋าที่พังทลายลงส่วนหนึ่งเกิดการแห้งเหี่ยวลง เริ่มจากส่วนราก เหมือนดูดพลังชีวิตทั้งหมด พลังทั้งหมดส่งผ่านมือเฮ่าเฮ่าไปหาซูหมิง
นี่คือของขวัญจากเฮ่าเฮ่า ของขวัญจากต้นไม้โบราณพิสูจน์เต๋า
สิ่งที่มาพร้อมกับของขวัญยังมีความยึดมั่น ซูหมิงมองเด็กชายน้อยอยู่พักใหญ่ก่อนพูดเสียงเบา
“ข้ารับปาก…จะทำทุกอย่างเพื่อส่งเจ้า…กลับบ้าน”
เด็กชายน้อยยิ้ม รอยยิ้มนั้นมีความงามบริสุทธิ์ เขาจับมือซูหมิงด้วยสีหน้าที่มีความไว้ใจเพิ่มมา เหมือนมีแต่แบบนี้เท่านั้นเขาถึงรู้สึกปลอดภัย ราวกับว่าคำสัญญาจากซูหมิงคือทุกอย่างของโลกนี้สำหรับเขา
ต้นพิสูจน์เต๋าแห้งเหี่ยวลงหนักขึ้นเรื่อยๆ ส่วนรากแห้งถึงขีดสุดแล้ว ค่อยๆ กลายเป็นเถ้าธุลีหายไป ภาพนี้อยู่ในสายตาหลินตงตง ภายในดวงตาเขาฉายแววตื่นกลัว มีสีหน้าตกตะลึง ขณะเดียวกันยังมีความริษยาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“นะ…นี่คือการมอบพลังชีวิตและทุกอย่างของต้นพิสูจน์เต๋าตลอดไม่รู้กี่ปีมานี้ให้กับองค์ชายสาม สมควรตายๆ เขาไม่ควรได้รับโชควาสนาแบบนี้!
หาก…หากเขาสูบพลังของต้นพิสูจน์เต๋า หากหล่อหลอมเสร็จแล้ว ขะ…เขาจะบรรลุขอบเขตพลังใด?
นี่คือโชควาสนาที่ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่โบราณมา!” ดวงตาหลินตงตงเกิดเส้นเลือดฝอย จ้องซูหมิงตาเขม็ง แต่กลับไม่กล้าผลีผลาม ความริษยารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในใจ ถึงท้ายที่สุดกลายเป็นจิตสังหารต่อซูหมิงที่รุนแรงกว่าเดิม
เขาเป็นเช่นนี้จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงองค์ชายรอง ตอนนี้องค์ชายรองจ้องซูหมิงตาเขม็ง เขาก็มองออกถึงโชควาสนาของซูหมิงเช่นกัน ความริษยาคลุ้มคลั่งในใจมาแทนที่ความรู้สึกทั้งหมดแล้ว
‘เดิมทีควรเป็นของข้า ของข้า! เจ้าแย่งผลเต๋าข้า ทั้งยังแย่งโชควาสนาของข้าอีก หากไม่มีเจ้า ผลเต๋าจะเป็นของข้า โชควาสนานี้ก็เป็นของข้า!’ ชั่วขณะที่องค์ชายรองกำลังคลุ้มคลั่ง ร่างเงาตี้เทียนในดวงตาขวาสมจริงขึ้นเรื่อยๆ ยามที่มองซูหมิง ตี้เทียนมีสีหน้าซับซ้อน
ทว่าความริษยาและจิตสังหารของพวกเขาไม่อาจสั่นคลอนซูหมิงได้แม้แต่น้อย ภายใต้พลังมหาศาลนี้ การแห้งเหี่ยวของต้นพิสูจน์เต๋าค่อยๆ ลุกลามไป หนึ่งส่วน สองส่วน สามส่วน…จนกระทั่งเจ็ดส่วน แปดส่วน มองไกลๆ ต้นพิสูจน์เต๋าแห้งเหี่ยวมากกว่าครึ่งแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่เหมือนว่ามีเพียงแมกไม้ที่มีไม่มากนั้น
แต่ซูหมิงตอนนี้ สุดจะบรรยายความแกร่งของเขาแล้ว เด็กชายข้างกายใบหน้าซีดขาวทีละน้อย ร่างกายเป็นมายารางๆ แต่ความใสในแววตากับรอยยิ้มบนใบหน้ายังคงดังเดิม มีความยึดมั่น มีการสละชีพที่ซูหมิงปวดใจ
นี่คือเด็กคนหนึ่งที่ยอมจ่ายทุกอย่างเพื่อกลับบ้าน ชั่วขณะที่ซูหมิงถอนหายใจ แมกไม้นั้น…แห้งเหี่ยวลงทั้งหมด ทั้งต้นพิสูจน์เต๋า ต้นไม้สูดเสียดฟ้าที่อยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปีหายไปทั้งหมด
ความรุ่งเรืองของมันเคยผงาดขึ้นที่โลกในอดีตนั้น คงอยู่ในแคว้นกู่จั้ง ตอนนี้รวมไว้ที่ตัวซูหมิง เป็นความหวังได้กลับบ้านของเด็กชายน้อย
เมื่อต้นพิสูจน์เต๋าหายไป เด็กชายน้อยเหมือนค่อยๆ เสียพละกำลัง เหมือนจะปล่อยมือจากซูหมิง แต่พริบตาที่จะปล่อยมือ ซูหมิงกลับคว้ามือเด็กชายน้อยเอาไว้แล้วส่งกลิ่นอายพลังอบอุ่นเข้าไปในร่างเด็กชาย
“อย่าหลับ ต้องดูข้า…พาเจ้ากลับบ้าน” ซูหมิงนั่งยองลงมองเด็กชายน้อยร่างมายาพลางลูบหัวเขา
เด็กชายน้อยมองซูหมิงอยู่นาน…ถึงพยักหน้าอย่างจริงจัง
“เฮ่าเฮ่าไม่หลับ เฮ่าเฮ่าจะดูทางกลับบ้าน”
ซูหมิงยิ้ม รอยยิ้มนั้นอ่อนโยนมาก หลังลูบหัวเด็กชายน้อยอีกครั้งแล้วก็ยืนขึ้น เงยหน้าขึ้นมองร่างเงาจิตไม่มอดดับของมหาจักรพรรดิที่รวมขึ้นจากยันต์บนรอยถลอกในรอยแยกกลางมวลอากาศ
ช่วงมองไป ชายชุดคลุมดำก็มองซูหมิงเช่นกัน
ซูหมิงมองอีกฝ่าย มองใบหน้าที่ไม่มีวันลืมในความทรงจำ นั่นคือ…ใบหน้าของเสวียนจั้ง ซูหมิงเห็นก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่เคยเพ่งมองอย่างตอนนี้
“เสวียนจั้งก็ดี กู่จั้งก็ดี…พวกเรา…พบกันอีกแล้ว” น้ำเสียงซูหมิงมีความยึดมั่น พริบตาที่เอ่ย ร่างเงาเขากลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งขึ้นฟ้าไป
ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
ชั่วขณะที่ซูหมิงเข้าใกล้ฟ้า เขายกมือขวาขึ้นคว้าไปบนฟ้า ขณะเดียวกันชายชุดคลุมดำก็ยกมือขวาเช่นกัน ในท่าทางและเสียงเหมือนเดิม
“ลงทัณฑ์!”
เสียงครึกโครมดังก้อง สายฟ้าทมิฬเก้าสายเข้ามาใกล้ซูหมิงในฉับพลัน ระหว่างที่เข้ามาใกล้ ซูหมิงโบกมือขวา ดวงจิตปะทุขึ้นในทุกด้าน พลังน่าสะพรึงของต้นพิสูจน์เต๋าที่สั่งสมมาในร่างกายระบายออกอย่างบ้าคลั่ง
ท่ามกลางเสียงอึกทึก ภายใต้ดวงจิตซูหมิงวนเวียนไปรอบๆ เขาโบกมือขวาเข้าปะทะกับสายฟ้าเก้าสายนั้น
เกิดเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง สายฟ้าทุกสายผ่าลงบนตัวซูหมิงทำให้ร่ายกายสั่นสะท้าน แต่กลับไม่อาจขวางเขา จนเมื่อสายฟ้าเก้าสายแหลกลาญไปแล้ว เส้นลายมือที่ต้นพิสูจน์เต๋าแพ้พ่ายจากในมือขวาชายชุดคลุมดำก็พุ่งตรงมากำราบซูหมิง
ซูหมิงสัมผัสได้ว่าการกำราบนี้รุนแรงอย่างยิ่ง นี่คือพลังการกำราบขั้นเก้า ทุกขั้นจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าจากขั้นก่อนหน้า เมื่อซ้อนทับกันแล้วจึงเกิดเป็นผนึกมหึมาประหนึ่งฟ้าดินกว้างใหญ่
เกิดเสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว โลหิตไหลจากมุมปากซูหมิง นั่นคือการกำราบขั้นแรก เมื่อขั้นที่สองตามมาทำให้เขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง ซ้ำยังกระอักเลือด ดวงตาเป็นสีแดงก่ำ เปล่งเสียงคำราม ก่อนก้าวเดินอีกก้าวอย่างไม่ลังเล มือขวาปะทะกับมือขวาชายชุดคลุมดำ
ขณะเดียวกันการกำราบขั้นสามมาเยือนทันที การกำราบครั้งนี้ ร่างชายชุดคลุมดำเริ่มเลือนรางเล็กน้อย ซูหมิงพลันรู้สึกเจ็บปวดคล้ายว่าร่างกายจะแหลกสลายไป
ครั้งนี้เขาไม่กระอักเลือด แต่ใช้สี่ดวงจิตใหญ่ต่อต้านกับการกำราบขั้นสามอย่างรุนแรง ท่ามกลางเสียงครึกโครม สี่ดวงจิตใหญ่พังลงทั้งหมด แต่เขาก็แบกรับการกำราบขั้นสามเอาไว้ได้ ก่อนใช้พลังตัวเองต่อต้านขั้นสี่!
ช่วงที่เสียงโครมครามดังกึกก้องไม่หยุดตรงมือของซูหมิงกับชายชุดคลุมดำ ซูหมิงใช้พลังต้นพิสูจน์เต๋าที่สั่งสมมาต่อต้านการกำราบขั้นสี่ ขั้นห้า ขั้นหกไปจนถึงขั้นเจ็ด!
ร่างชายชุดคลุมดำเป็นมายาไปมากกว่าครึ่ง โลหิตบนอาภรณ์ซูหมิงย้อมอาภรณ์ยาวเป็นสีแดง จนกระทั่งเกิดเสียงโครมที่มือขวา ภายใต้การกำราบขั้นเจ็ด หลังจากมือขวาเขาแหลกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว ซูหมิงคำรามเสียงต่ำ ยกมือซ้ายขึ้นพร้อมเอ่ยไปสามคำ
“เปลี่ยนเทพหมาน!” นี่คือครั้งแรกที่ซูหมิงใช้เปลี่ยนเทพหมานหลังตื่นขึ้น สิ้นเสียงร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้น แต่ขยายได้เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นฝนโลหิต ร่างขยายใหญ่ระเบิดออก โลหิตทั่วร่างสาดกระจาย เมื่อจ่ายไปบ้างแล้ว ซูหมิง…ก็ยังคงยืนตระหง่านอยู่กลางมวลอากาศ แบกรับการกำราบขั้นแปดเอาไว้ได้
“แซ่ซูไม่เชื่อว่าจะฉีกผนึกของเจ้าไม่ได้!” ซูหมิงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ในตัวเขาแผ่กระจายกลิ่นคาวเลือด ทั้งยังมีความบ้าบิ่นที่ซ่อนอยู่ในนิสัย มือขวาหัก ข้ายังมีมือซ้าย มือซ้ายหัก…ข้ายังมีหัว!
เสียงอึกทึกกึกก้อง ภายใต้การกำราบขั้นเก้า ร่างชายชุดคลุมดำเป็นมายาทั้งหมด เหมือนเหลือเพียงฝ่ามือนี้ กระทั่งยังเผยยันต์ข้างหลังฝ่ามือนั้นแล้วด้วย ตอนนี้เองมือซ้ายซูหมิงแหลกเป็นจุล เขาที่เสียสองมือไปใช้ศีรษะพุ่งชนใส่มือขวาชายชุดคลุมดำอย่างไม่ลังเล
เสียงระเบิดดังก้อง ซูหมิงไม่มีสี่ดวงจิตใหญ่แล้ว ปล่อยพลังทั้งหมดแล้ว ใช้เปลี่ยนเทพหมานแล้ว แต่เขายังมีความยึดมั่น มีความมั่นใจ นั่นคือความมั่นใจว่าจะคืนชีพให้คนตายทุกคน และยังมีคำสัญญาของเขา!
เขารับปากเฮ่าเฮ่าแล้วว่าไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไรก็ต้องส่งอีกฝ่ายกลับบ้านให้ได้ คำพูดนี้คือสัญญา และเขาไม่มีวันผิดคำสัญญานี้!
การชนครั้งนี้ สิ่งที่พุ่งชนคือโชคชะตา การชนครั้งนี้ สิ่งที่พุ่งชนคือความไม่ยอมของซูหมิง การชนครั้งนี้ สิ่งที่พุ่งชนยังมีความปราถนาต่อบ้านเกิดของเขา และยังมีการตัดสินใจแน่วแน่ที่จะคืนชีพให้ใบหน้าคุ้นเคยเหล่านั้น
เมื่อนานปีก่อน หลังกระเรียนขนร่วงสิ้นชีพลง ซูหมิงพุ่งไปหาเสวียนจั้งที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายมรณะอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ วันนี้ผ่านมานานปี เขา…ยังคงเอาหัวพุ่งชนกู่จั้งตรงหน้าด้วยความบ้าคลั่งแบบเดียวกัน!
หากไม่พุ่งชนกำแพงทางใต้ก็หันกลับไม่ได้ ต่อให้ไปถึงกำแพงทางใต้ก็ต้องพุ่งชนจนทลายแล้วมุ่งหน้าออกไปยังความกว้างใหญ่ นี่คือการตัดสินใจแน่วแน่ เป็นการตัดสินใจที่คนธรรมดาพูดเหมือนง่าย แต่ทำจริงกลับยาก!
กำแพงทางใต้นี้ ยาก!
ภาพเหตุการณ์เศร้าสลดนี้ แม้แต่พวกหลินตงตงยังตื่นตกใจ แต่เมื่อตื่นตกใจแล้วก็ตกใจระคนดีใจ พวกเขาสาปแช่งอย่างชั่วช้าว่าให้ซูหมิงสิ้นชีพไปด้วยดวงจิตไม่มอดดับของมหาจักรพรรดิ!
แต่คำสาปนี้ลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่เป็นผลสำเร็จ เมื่อเกิดเสียงดังสนั่นฟ้าดิน เมื่อทั้งมิติชั้นสามพังพินาศลงทั้งหมด ศีรษะซูหมิงอาบไปด้วยเลือด มือขวาชายชุดคลุมดำแหลกเป็นจุล…ตอนนี้เองซูหมิงที่เสียสองมือไปใช้ปากกัดเข้าที่ยันต์บนรอยถลอกแล้วฉีกออกข้างๆ
ผนึก…สลายไป!