Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1477
“ช้าไปสองพันปีแล้ว กูหง ในเมื่อศิษย์เจ้ามาแล้วพวกเราก็เริ่มได้” พลังอำนาจจักรพรรดิกู่จั้งเหลือล้น ทันทีที่ทั้งแคว้นกู่จั้งคารวะ ภายในน้ำเสียงซิวหลัวเหมือนอาจข้ามผ่านฟ้าดิน ช่วงที่นำพลังที่ทุกอย่างขุ่นมัวและละเอียดวนเวียนไปรอบๆ ร่างเงาเขายืนอยู่บนหอคอยสูงที่สาม คงอยู่กับเหมือนกับจักรพรรดิกู่จั้ง
“พิสูจน์เต๋าไร้ที่สิ้นสุด ไม่ต้องลงมือ หากเราสามคนลงมือ กู่จั้งก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่…และไม่ต้องวิเคราะห์เต๋า คำว่าเต๋า พวกเราสามคนล้วนเชื่อมั่นอย่างยิ่ง วิเคราะห์ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เหมือนกับสองพันปีนี้ การวิเคราะห์เต๋าของพวกเราหลายครั้งก็เป็นเช่นนี้” นัยน์ตากูหงเรียบนิ่ง มองอีกสองคนที่เป็นจุดสูงสุดไปในแคว้นกู่จั้งตอนนี้
“สิ่งที่ซิวหลัวต้องพิสูจน์คือเต๋าของเจ้าเองว่าเป็นเต๋าไร้ที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง กู่หวงก็ไม่ต้องกระทำ เพราะเดิมทีสายเลือดเขาคือมรดกของมหาจักรพรรดิกู่จั้งอยู่แล้ว อีกทั้งมหาจักรพรรดิกู่จั้งก็ไม่ได้ต้องการให้พวกเราวิเคราะห์เต๋าไร้ที่สิ้นสุดว่าจริงเท็จหรือไม่ด้วย
ส่วนข้า อยากรู้จริงๆ ว่าเต๋าที่ฝึกฝนในชีวิตนี้ เมื่อก้าวผ่านขอบเขตพลังไปแล้วจะเป็นดอกไม้ในกระจก จันทราในสายน้ำหรือ…ตะวันจันทราบนนภา” เมื่อเสียงตาแก่ดังก้อง ซูหมิงคงสีหน้าเรียบนิ่งอยู่ข้างกาย มองเหตุการณ์ทุกอย่าง เขารู้ว่านี่คือพิธีที่หายาก
พิธีแบบนี้ถือว่าเป็นโชควาสนาสำหรับเขา
ซิวหลัวเงียบอยู่ชั่วครู่แล้วยิ้มเยาะมุมปาก น้ำเสียงดังแว่วมาเนิบๆ โดยไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ
“จะพิสูจน์อย่างไร”
“เดิมทีเจ้าเลือกได้ แต่กลับจงใจมองข้าม คิดจะเอาชนะข้ากับกู่หวง ใช้สิ่งนี้ยืนยันเต๋าไร้ที่สิ้นสุดของตัวเอง ซิวหลัว เจ้ารู้อยู่แก่ใจแล้วไฉนต้องแสร้งถาม” ตาแก่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบกลับด้วยสีหน้าเด็ดขาด
สิ้นเสียง จักรพรรดิกู่จั้งพลันเงยหน้าขึ้นเพ่งมองตาแก่ชั่วครู่แล้วพลันส่งเสียงหัวเราะ
“เจ้าพูดถึงฟ้ากู่จั้งรึ…”
“ฟ้ากู่จั้ง…” นัยน์ตาซิวหลัวเผยแสงหม่น เงียบอยู่ชั่วประเดี๋ยวแล้วสะบัดแขนเสื้อ
“ก็ดี กู่จั้งสามสิบสามชั้นฟ้า ตอนนั้นมหาจักรพรรดิกู่จั้งก้าวไปได้สามสิบสองชั้นฟ้า สำเร็จเต๋าไร้ที่สิ้นสุด ได้ยินว่าฟ้าชั้นสุดท้ายหากพลังไม่เหนือกว่าเต๋าไร้ที่สิ้นสุดจะผ่านไปไม่ได้ เหนือชั้นที่สามสิบขั้นไป หากไม่มีพลังเต๋าไร้ที่สิ้นสุดจะก้าวข้ามไปไม่ได้…ฟ้ากู่จั้ง…ในเมื่อพวกเจ้าสองคนเลือกแล้ว ข้าก็จะก้าวไปพร้อมกับพวกเจ้า” ขณะเสียงซิวหลัวดังกึกก้อง ความเด็ดขาดและแน่วแน่มีความยึดมั่นอย่างยิ่ง
เขาจงใจมองข้ามฟ้ากู่จั้งจริงๆ เขาอยากเอาชนะกู่หวงกับกูหง กลายเป็นหมายเลขหนึ่งของกู่จั้ง ใช้สิ่งนี้มาพิสูจน์เต๋าของตน แต่ตอนนี้…ก็ยังเลือกเส้นทางนั้นที่หากไม่บรรลุเต๋าไร้ที่สิ้นสุดจะก้าวข้ามไปไม่ได้
เดิมทีนี่ไม่ใช่ทางเลือกแรกสุดของเขา เพราะเขาสนใจการแพ้ชนะมากกว่า แต่ยามนี้…นี่เป็นทางเดียว
ตาแก่ยกมือขวาขึ้นคว้าไปบนฟ้า ผืนฟ้าพลันเกิดเสียงดังครึกโครม ชั้นเมฆหมุนตลบเป็นทะเลโกรธา ทะเลโกรธาไหลเชี่ยว วูบเดียวก็ปกคลุมฟ้าแคว้นกู่จั้งทั้งหมด
“เช่นนั้นข้าจะใช้พลังตัวเองเปิดฟ้าแห่งนี้!” เสียงตาแก่ดังก้อง ท้องฟ้าเกิดเสียงอึกทึกโดยพลัน ท่ามกลางชั้นเมฆหมุนตลบ ท้องฟ้าเหมือนจะฉีกออก เต็มไปด้วยรอยร้าว ประหนึ่งจะเชื่อมต่อกับโลกโบราณ
ขณะเดียวกันเสียงซิวหลัวดังกังวานตามเช่นกัน
“ข้าขอเปิดอักษรแห่งจั้ง” ซิวหลัวกดมือขวาไปบนแผ่นดิน แผ่นดินทั้งแคว้นกู่จั้งส่งเสียงครึกโครมพร้อมกัน เกิดหมอกผุดขึ้นมาในฉับพลัน หมอกเหล่านี้มาจากโดยรอบ ภายในแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายมรณะเข้มข้น นั่นคือกลิ่นอายความแค้นที่รวมจากคนตายมาไม่รู้กี่ปี ยามนี้กลิ่นอายความแค้นหมุนม้วนตรงไปยังเมืองหลวง พุ่งมายังมือขวาซิวหลัว
กู่หวงบนหอคอยสูงตรงกลางถอนหายใจเบา ก่อนยกมือสองประหนึ่งค้ำยันฟ้าพลางพูดพึมพำ
“ต้นกำเนิดแห่งกู่จั้ง เดิมทีอยู่เหนือฟ้าสามสิบสามชั้น…ด้วยดวงชะตาแคว้นกู่จั้ง ด้วยตัวข้าจักรพรรดิแคว้นกู่จั้ง ขอเปิด…เส้นทางเชื่อมฟ้ากู่จั้ง!” ขณะกล่าวสองมือฉีกไปบนฟ้า ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปโดยรอบ สะเทือนฟ้าดิน
ทันทีที่ฟ้าถูกฉีกออก พลันเกิดน้ำวนมหึมาหมุนขึ้นจากตรงกลาง จากนั้นชั้นหมอกที่ตาแก่สร้างขึ้นบนฟ้าก่อนหน้านี้พลันกลายเป็นสีขาว ถูกม้วนเข้าไปในน้ำวน
ขณะเดียวกันกลิ่นอายมรณะจากบนพื้นดินพุ่งขึ้นฟ้าไป เมื่อหลอมรวมเข้าไปในน้ำวนแล้วก็กลายเป็นสีดำ ตอนนี้เองทั้งฟ้าดินเหลือเพียงสีขาวกับดำ
ไม่มีท้องฟ้า ไม่มีแผ่นดิน มีเพียงน้ำวนยักษ์สุดบรรยายข้างบนที่มีเพียงพวกเขาสามคนกับซูหมิงที่เงยหน้ามองเห็นได้ น้ำวนครึ่งหนึ่งเป็นสีดำ อีกครึ่งเป็นสีขาว ขณะหมุนโคจรยังกลายเป็นวงแหวนอาคมยักษ์หนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่วงแหวนอาคม นั่นคือ…ฟ้ากู่จั้ง!
ช่วงที่เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไม่หยุด ซิวหลัวเงยหน้าคำรามเสียงแหลม ก่อนพุ่งไปยังน้ำวนสีขาวดำข้างบน
“ข้าก้าวขึ้นฟ้ากู่จั้งเป็นครั้งแรกเพื่อพิสูจน์เต๋าไร้ที่สิ้นสุดของข้า!” คำพูดยังคงดังกังวาน ส่วนร่างเป็นสายรุ้งยาวเข้าไปใกล้ฟ้าน้ำวนสีดำขาวแล้ว
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นกู่หวงหรือตาแก่หรือซูหมิง ต่างเพ่งมองน้ำวนสีขาวดำตาไม่กะพริบ เพ่งมองร่างเงาซิวหลัว
“ชั้นแรก!” จังหวะที่เสียงซิวหลัวดังแว่วมา ตัวเขาข้ามผ่านน้ำวนนั้นพุ่งไปเหนือน้ำวนแล้ว พริบตาที่เกิดเสียงดังสนั่นฟ้า ซูหมิงเห็นทันทีว่าข้างหลังน้ำวนสีดำขาวนั้นเป็นท้องฟ้าสามสิบสามชั้นดั่งนามมันจริงๆ หรือพูดได้ว่ามีน้ำวนอยู่สามสิบสามแห่ง
“ชั้นเก้า!” ร่างเงาซิวหลัวบุกทะลวงไปราวกับไม่อาจมีอะไรขวางกั้น เกิดเสียงอึกทึกดังไม่หยุด ร่างเงาเขาทะลวงต่อเนื่องไปทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไม่มีจบสิ้น
“ชั้นที่สิบสอง!” เสียงเขาดังแว่วมาจากที่ห่างไกล ในสายตาซูหมิง ร่างเงาเขาเลือนรางแล้ว แต่ก็เห็นว่าความเร็วซิวหลัวไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลง แต่ยังเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในตัวเขามีความยึดมั่น มีความปรารถนาและเชื่อมั่นต่อเต๋าไร้ที่สิ้นสุด และยังมีความบ้าคลั่งในการพิสูจน์
“ชั้นที่สิบสาม!” ช่วงที่เสียงซิวหลัวดังมาอีกครั้ง มีเสียงโครมครามดังตามมา นั่นคือเสียงที่เกิดจากการที่เขาข้ามผ่านน้ำวน ทุกครั้งที่เสียงนี้ดังขึ้นจะทำให้ทั้งโลกสั่นไหว ฟ้ากู่จั้งแห่งนี้ พูดได้ว่าทั้งแคว้นตอนนี้มีเพียงพวกเขาสามคนที่มีสิทธิ์เข้าไป!
คนอื่นๆ แม้แต่มองยังไม่มีสิทธิ์ ถึงอย่างไรแคว้นกู่จั้งตอนนี้ก็ขุ่นมัว หากไม่ใช่เพราะตาแก่ ซูหมิงก็คงยากจะได้เห็นฟ้ากู่จั้ง
เมื่อเสียงครึกโครมดังสนั่นขึ้นเรื่อยๆ เสียงซิวหลัวดังแว่วมาอีกครั้ง ดังกังวานฟ้าดิน
“ชั้นที่สิบหก!”
ซูหมิงยากจะเห็นร่างซิวหลัวแล้ว เห็นเพียงเลือนรางทั้งหมด แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ตอนนี้สูดลมหายใจเข้าลึก โคจรพลังทั่วร่างรวมไว้ที่ดวงตาสองข้าง มิหนำซ้ำดวงตาที่สามยังลืมตาขึ้น ปล่อยพลังมหาเต๋าสูงศักดิ์ขั้นแปดทั้งหมด แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้นก็ยังเห็นเพียงร่างเงาเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าเมื่อสังเกตน้ำวนมหึมานั้น นัยน์ตาซูหมิงกลับค่อยๆ เป็นประกายประหลาดใจทีละน้อย ตอนนี้เขาลมหายใจกระชั้นเล็กน้อย ดวงตาสองข้างหรี่ลง
‘น้ำวนนี้…เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย…ความคุ้นเคยแบบนี้…คือกลิ่นอายพลังชนิดหนึ่ง…’ ลมหายใจซูหมิงกระชั้นเล็กน้อย ภายในใจมีคำตอบอยู่บ้างแล้ว แต่ก็ยังลังเล
“ยี่สิบเก้าชั้น กูหง กู่หวง พวกเจ้าคอยดูให้ดีว่าข้าจะขึ้นไปชั้นสามสิบได้หรือไม่!” ตอนนี้เอง เสียงซิวหลัวดังแว่วมาจากในน้ำวน ขณะเดียวกันไม่ว่าตาแก่หรือจักรพรรดิแคว้นกู่จั้ง พวกเขามองไปด้วยความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ซูหมิงเห็นไม่มากนัก เห็นเพียงเงามายา แต่เงามายาแบบนี้ก็มากพอจะทำให้เขาเห็นว่าซิวหลัวสำเร็จหรือไม่
เสียงอึกทึกก้องกังวานด้วยความบ้าคลั่ง เสียงครึกโครมดังขึ้นหลายต่อหลายครั้ง หมุนม้วนน้ำวน ปั่นป่วนมวลอากาศ เมื่อเสียงครึกโครมดังหลายครั้งจนถึงระดับดุเดือดแล้วนั้น ตาแก่ถอนหายใจเบา
จักรพรรดิกู่จั้งค่อยๆ ละสายตากลับ แต่ภายในดวงตาเขากลับฉายแววแน่วแน่
“เป็นไปไม่ได้ เต๋าของข้าถึงจุดสูงสุดแล้ว พลังข้าถึงจุดสูงสุดแล้ว ข้าเดินมาถึงสุดทางแล้ว เหตุใด…ถึงขึ้นชั้นที่สามสิบไม่ได้!” เสียงคำรามแหลมดังมาจากในน้ำวน นั่นคือเสียงของซิวหลัว น้ำเสียงมีความไม่ยอม มีความบ้าคลั่ง เมื่อเสียงดังแว่วมาก็เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องอีกครั้ง นั่นคือเขาลองอีกหลายต่อหลายครั้ง หมายจะก้าวผ่านฟ้าชั้นที่สามสิบ
เสียงโครมครามดังต่อเนื่องกันเจ็ดวันเจ็ดคืน ตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืนนี้ซิวหลัวบ้าคลั่งอยู่ตลอดเวลา เสียงแหลมของเขาจะมีเสียงหัวเราะด้วยความปวดร้าวและไม่ยอมปะปนเป็นบางครั้ง เข้าถึงหูซูหมิงในเจ็ดวันเจ็ดคืน
จนกระทั่งวันที่แปดไม่มีเสียงดังมาอีก ร่างเงาซิวหลัวค่อยๆ ลงมาจากในน้ำวนมหึมาสีดำขาว ตอนที่ลงมาช้าๆ ทั้งตัวเขาเปลี่ยนไปมาก ความรู้สึกแก่ชราอบอวลในตัว ใบหน้าขาวซีด ชั่วขณะที่ปรากฏกายกลางน้ำวนด้วยความขมขื่น สายตามองตาแก่
“ข้าไม่เคยก้าวข้ามเต๋าไร้ที่สิ้นสุดเลย เต๋าไร้ที่สิ้นสุด เต๋าไร้ที่สิ้นสุด…อะไรคือเต๋าไร้ที่สิ้นสุดกันแน่!”
“ชีวิตมีสิ้นสุด ความรู้ไร้ที่สิ้นสุด กี่วัฏจักรถึงบรรลุเต๋าไร้ที่สิ้นสุด…” ตาแก่เงียบ ผ่านไปพักหนึ่งแล้วถึงตอบเสียงเบา
ขณะเดียวกับที่ตาแก่กล่าวขึ้นพร้อมซิวหลัวลงมานั้น จักรพรรดิแคว้นกู่จั้งเงยหน้าขึ้น
“ในเมื่อฟ้ากู่จั้งเปิดแล้ว เช่นนั้นข้า…จะลองสักครั้ง” น้ำเสียงเขาเรียบนิ่ง สิ้นเสียงเขาสะบัดแขนเสื้อมือขวา ร่างบินขึ้นไป การบินขึ้นของเขาเหมือนกับดวงชะตาทั้งแคว้นกู่จั้งลอยขึ้นฟ้า วนเวียนอยู่รอบตัวกลายเป็นขมุกขมัว พุ่งตรงไปยังน้ำวนสีดำขาว