Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1473
เสียงคำรามเทพหมาน!
แผ่นดินหมานมีเทพหมาน เสียงคำรามแห่งเทพหมานสะเทือนทุกสารทิศ แต่ตอนนี้เสียงคำรามเทพหมานจากซูหมิงเป็นเสียงที่รุนแรงที่สุดในเทพหมานทั้งปวงในอดีตตั้งแต่โบราณมา เพราะว่าซูหมิงไม่ได้เป็นเพียงเทพหมานรุ่นสี่ แต่ยังเป็นเทพหมานที่แข็งแกร่งที่สุด!
ยามนี้ระลอกคลื่นกระเพื่อม ปรากฏโลกของเผ่าหมานข้างหลังซูหมิง แม้โลกนี้จะเป็นมายา แต่กลับมีกลิ่นอายเผ่าหมานเข้มข้น พริบตานี้เหมือนมาเยือนแคว้นกู่จั้ง แผ่ขยายไปโดยรอบ เสียงคำรามซูหมิงก่อเป็นระเบิดเสียงดังปุงปังไปรอบๆ ตอนนี้เองร่างเงาสีโลหิตที่รวมจากอภินิหารของไป๋ลู่หลายร่างนั้นได้รับผลไปก่อนเต็มๆ แทบเป็นทันทีที่พวกเขาเข้ามาใกล้ซูหมิงก็ถูกเสียงคำรามแห่งเทพหมานถาโถมใส่
เสียงครึกโครมดังสะเทือนฟ้าดิน เสียงคำรามเทพหมานจากซูหมิงไม่เพียงแต่สร้างแผ่นดินหมานมายาเท่านั้น แต่บนแผ่นดินหมานเลือนรางยังเหมือนมีวิญญาณเผ่าหมานไม่มีที่สิ้นสุด ตอนนี้เองพวกเขาต่างคำรามตามเทพหมานของพวกเขาพร้อมกัน
แผ่นดินสำนักเอกะเต๋าถล่มลง รูปปั้นยักษ์สามรูปไกลๆ หนึ่งในนั้นเกิดรอยร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงวูบเดียวแหลกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางเสียงครึกโครม ทำให้สามรูปปั้นใหญ่แห่งสำนักเอกะเต๋าที่ตั้งตระหง่านมาไม่รู้กี่ปีเหลือเพียงสองรูปนับจากนี้!
เมื่อรูปปั้นพังลง เศษของแผ่นดินเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด มวลอากาศบนฟ้าเกิดรอยร้าวทีละสาย เหมือนว่าโลกสำนักเอกะเต๋าถึงวันสิ้นโลก
ร่างเงาสีโลหิตเหล่านั้นเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวประหนึ่งถูกพายุคลั่งถาโถม ก่อนแหลกสลายไปต่อหน้าซูหมิง ต่อมาวัฏจักรสามสิบโลกที่เซินมู่รวมขึ้นพังทลายลงภายใต้เสียงคำรามของซูหมิงเช่นกัน
มองไกลๆ มวลอากาศที่ซูหมิงอยู่เหมือนกลายเป็นหลุมดำยักษ์ เพียงแต่หลุมดำไม่ได้แผ่แรงดูด แต่เป็นแรงปะทะระเบิด แทบเป็นขณะเดียวกับที่แรงปะทะขยายออกไปโดยรอบ ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว หนึ่งเท้าเหยียบลง ร่างเงาเขาเดินออกมาจากหลุมดำระเบิด เมื่อเดินก้าวที่สอง เขามาอยู่ตรงหน้าไป๋ลู่ซึ่งอยู่ไกลๆ แล้ว
ช่วงที่ซูหมิงปรากฏกาย ไป๋ลู่หน้าเปลี่ยนสี ยกมือขวาขึ้นชกใส่กลองสงครามยักษ์อย่างไม่ลังเล เสียงดังกึกก้อง กลางกระหม่อมศิษย์สำนักเอกะเต๋าทุกคนข้างล่างพลันมีเส้นเลือดลอยออกมามากกว่าเดิม
“เต๋าดวงชะตาทุกชีวิต!” เสียงตะโกนไป๋ลู่คล้ายว่ามีกฏบางอย่าง แทบเป็นช่วงที่ตะโกนไป เส้นเลือดเหล่านั้นจากข้างล่างลอยขึ้นฟ้าพร้อมกัน ชั่ววูบเดียวก็มาปรากฏรอบตัวซูหมิง ชั่วขณะที่เส้นเลือดเหล่านี้ไหลเวียน แต่ละเส้นเชื่อมเข้าด้วยกัน มองไกลๆ รวมเป็นโซ่พันรอบซูหมิง
ซูหมิงมีสีหน้าปกติ เขาเดินก้าวที่สาม ร่างกายปะทะกับเส้นเลือดนั้นโดยตรง ท่ามกลางเสียงอึกทึกดังกังวานอีกครั้ง เส้นเลือดเหล่านั้นพังทลาย ไม่อาจขวางซูหมิงได้แม้แต่น้อย ทำให้ซูหมิงเดินก้าวที่สามแล้วมาอยู่ห่างจากกลองสงครามที่ไป๋ลู่ยืนอยู่ไม่ถึงสิบจั้ง!
สามเก้าประหนึ่งเหยียบฟ้า ด้วยความเร็วขนาดนี้ทำให้เซินมู่เข้ามาช่วยไม่ทัน อีกทั้งพลังอำนาจในตัวซูหมิงตอนนี้ยังคล้ายว่ามาแทนที่ฟ้า กลายเป็นดวงจิตและผู้ปกครองโลก เมื่อเขาเคลื่อนไหว ฟ้าดินจะสั่นคลอน!
ไม่มีคำพูดมากความใดๆ ขณะเดียวกับที่ซูหมิงมาปรากฏห่างจากกลองสงครามที่ไป๋ลู่อยู่ไม่ถึงสิบจั้ง เขายกมือขวาชี้ไปข้างหน้า ดรรชนีนี้รวมสี่ดวงจิตใหญ่ รวมพลังทั้งหมด และยังรวมพลังไร้ที่สิ้นสุดของต้นพิสูจน์เต๋าในตัวเขา
เหมือนกับดรรชนีนั้นที่สังหารชื่อหยางก่อนหน้า ยามนี้ใช้อีกครั้งทำให้เกิดเสียงดังอึกทึกในใจไป๋ลู่ ดวงตาหรี่ลง ภายในใจถูกภยันตรายร้ายแรงปกคลุมในใจ
“เต๋าหนึ่งดวงชะตาทุกชีวิต!” ไป๋ลู่หรี่ตาแคบลง เส้นผมปลิวไสวเองแม้ไร้ลม สองมือประสานมุทรากดไปยังกลองสงคราม กลองสงครามหมุนโคจรกลางอากาศ ตอนที่ตั้งขึ้นยังส่งเสียงโครมคราม ท่ามกลางเสียงดังกังวานยังเกิดระลอกคลื่นขึ้น ระลอกคลื่นนี้ปรากฏแล้วพลันกลายเป็นสีโลหิต ประหนึ่งจะย้อมโลกให้กลายเป็นทะเลโลหิต
ขณะเดียวกันเสียงไป๋ลู่ดังก้องฟ้าดินอีกครั้ง
“ทุกชีวิตมีโทษ เมื่อชีวิตตกต่ำในทะเลโลหิต ไม่อาจชะล้างกรรมชั่วแห่งการสังหาร ก็ควรจะฝังร่างไปพร้อมกับทะเลโลหิต ตราบชั่วนิจนิรันดร์ ตกอยู่ในความทุกข์ยากไม่หลุดพ้น!” ดวงตาไป๋ลู่ขยับประกายพิลึกหลายครั้ง ขณะเดียวกับที่เอ่ย หลังกำหมัดขวาชกใส่กลองสงครามแล้ว นัยน์ตาเกิดเส้นเลือดขึ้นจำนวนมาก เหมือนตัวเขาตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งบางอย่าง
“แตก!” แทบเป็นทันทีที่สิ้นเสียง กลองสงครามนั้นเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น มันพังลงบนฟ้าแหลกเป็นชิ้นๆ ทั้งโลกเกิดการเปลี่ยนขึ้นอย่างรุนแรง ท้องฟ้ากลายเป็นสีโลหิต แผ่นดินหายไปเป็นทะเลโลหิต
ทะเลโลหิตไร้ที่สิ้นสุด ระหว่างคลื่นหมุนม้วนยังเหมือนจะกินผืนฟ้า เมื่อฟ้าสีโลหิตกับทะเลสีโลหิตมาแทนที่ฟ้าดินก่อนหน้านี้แล้วยังผนึกซูหมิงเอาไว้ภายใน
ทะเลโลหิตส่งเสียงอึกทึก คลื่นโลหิตสูงขึ้นฟ้า ทั้งยังมีฝนโลหิตตกลงมา ทั้งโลกนอกจากสีโลหิตแล้วไม่มีสีสันอื่นๆ อีก ต่อมาผิวทะเลโลหิตเกิดน้ำวนขึ้น ภายใต้การหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว ทั้งมหาสมุทรลอยขึ้นสูง เหมือนว่าตอนนี้ถูกเพิ่มมาจำนวนมาก ส่งผลให้ทะเลแห่งนี้…กำลังเข้าใกล้ฟ้าไปเรื่อยๆ
พลังมหาศาลอบอวลแผ่นดิน กลายเป็นน้ำวน กลายเป็นผืนฟ้า กลายเป็นทะเลโลหิต เวลานี้รวมเข้าด้วยกันบีบเข้าไปหาซูหมิง
มิหนำซ้ำในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ผิวทะเลเกิดน้ำวน แม้แต่ฟ้าสีโลหิตยังเกิดน้ำวนเช่นกัน หลังปรากฏน้ำวนสองแห่งนี้แล้วยังเหมือนถูกมังกรสูบน้ำ ฟ้าทะเลเชื่อมกันเป็นพายุคลั่ง!
พายุคลั่งน้ำวนส่งเสียงสะเทือนฟ้าดิน ม้วนยกทะเลโลหิตขึ้นสูง สูบฝนสีโลหิตนับไม่ถ้วนเข้ามา ส่งผลให้เพียงไม่กี่ลมหายใจพลังอำนาจเขาประหนึ่งมาแทนที่ฟ้าและทะเลโลหิต กลายเป็นมากมายมหาศาลพุ่งไปหาซูหมิง เข้าไปใกล้พร้อมกับพลังอำนาจทำลายล้างทุกชีวิต
ซูหมิงมองฟ้าสีโลหิตที่มาแทนที่ตรงหน้า มองทะเลโลหิตข้างล่างกับพายุหมุนที่เกิดจากการเชื่อมกับกลางฟ้า เขายังคงสีหน้าปกติ ไม่ถอย แต่ช่วงที่เดินหน้าหนึ่งก้าว เขายกมือขวาชี้ขึ้นฟ้า มือซ้ายกดลงแผ่นดิน
ดวงตาสองข้างปิดลงเล็กน้อย เส้นผมยาวปลิวไสวเองแม้ไร้ลม ตอนนี้เองพายุหมุนฟ้าทะเลนั้นออกเป็นสีโลหิตไร้ที่สิ้นสุด โถมเข้ามาด้วยเสียงอึกทึก มองไกลๆ พายุหมุนฟ้าทะเลนี้เหมือนกับคนยักษ์โบราณ แต่ซูหมิงตรงหน้ามันเป็นดั่งมดปลวกเล็กจ้อย
ทว่าพริบตาที่พายุหมุนฟ้าทะเลนั้นโจมตีซูหมิงหมายจะเขมือบเขาไว้ในพายุหมุนนั้น ซูหมิงลืมตาขึ้น มือขวากดลง มือซ้ายยกขึ้นแล้วยืดไปข้างหน้า ราวกับว่าจะเข้าไปในพายุหมุนมหึมาตรงหน้า
ระหว่างที่ดวงตาเขาขยับประกายวาว เขาใช้สองมือฉีกกลางพายุหมุนออกไปสองข้าง ฉีกมวลอากาศประหนึ่งฉีกดวงชะตา การฉีกครั้งนี้ส่งเสียงดังสนั่นฟ้าดิน พายุฟ้าทะเลมหึมา…ส่งเสียงดังเลือนลั่น ถูกซูหมิงฉีกออกตรงหน้า พายุหมุนนั้นแยกออกเป็นสองส่วนท่ามกลางเสียงครึกโครม!
เมื่อพายุหมุนถูกฉีก ฟ้าก็พังทลายลงเช่นกัน ทะเลโลหิตแหลกสลาย ทั้งโลกพังลงด้วยสองมือฉีกของซูหมิง!
เมื่อโลกพังพินาศลง เมื่อสีโลหิตถอดสี ซูหมิงยังคงอยู่ในสำนักเอกะเต๋า รอบกายเป็นเศษกลองสงครามแตกหัก และยังมีไป๋ลู่ที่ตอนนี้อยู่นอกเศษเหล่านั้น กำลังกระอักเลือดถอยไป นัยน์ตาฉายแววมืดทะมึน
โลกสีโลหิตก่อนหน้านี้ ความจริงแล้วเป็นอภินิหารที่เกิดขึ้นจากกลองสงคราม ตอนนี้เมื่อวิชาสลายไป ซูหมิงจึงเดินหน้าอีกก้าวอย่างไม่ลังเล มุ่งมาพร้อมกับจิตสังหารไป๋ลู่ที่ไม่ลดน้อยลงเลย พริบตาเดียวเขาทะลวงผ่านพื้นที่กลองสงครามแตกมาปรากฏตรงหน้าไป๋ลู่ ดรรชนีมือขวาพลันเข้ามาใกล้ กดไปยังระหว่างคิ้วไป๋ลู่ที่ตอนนี้หน้าซีดขาว
“ดวงชะตาเอกะเต๋ามา!” ไป๋ลู่ห้อเหยียดถอยไปพลางพูดเสียงแหลมเล็ก ยามนี้คือช่วยเวลาเป็นตาย นอกจากความปลอดภัยของตนแล้ว เขาไม่สนใจชะตาชีวิตคนอื่นแม้แต่น้อย
สิ้นเสียง เซินมู่ที่กำลังเข้ามาช่วยอย่างเร็วไวพลันหยุดชะงักครู่หนึ่ง นัยน์ตาฉายแววเศร้าโศก ก่อนมองไปยังแผ่นดินข้างล่าง ยามที่มองไปศิษย์สำนักเอกะเต๋าข้างล่างมีผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนเกือบๆ สามส่วนตัวสั่นไปทั่วร่าง ร่างกายแห้งเหี่ยวลง มีเพียงตรงกลางกระหม่อมที่เมื่อร่างแห้งเหี่ยวแล้วจะมีเส้นเลือดที่เข้มข้นกว่าเดิมผุดออกมา!
หลังจากพวกเขาสิ้นชีพ ก็มีรูปปั้นสีโลหิตยักษ์รวมขึ้นตรงหน้าไป๋ลู่ รูปปั้นนี้ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างซูหมิงกับไป๋ลู่ กลายเป็นปราการหมายจะขวางดรรชนีของซูหมิง
“แหลก!” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ช่วงที่ดรรชนีมือขวาสัมผัสกับรูปปั้นสีโลหิต รูปปั้นพังลงเป็นเสี่ยงๆ แต่พริบตาที่รูปปั้นพังลง ในศิษย์สำนักเอกะเต๋าข้างล่างมีอีกสามส่วนแห้งเหี่ยวลง ส่งเสียงร้องโหยหวน เส้นเลือดจำนวนมากที่ผุดขึ้นรวมเป็นรูปปั้นที่สองตรงหน้าซูหมิง
“ไป๋ลู่เจ้าจะทำอะไร!” เซินมู่น้ำตาไหลเป็นประกายแสงโลหิต หันไปมองไป๋ลู่โดยพลัน
“ข้าอยู่ สำนักเอกะเต๋าอยู่ พวกเขาตายเพื่อข้า นี่คือชะตาชีวิตพวกเขา!” ไป๋ลู่เผยสีหน้าคลุ้มคลั่ง ท่ามกลางเสียงดังกังวาน ศิษย์สำนักเอกะเต๋าที่เหลืออยู่ข้างล่างไม่ว่าขั้นพลังใดล้วนแห้งเหี่ยวลง ระหว่างที่เสียงร้องโหยหวนดังสะเทือนฟ้า รูปปั้นที่สามรวมขึ้นตรงหน้าซูหมิง พร้อมกันนั้นไป๋ลู่ที่ใช้สองรูปปั้นเป็นปราการเส้นผมยุ่งเหยิง คำรามเสียงต่ำ ร่างกลายเป็นหมอกมายาเหมือนไม่มีกายเนื้อพุ่งไปหาซูหมิง
“เจ้าจะสังหารข้า เช่นนั้นวันนี้…หากเจ้าไม่ตาย ข้าก็รอด!” เสียงไป๋ลู่ดังก้อง เขาปะทุพลังขึ้น ทั้งโลกเหมือนกับภาพหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงครึกโครมดังสนั่น
ช่วงที่เสียงค่อยๆ เบาลง เมื่อภาพไม่หยุดนิ่งอีก มือขวาซูหมิงสัมผัสรูปปั้นที่สองแล้ว หลังรูปปั้นที่สองพังลง ก็ทะลวงผ่านรูปปั้นที่สาม กดไปยังมวลอากาศ
ดรรชนีกดลง ตรงจุดที่กดมวลอากาศค่อยๆ เกิดหมอกขึ้น หมอกนั้นรวมเป็นร่างเงาคนช้าๆ นั่นคือไป๋ลู่ นัยน์ตาเขาฉายแววไม่ยอม ตรงระหว่างคิ้วเป็นดรรชนีซูหมิงที่ทะลวงผ่าน