Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1479
ซูหมิงน้ำตารินไหล อีกทั้งมหาเต๋าสูงศักดิ์ขั้นแปดในดวงตาที่สามตอนแรกยามนี้เพิ่มมาเป็นขั้นเก้า เมื่อรวมกันแล้วจึงกลายเป็น…เทพเต๋าขั้นเก้า
หน้าตาเทพเต๋าขั้นเก้าก็คือซูหมิง ยามนี้กำลังน้ำตาไหลเช่นกัน
เสียงดังกึกก้องในความคิดซูหมิงยังคงอยู่ ทว่าเจ้าของเสียงนั้นหายไปแล้ว แต่อาจารย์ยังอยู่ในใจเขาเสมอ ซ้ำยังคงอยู่ในจิตเต๋าของเขาชั่วนิรันดร์
กูหง เทพเต๋าขั้นเก้าของซูหมิง!
การเลือกของกูหงทำให้ซิวหลัวตกตะลึง ทำให้จักรพรรดิกู่จั้งใจสั่นสะท้าน มีสีหน้าเหลือเชื่อ เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลังกูหงก้าวสู่ฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ดแล้วจะหัวเราะด้วยความบ้าคลั่งและเลือกเช่นนี้
‘บางที…เขาอาจจะหวังใช้วิธีนี้ถ่ายทอดมรดกให้กับศิษย์ ให้เต๋าของเขา…เดินต่อไปได้ กูหง…ชีวิตนี้ข้าไม่เคยนับถือผู้ใด ตอนนี้…เจ้าเป็นคนเดียว’ ซิวหลัวกล่าวเบาๆ อยู่ในใจ
เขามองซูหมิงเหมือนเห็นกูหงรางๆ เห็นสหายที่ต่อสู้กับตนมาทั้งชีวิต มองไปมองมา นัยน์ตาซิวหลัวฉายแววเข้าใจทีละน้อย
“ไปเถอะ อาจารย์ของเจ้าเลือกพลิกเต๋าเพื่อเจ้าแล้ว เลือกเป็นเทพเต๋าขั้นเก้าของเจ้าเพื่อแลกกับสิทธิ์ให้เจ้าเหยียบฟ้ากู่จั้ง
ซูหมิง อย่าให้อาจารย์ของเจ้าผิดหวัง ไม่ว่าเต๋าของเจ้าคืออะไร จงเดินต่อไปอย่างแน่วแน่!” ซิวหลัวกล่าวนิ่งๆ เสียงดังก้องไปโดยรอบ เขาในตอนนี้ไม่มีความคิดอื่นอีก มีเพียงความเศร้าเสี้ยวหนึ่ง ปลงอนิจจังต่อสวรรค์ ปลงอนิจจังเสียงถอนหายใจของกูหงกับคำอวยพรต่อซูหมิง
ซูหมิงเงียบ เทพเต๋าขั้นเก้าตรงระหว่างคิ้วกำลังหลอมรวมกันอย่างรวดเร็ว พลังเขากำลังปะทุขึ้น ภายใต้การเพิ่มขึ้นอย่างเร็วไวนั้น พลังเขาเปลี่ยนไปไม่หยุด ส่งผลให้ขั้นพลังทะยานขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
นี่คือก้าวสำคัญที่มหาเต๋าสูงศักดิ์ขั้นแปดก้าวสู่เทพเต๋าขั้นเก้า ก้าวนี้…สำหรับมหาเต๋าสูงศักดิ์ทุกคนแล้วยากเข็ญยิ่ง แต่ก็เป็นโชควาสนาครั้งใหญ่ที่แสวงหามิได้ ตอนนี้แม้ซูหมิงจะได้รับ แต่ในใจกลับไม่มีความสุข
“นี่ก็คือเต๋า” เสียงถอนหายใจดังมาจากจักรพรรดิกู่จั้ง กึกก้องฟ้าดิน
“ร่างนี้ไร้ความหมาย เต๋าคงอยู่ยืนยาว…ไม่สนใจกายเนื้อตัวเอง ไม่สนใจความเป็นตัวเอง การทั่งไม่สนใจว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ สนใจเพียงเต๋า สนใจการความต่อเนื่องของเต๋า สนใจการคงอยู่ของเต๋า…
นี่ก็คือกูหง และก็เป็นสาเหตุที่เขาเหนือกว่าข้า ก้าวเข้าไปยังฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ดได้…เต๋าไร้ที่สิ้นสุด ความคิดไร้พรมแดน…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” จักรพรรดิกู่จั้งถอนหายใจดังก้องพลางมองซูหมิง นัยน์ตาไม่ซับซ้อนอีก แต่เป็นการให้กำลังใจ
“เจ้าคือเสวียนเอ๋อร์ก็ดี ไม่ใช่ก็ดี ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร…จงเดินต่อไป ให้เต๋าของเจ้า ให้เต๋าของกูหงคงอยู่ต่อไป อย่าให้ตัวเองเสียดาย อย่าให้กูหงผิดหวัง”
ซูหมิงเงียบก่อนเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองน้ำวนสีดำขาวบนฟ้า มองเส้นทางออกจากที่นี่ มองการสิ้นสุดการยึดร่างครั้งนี้ ขณะเงียบ เทพเต๋าขั้นเก้าในดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วหลอมรวมกับกูหงเสร็จสิ้นแล้ว จึงเปล่งแสงของซูหมิงออกมา
แสงนั้นไม่ใช่สีขาว และก็ไม่ใช่สีดำ แต่เป็น…สีม่วง! อาภรณ์ยาวสีม่วง เส้นผมยาวสีม่วง ดวงตาสีม่วง ซูหมิงในตอนนี้โลกของเขาเป็นสีม่วง สีม่วงนั้นอยู่ในฟ้ายามกลางวัน สู้สีดำในคืนมืดไม่ได้ แต่ในคืนมืดมิด…มันเป็นเงามืดที่ฟ้ายามค่ำคืนย้อมสีไม่ได้
เขาหายใจเข้าออกลึกๆ ทีหนึ่งแล้วเดินหน้าหนึ่งก้าว ทันทีที่เหยียบลง ร่างเงาซูหมิงเกิดเสียงครึกโครม กลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งขึ้นฟ้าไป
ด้วยความเร็วของเขาพริบตาเดียวก็มาปรากฏใต้น้ำวนสีดำขาว ถึงขั้นครึ่งตัวอยู่ในน้ำวนแล้ว เพียงแค่ครึ่งก้าวก็จะเข้าไปในยังฟ้ากู่จั้งน้ำวนทั้งหมด
ไม่ใช่ว่าเขาก้าวครึ่งก้าวนี้ไม่ได้ แต่เป็นตัวเขาที่หยุดเอง จากนั้นหันไปมองโลกกู่จั้งข้างหลัง
บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นโลกกู่จั้ง เพราะว่าครั้งนี้…เขาบอกว่ากับตัวเองว่าจะต้องสำเร็จแน่!
การหันมามองครั้งนี้ ซูหมิงเห็นแผ่นดินกว้างใหญ่ เห็นสำนักเจ็ดจันทรา เห็นเทือกเขาเรียงราย เห็นประสบการณ์ทุกอย่างตลอดสามพันปี กระทั่งยังเหมือนเห็นเฮ่าเฮ่ารางๆ
ทั้งยังเห็นใบหน้าที่เคยพบในแคว้นกู่จั้ง จนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่ นัยน์ตาซูหมิงเผยประกายจากลา ก่อนหมุนตัวกลับเดินครึ่งก้าวไปยังฟ้ากู่จั้งด้วยเต๋าของเขากับกูหง
เมื่อก้าวเดิน ร่างเงาเขาพลันเข้าไปในน้ำวนทั้งหมด เข้าไปกลางฟ้ากู่จั้ง สิ่งที่รออยู่คือเส้นทางฟ้าสามสิบสามชั้น ปลายทางคือเดินออกจากฟ้าสามสิบสามชั้น เดินออกจากโลกยึดร่างนี้ ไป…ลืมตา!
ฟ้าดินเกิดเสียงครึกโครม เมฆหมอกหมุนวนรอบตัวซูหมิง มองไปกว้างใหญ่ไพศาล ความกว้างใหญ่นี้ให้ความรู้สึกกับเขาราวกับมองฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่ตอนที่ออกจากโลกซางเซียง
เขาไม่ได้สนใจรอบๆ ไม่ได้ตรึกตรองอะไรมากนัก มีเพียงการแสวงหาเต๋า มีเพียงการพุ่งออกไป ใช้พลังทั้งหมดเป็นสายรุ้งยาวพุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างกล้าหาญ
โครม!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นฟ้า ซูหมิงสัมผัสว่าตนทะลวงปราการหนึ่งชั้น ช่วงที่พุ่งออกจากปราการ เขาเหมือนทะลวงผ่านฟ้าหนึ่งชั้น!
ซูหมิงเข้าใจว่านั่นคือฟ้ากู่จั้งชั้นแรก!
ตรงหน้าเขายังมีฟ้าอีกสามสิบสองชั้น เส้นทางแสวงหาเต๋าและการพิสูจน์เต๋าครั้งนี้อยู่ใต้เท้าแล้ว ห้ามหันไปมองและก็หันไปมองไม่ได้!
นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายเด็ดขาด ความเร็วไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลง แต่ยังเร็วขึ้นกว่าเดิม เกิดเสียงปุงปังดังตลอดทาง…
ฟ้าชั้นสอง ฟ้าชั้นสาม ฟ้าชั้นสี่…ทุกครั้งที่เสียงครึกโครมดังกังวานนั่นหมายถึงว่าซูหมิงผ่านฟ้าหนึ่งชั้น จนกระทั่งก้าวขึ้นไปบนฟ้าชั้นเก้า ช่วงที่มองลงมาข้างล่างก็เห็นเป็นขมุกขมัว แต่ก็ยังเห็นสายตาของจักรพรรดิกู่จั้งกับซิวหลัวในความขมุกขมัว
แววตาพวกเขามีการเฝ้ารอคอย นั่นคือความใสสะอาดที่ไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน เป็นความเคารพต่อเต๋า หรืออาจพูดได้ว่านั่นคือความเคารพต่อกูหงที่เลือกให้ซูหมิง!
พวกเขาอยากรู้ว่าการเลือกของกูหงจะสำเร็จหรือไม่!
ซูหมิงไม่มีน้ำตาแล้ว แต่ร่างเงากูหงยังคงอยู่ตรงส่วนลึกในใจไปชั่วชีวิต น้ำตาแห่งความเศร้าไม่อาจทำให้เขามีพลังพุ่งไปได้มากกว่านี้ มีเพียงการใช้ความจริงมาพิสูจน์ พุ่งออกจากฟ้าสามสิบสามชั้นถึงทำให้กูหงอมยิ้มได้
แววตาซูหมิงยึดมั่นขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วพลันเพิ่มขึ้น เป็นสายรุ้งพุ่งทะยานไปปะทะกับฟ้าชั้นที่สิบ
ช่วงที่เกิดเสียงระเบิดดังก้องอีกครั้ง ความเร็วซูหมิงยังไม่เปลี่ยน ยังคงพุ่งไปยังฟ้าชั้นที่สิบเอ็ด!
เป็นแบบนี้ไป ซูหมิงปะทุพลังทั้งหมดตลอดทาง ใช้พลังเทพเต๋าขั้นเก้าพุ่งทะยาน ชนเข้ากับฟ้าชั้นที่สิบสาม ทะลวงฟ้าชั้นที่สิบหก ฉีกฟ้าชั้นที่สิบเก้า ก้าวสู่ฟ้าชั้นที่ยี่สิบสอง!
ความรู้สึกบ้าคลั่งแผ่มาจากตัวซูหมิงโดยไม่ซ่อนเร้นไว้แม้แต่น้อย ดวงตาเขาแดงก่ำแล้ว ความคิดคลุ้มคลั่ง ความคลุ้มคลั่งไม่ได้ทำให้ความคิดเขายุ่งเหยิง แต่กลับกลายเป็นความบ้าคลั่งในความดื้อรั้น ส่งผลให้เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะข้ามผ่านฟ้าชั้นที่สามสิบสาม
“ข้าจะ…ขึ้นฟ้าชั้นที่สามสิบสาม!” ซูหมิงเงยหน้าคำรามเสียงต่ำ ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่พลังจากตัวเขาอีก แต่หลอมรวมสี่ดวงจิตเข้าไปด้วย
ภายใต้การปะทุของดวงจิตกับพลัง ความยึดมั่นของซูหมิงประหนึ่งลุกโชน ร่างเงาสีม่วงโอบล้อมไปด้วยกลิ่นอายบ้าคลั่ง ชนทำลายฟ้าชั้นที่ยี่สิบสี่ แม้ตรงหัวจะมีโลหิตไหลก็ยังข้ามผ่านฟ้าชั้นที่ยี่สิบหกไปได้ ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ซูหมิง…ก้าวมาอยู่เหนือฟ้าชั้นที่ยี่สิบแปด!
ตรงนั้น ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าชั้นที่ยี่สิบเก้า เขาเห็นฟ้าชั้นที่สามสิบข้างหลังฟ้าชั้นยี่สิบเก้ารางๆ!
หากไม่บรรลุเต๋าไร้ที่สิ้นสุดจะขึ้นฟ้าชั้นสามสิบไม่ได้!
“หลังเทพเต๋าขั้นเก้าคือเต๋าไร้ที่สิ้นสุด…เต๋าไร้ที่สิ้นสุดเป็นดั่งความคิดไร้พรมแดน จำเป็นต้องตัด…ตัดเต๋าของตัวเอง ก็จะทำให้เต๋า…ไร้ที่สิ้นสุด ให้ความคิด…ไร้พรมแดน”
ชั่วขณะที่ซูหมิงกล่าวเสียงเบา ภายในดวงตาสีแดงเผยเปลวเพลิงแห่งความยึดมั่น เขาสูดลมหายใจเข้าลึกบนฟ้าชั้นที่ยี่สิบแปด ไม่ได้พ่นลมหายใจออกแต่เก็บไว้ในร่างกาย พร้อมกันนั้นตัวเขาเป็นสายรุ้งพุ่งไปยังฟ้าชั้นที่ยี่สิบเก้า ความเร็วเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงสุดท้ายแล้วแทบจะกลายเป็นดาวตกย้อนศร พริบตาต่อมา…ก็ชนเข้ากับปราการฟ้าชั้นที่ยี่สิบเก้า
โครม!
เสียงดังสนั่นกึกก้องฟ้าไปทั่วโลกกู่จั้ง ปราการตรงหน้าซูหมิงพังทลายลง ตัวเขาก้าวไปยังฟ้าชั้นที่ยี่สิบเก้า ยามนี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือฟ้าชั้นสามสิบที่จักรพรรดิกู่จั้งเข้าไปไม่ได้ และซิวหลัวยากจะข้ามผ่าน!
“ฟ้าชั้นที่สามสิบ…” เพลิงแห่งความยึดมั่นในแววตาซูหมิงแผ่คลุมทั่วร่าง ยืดยาวไปถึงจิตใจ เวลานี้พลังปะทุขึ้นทุกด้าน ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเปล่งสีสันสว่างจ้าแสบตา ดวงตาเทพเต๋าขั้นเก้าภายในสีสันนั้นเป็นประกายวาววับ!
นอกจากนี้สี่ดวงจิตใหญ่ในตัวเขายังปะทุขึ้นทั้งหมด เมื่อรวมกับความยึดมั่นแล้วจึงกลายเป็นความดุเดือด ไม่มีเสียงคำราม แต่ปะทุขึ้นอย่างเงียบๆ ประหนึ่งภูเขาไฟ หมายจะส่งความบ้าคลั่งตอนปะทุให้กับฟ้าชั้นที่สามสิบ
ตัวเขาพลินบินขึ้นไป มองไกลๆ คล้ายแมงเม่าตัวหนึ่ง แต่ฟ้าชั้นที่สามสิบเป็นดั่งเปลวเพลิงสวรรค์ ชั่ววูบเดียวก็เข้าไปใกล้…
“เต๋าของข้าคือความคิดยึดมั่นของข้า คือใบหน้าที่ไม่ว่าผ่านไปกี่วัฏจักรก็ไม่ลืม คือคำสัญญาของข้าต่อพวกเขาในโลกซางเซียง ข้า…จะคืนชีพพวกเขา ให้ทุกอย่างที่เสียไปกลับมา!
นี่คือเต๋าของข้า และสิ่งที่ข้าต้องตัดไม่ใช่เต๋า แต่เป็นนับจากนี้ไป…ไม่มีความจริงเท็จ ไม่มีความเพ้อฝัน ไม่มีการยึดร่าง ไม่มีพรสวรรค์ ไม่มี…ชะตาชีวิต!
ข้าต้องตัดชีวิตคนที่ข้าเดินจากฤดูหนาวไปสู่ใบไม้ผลิ…ต้องตัดร่างเงาที่ขาดหายไปในกาลเวลาชั่วนิรันดร์ในอนาคต!” ราวกับว่าร่างซูหมิงถูกจุดเพลิงขึ้นมา ตอนนี้เอง…เข้าปะทะกับปราการฟ้าชั้นที่สามสิบ
เสียงโครมดังสนั่นฟ้าดิน สะเทือนไปโดยรอบ!