Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1474
ไป๋ลู่สิ้นชีพ จิตเต๋าสลายไปเหมือนกับชื่อหยาง จากนี้ไม่มีเขาอีก เมื่อนัยน์ตาไป๋ลู่ไร้ประกายวาว ตอนนี้สองรูปปั้นที่ยังเหลือในสำนักเอกะเต๋าพังลงอีกหนึ่งรูป ทั้งโลกสั่นสะเทือน แม้แต่ศิษย์สำนักเอกะเต๋าข้างล่างส่วนใหญ่ยังร่างแหลกสลายไปตามแผ่นดินสั่นสะเทือน
เดิมทีพวกเขาถูกไป๋ลู่ชิงวิญญาณกับดวงชะตาไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงร่างกาย เมื่อแผ่นดินสั่นสะเทือนจึงกลายเป็นเถ้าธุลีสลายไป ทั้งสำนักเอกะเต๋าตอนนี้…เหลือเพียงเซินมู่
เซินมู่ยืนอยู่กลางอากาศโดดเดียว มองทุกอย่างรอบตัวเงียบๆ ด้วยสีหน้าเศร้าโศก ทั้งยังมีความจำใจจากใจจริง ความแกร่งของซูหมิง การสังหารชื่อหยางและไป๋ลู่ติดต่อกัน สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่าซูหมิงเป็นหมายเลขหนึ่งที่เป็นรองเพียงเทพเต๋าขั้นเก้าอย่างไม่ต้องสงสัย
นั่นคือความแกร่งที่เมินเฉยต่อกฏมหาจักรพรรดิ การสังหารมหาเต๋าสูงศักดิ์ด้วยกันแบบนี้ทำให้เซินมู่ได้แต่ขมขื่น
‘สำนักเอกะเต๋าพบกับภัยครั้งนี้…นี่คือชะตากรรม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แซ่เซินมีชีวิตอยู่จะมีประโยชน์อะไร!’ เซินมู่ฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าวพลางมองซูหมิงกลางอากาศ ก่อนยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือกดระหว่างคิ้วตัวเอง ร่างกายเขาพลันเกิดเสียงดังครึกโครม มวลอากาศรอบๆ บิดเบี้ยว ปรากฏร่างเงาชายหญิงเกือบร้อยขึ้น ร่างเงาเหล่านี้ก็คือวัฏจักรร้อยโลกของเขา
ครั้งนี้เซินมู่ปล่อยวัฏจักรร้อยโลกออกมาทั้งหมด วนเวียนรอบตัวเหมือนกับร่างแยก ยามที่มองไป ทุกร่างวัฏจักรมีสีหน้าต่างกัน
ร่างเงาวัฏจักรเหล่านี้เปลี่ยนจากเลือนรางเป็นชัดเจนรอบตัวเซินมู่ จากชัดเจนเป็นสมจริงดั่งมีชีวิต วนเวียนอยู่รอบๆ หลังนัยน์ตาเซินมู่ฉายแววเศร้าโศกเข้มข้นแล้ว ทั้งตัวเขาก็กลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งทะยานไปหาซูหมิง
ร่างเงาร้อยร่างข้างกายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปหาซูหมิงเช่นกัน
ในตัวเซินมู่มีการแสวงหาความตาย เขาเป็นมหาเต๋าสูงศักดิ์แห่งสำนักเอกะเต๋า สำนักเอกะเต๋าเป็นเช่นนี้แล้วจึงเป็นอย่างที่เขาว่าไว้ เขามีชีวิตอยู่คนเดียวจะมีประโยชน์อะไร เขาไม่อยากอยู่คนเดียว และก็รู้ด้วยว่า…ซูหมิงไม่ปล่อยตนไปแน่
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ขอตายไปพร้อมกับสำนัก ถึงจะสิ้นชีพ ถึงจิตเต๋าจะสลายไป ก็ยังได้อยู่กับสำนักในยมโลก เซินมู่พร้อมกับร่างเงาร้อยโลกจึงตรงไปหาซูหมิงพร้อมกับการแสวงหาความตาย
ยามนี้เข้ามาใกล้ซูหมิงแล้ว ซูหมิงยกมือขวาขึ้นเนิบๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แสงดำเปล่งวาบจากดวงตาที่สาม รวมอยู่ที่มือขวา ทำให้มือขวาค่อยๆ เปล่งแสงหม่นสว่างจ้า ภายในแสงหม่นนั้นแฝงไว้ด้วยพลังน่าสะพรึงที่ทำลายกฏมหาจักรพรรดิได้
ซูหมิงมองออกว่าเซินมู่แสวงหาความตาย ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกเช่นนี้เขาก็จะสนับสนุนเต็มที่ ใจที่เขาอยากทำลายล้างสำนักเอกะเต๋านี้มีน้อยเรื่องมากที่จะเปลี่ยนมันได้ ทว่าทันทีที่เขายกมือขวาขึ้น ดวงตาพลันจริงจัง มองไปยังหนึ่งในร่างเงาร้อยโลกที่วนเวียนรอบตัวเซินมู่
นั่นเป็นชายคนหนึ่ง ชายดั่งดอกไม้ หน้าตาหล่อเหลา ทว่ากลับมีความยึดมั่นแน่วแน่ นั่นคือ…ศิษย์พี่รอง
มีน้อยเรื่องมากที่จะเปลี่ยนใจที่อยากจะทำลายล้างสำนักเอกะเต๋าได้ ทว่า…ศิษย์พี่รองคือหนึ่งในนั้น! แทบเป็นพริบตาที่เห็นร่างหนึ่งในร้อยวัฏจักรโลกชัดเจน ในใจซูหมิงลอยขึ้นมาเป็นความทรงจำในอดีต
ตอนนี้ความทรงจำเกี่ยวกับศิษย์พี่รองวูบผ่านในความคิด ซูหมิงเงียบ เขาเพ่งมองร่างเงาศิษย์พี่รอง สุดท้ายก็มองเซินมู่ เซินมู่ภายในดวงตาซูหมิงเหมือนหลอมรวมกับศิษย์พี่รองกลายเป็นคนเดียวกัน
ซูหมิงถอนหายใจเบา แสงหม่นในมือขวาอ่อนแสงลงจนกระทั่งเขาลดมือขวาลง ยกเลิกอภินิหาร จากนั้นหมุนตัวกลับเดินไกลออกไป
เสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว สายรุ้งยาวจากเซินมู่กับร่างเงาร้อยวัฏจักรโลกพุ่งลงมายังจุดที่ซูหมิงอยู่ก่อนหน้า มวลอากาศสั่นสะเทือน มิติสั่นไหว เกิดระลอกคลื่นกระเพื่อม เซินมู่พลันเงยหน้าขึ้นมองซูหมิงที่กำลังเดินไกลออกไปช้าๆ
“เพราะเหตุใด!” เซินมู่กล่าวเสียงแหลมเล็ก เขาหาเหตุผลที่ซูหมิงไม่ลงมือกับตนไม่พบ ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายบอกว่าครั้งนี้จะทำลายล้างสำนักเอกะเต๋า แล้วตนก็เป็นหนึ่งในสามมหาเต๋าสูงศักดิ์แห่งสำนักเอกะเต๋า เห็นได้ชัดว่าจำเป็นต้องสังหารตน
ทว่าตอนนี้มือขวาที่อีกฝ่ายชูขึ้นก่อนหน้าซ้ำยังรวมอภินิหารแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพอเพ่งมองตนแล้วถอนหายใจเบา ก่อนหยุดมือแล้วจากไป เซินมู่ไม่เข้าใจ
“เพราะเหตุใด!” เซินมู่ถามอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ถาม แต่เป็นร่างวัฏจักรร้อยโลกกล่าวขึ้นพร้อมกัน เสียงก่อเป็นคลื่นเสียงดังก้องกังวาน ซ้ำยังเข้าไปถึงหูซูหมิง
ซูหมิงไม่สนใจเสียงเซินมู่ราวกับไม่ได้ยิน แต่…ซูหมิงได้ยินเสียงศิษย์พี่รองภายในคลื่นเสียงนี้ เสียงดังกึกก้องทำให้เขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง
“เพราะเจ้าคืออดีตที่ข้าไม่อยากตัด” เสียงซูหมิงดังก้อง แฝงไว้ด้วยความห่อเหี่ยว และยังมีความรู้สึกผ่านโลกมาเนิ่นนานที่มากกว่า ร่างเงาเขาค่อยๆ เดินไกลออกไปท่ามกลางเสียงดังกังวานจนหายไปในโลกสำนักเอกะเต๋า
เซินมู่ยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น เสียงซูหมิงเหมือนยังดังก้องข้างหู เพียงแต่คำพูดที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนี้ทำให้เซินมู่เกิดความสับสน เดิมทีเขาควรจะไม่เข้าใจ แต่หลังได้ยินคำพูดซูหมิงแล้วก็เหมือนจะเข้าใจอยู่เล็กน้อย
เพียงแต่ตอนที่จะค้นลึกลงไปกลับว่างเปล่า ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเงียบลงในความสับสน ก่อนค่อยๆ นั่งขัดสมาธิหลับตาลงบนหัวรูปปั้นเพียงหนึ่งเดียวในโลกสำนักเอกะเต๋าอันเงียบสงบ
ซูหมิงไปแล้ว ออกจากสำนักเอกะเต๋า ร่างเงาเขาไปปรากฏในอารามเสื่อมโทรม ไม่ได้หันไปมองรูปปั้นข้างหลัง แต่เดินไปอย่างสงบนิ่ง เมื่อออกจากอารามแล้วเกิดเสียงดังโครมขึ้น อารามข้างหลังกลายเป็นเถ้าธุลีสลายหายไปราวกับผ่านเวลาไปหลายล้านปี
จุดที่สำนักเอกะเต๋าเชื่อมกับแคว้นกู่จั้งหายไปแล้ว ที่หายไปมีเพียงสาเหตุเดียวคือสำนักเอกะเต๋าไม่มีดวงชะตาที่มากพอสำหรับการค้ำยันอารามแห่งนี้!
แทบเป็นช่วงที่อารามสำนักเอกะเต๋าหายไป ผู้ฝึกฌานระดับมหาเต๋าสูงศักดิ์ทั้งแคว้นกู่จั้งต่างสัมผัสได้ผ่านในใจเล็กน้อย จนกระทั่งหลายวันต่อมา มหาเต๋าสูงศักดิ์ที่สัมผัสได้บางคนมาอยู่นอกสำนักเอกะเต๋าด้วยตัวเอง พอเห็นอารามหายไป เรื่องสำนักเอกะเต๋าถูกทำลายก็แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นกู่จั้งทันที!
เรื่องนี้สร้างแรงกระเทือนอย่างรุนแรงต่อทุกสำนักในแคว้นกู่จั้ง เพราะสำนักเอกะเต๋าเรียกได้ว่าแทบจะเป็นสำนักที่แกร่งที่สุดในเจ็ดสำนักสิบสองฝ่าย!
ต่อให้เป็นฝ่ายอสุรา หากไม่ใช่เพราะมีเทพเต๋าซิวหลัว เช่นนั้นคงไม่อาจเทียบได้กับสำนักเอกะเต๋า แต่ต่อให้ซิวหลัวอยู่ สำนักเอกะเต๋าก็ยังเป็นสำนักหมายเลขหนึ่งในอันดับต้นๆ
ถึงอย่างไรการคงอยู่ของซิวหลัวก็เพียงแค่สร้างความตื่นกลัว ซิวหลัวที่บรรลุเทพเต๋ามีฐานะอยู่เหนือข้อพิพาทใดๆ ในความหมายที่มากกว่า ส่งผลให้ไม่มีใครกล้าล่วงเกินฝ่ายอสุรา แต่หากพูดถึงความบ้าอำนาจก็ต้องเป็นสำนักเอกะเต๋า
แต่ตอนนี้สำนักเอกะเต๋าถูกทำลายดวงชะตา แม้ไม่รู้ว่าในสำนักเป็นอย่างไร ทว่าดวงชะตาหายไป จึงมั่นใจได้ว่าในสำนักเอกะเต๋าจะต้องเผชิญกับภัยครั้งใหญ่แน่นอน!
เป็นใครที่ทำลายดวงชะตาสำนักเอกะเต๋า!
ตอนนี้ในสำนักเอกะเต๋ามีสภาพเป็นอย่างไร!
เมื่อข่าวดวงชะตาสำนักเอกะเต๋าถูกทำลายแพร่สะพัดไปทั่วแคว้นกู่จั้งแล้ว ทคำถามนี้ก็ลอยขึ้นมาในใจผู้แข็งแกร่งทุกสำนัก
ในมุมมองทุกคน คนที่ทำแบบนี้ได้มีเพียงสามเทพเต๋าขั้นเก้า แต่ตอนนี้…ทุกสำนักรู้ว่าสามเทพเต๋าขั้นเก้าอยู่เมืองหลวงจักรพรรดิกู่จั้ง นั่งฌานมาสองพันปีแล้ว
นี่คือการนั่งฌานสองพันปีที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ยากยิ่ง พวกเขาไม่ได้ก้าวออกจากเมืองหลวงแม้แต่น้อย ดังนั้นคนที่ทำลายสำนักเอกะเต๋าไม่ใช่เทพเต๋าขั้นเก้าสามคน
เช่นนั้นคนที่ทำลายสำนักเอกะเต๋าคือใคร…คำถามนี้วนเวียนด้วยความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ไปรวมอยู่ที่มหาเต๋าสูงศักดิ์สิบสี่คนจากสำนักอื่นที่มารวมตัวกันนอกอารามสำนักเอกะเต๋าที่หายไป ก่อนใช้อภินิหารที่เรียกว่าถามยมโลก!
อภินิหารนี้ต้องให้มหาเต๋าสูงศักดิ์สิบกว่าคนดำเนินการพร้อมกันในการถามคนที่ตายไปในสำนัก ถามวิญญาณที่หายไปเหล่านั้น…ว่าใครทำลายดวงชะตาสำนักเอกะเต๋า
พูดได้ว่าวิชานี้เป็นที่สนใจของทุกสำนักแคว้นกู่จั้ง มีเพียง…สำนักเจ็ดจันทรา พอเต้าหานแห่งสำนักเจ็ดจันทราได้ยินเรื่องสำนักเอกะเต๋าแล้วก็เข้าใจทันทีว่าทุกอย่างเกี่ยวกับซูหมิง
ภายใต้ความสนใจของหลายสำนัก มหาเต๋าสูงศักดิ์สิบกว่าคนใช้วิชาพร้อมกันเป็นเวลาหลายวันแล้วก็ล้อมรอบอารามสำนักเอกะเต๋าที่กลายเป็นเถ้าธุลี เรียกวิญญาณที่ตายไปดวงแรกมา…นั่นคือ…ชื่อหยาง!
วิญญาณชื่อหยางปรากฏกายทำให้มหาเต๋าสูงศักดิ์สิบกว่าคนนั้นพากันตกใจ แม้พวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าดวงชะตาสำนักเอกะเต๋าหายไป แต่ไม่เคยคิดว่ามหาเต๋าสูงศักดิ์สำนักเอกะเต๋าจะสิ้นชีพด้วย ในมุมมองพวกเขา พวกชื่อหยางน่าจะถูกผนึกมากกว่า
แต่ตอนนี้เมื่อวิญญาณชื่อหยางปรากฏกาย มหาเต๋าสูงศักดิ์สิบกว่าคนพลันใจเต้นระรัว
“องค์ชายสาม! เขาทำลายกฏของมหาจักรพรรดิ เขามีพลังสังหารมหาเต๋าสูงศักดิ์!” วิญญาณชื่อหยางคำรามเสียงแหลม ขณะคำรามอยู่นี้วิญญาณเขาเลือนรางไปทีละน้อยจนหายไปในสายตาทุกคน
โดยรอบเงียบกริบ นามองค์ชายสามทำให้ทุกสำนักนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองพันปีก่อน อีกทั้งจากคำพูดของวิญญาณชื่อหยางแล้ว พวกเขาได้เข้าใจทันทีว่าองค์ชายสามกลับมาแล้ว พลังเขาบรรลุมหาเต๋าสูงศักดิ์ อีกทั้ง…ยังมีกำลังรบสังหารมหาเต๋าสูงศักดิ์ด้วยกันอีกด้วย!
เพราะเขาทำลายกฏของมหาจักรพรรดิได้ เพราะชื่อหยางสิ้นชีพแล้ว!
ขณะเดียวกับที่แทบทุกสำนักทั้งแคว้นกู่จั้งต่างตกตกลึงเพราะนามของซูหมิง นอกเมืองแคว้นกู่จั้ง บนเส้นทางราชวัง ซูหมิงสวมชุดคลุมดำทั้งตัว เส้นผมม่วงปลิวไสว กำลังเดินหน้าไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิทีละก้าว
“ครบสามพันปีแล้ว”
เขายังจำอาจารย์ที่มีหน้าตาเหมือนกับเทียนเสียจื่อได้ อีกฝ่ายบอกกับตนว่าสามพันปีจากนี้ เมื่อตนมาถึงประตูเมือง เขาจะรออยู่ที่นั่นเพื่อไขข้อสงสัยสุดท้าย