Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา - ตอนที่ 1482
ซูหมิงมองซางเซียงที่กำลังตื่นกลัวพลางพูดเรียบๆ ก่อนหลับตาลง ทันใดนั้นเองดวงจิตยากจะบรรยายมหึมาพลลันออกจากร่าง ตรงไปยังผีเสื้อซางเซียง
ระดับความใหญ่ของดวงจิตนี้เทียบกับซางเซียงแล้วเหมือนแสงจันทร์กับแสงหิ่งห้อย ทำให้ซางเซียงไม่มีแรงต่อต้านหรือดิ้นรน ทำได้เพียงปล่อยให้ดวงจิตซูหมิงปกคลุมร่างเอาไว้ทั้งหมด ก่อนหลอมรวมเข้าไปกลางสี่ปีกในทุกพื้นที่
ตอนนี้สี่โลกในสี่ปีกซางเซียงตัวนี้ ฟ้ากระจ่างดาวสั่นสะเทือนพร้อมกัน โลกหยุดนิ่ง…ขณะหยุดนิ่ง ดวงจิตซูหมิงลากผ่านทุกชีวิตราวกับพายุคลั่ง ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา แต่ตามหาร่องรอยที่ต้องการ
หลายลมหายใจต่อมา สี่โลกในซางเซียงกลับมาเป็นปกติ ดวงจิตซูหมิงหายไปแล้ว มีเพียงซางเซียงที่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่มันหวาดกลัวนั้น กระทั่งเป็นร่างเงาประทับในส่วนลึกความทรงจำยังไม่สลายดวงจิตไป แต่กลายเป็นหลายส่วนรวมอยู่กลางโลกสี่ปีกของมัน
มันวิตกไม่รู้ว่าซูหมิงจะหาร่องรอยอะไร ทำได้เพียงตื่นกลัวและหวังให้ซูหมิงจากไปให้เร็วที่สุด ความน่ากลัวและแข็งแกร่งจากซูหมิงทำให้มันไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย กระทั่งมันเข้าใจว่าหากคิดจะลบมัน บางทีอีกฝ่ายอาจแค่ชี้เท่านั้น
เวลาผ่านไปช้าๆ…
ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเข็มทิศลอยอยู่ตรงหน้าซางเซียง ดวงจิตเขาแบ่งเป็นหลายส่วนติดตามข้างกายคนที่มีร่องรอยที่เขาหาพบ
เขาไม่ได้เก็บร่องรอยมาโดยตรง แต่อยู่กับพวกเขา เมื่อเวลาผ่านไปนานมาก จนปีกซางเซียงเกิดการซ้อนทับกัน จนสี่โลกเริ่มถูกทำลายล้าง…
ตอนที่การทำลายล้างและเกิดใหม่ตัดสลับกัน ซูหมิงจากไปแล้ว เก็บร่องรอยที่ต้องการไปด้วย หลังอยู่กับพวกเขามาหนึ่งยุค ดวงจิตเขาออกจากซางเซียงที่วิตกกังวลอยู่ตลอดตัวนั้น กลับเข้าไปในร่างบนเข็มทิศ ซูหมิงลืมตาขึ้น
เขายกมือขวา ในฝ่ามือมีวิญญาณอ่อนแอหลายดวง ในนั้นมีศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง หู่จื่อ ชางหลัน อวี่เซวียน สวี่ฮุ่ย ท่านปู่…ทุกใบหน้าในความทรงจำเขาเป็นต้น
คนเหล่านี้ พวกเขามีร่องรอยเพียงเสี้ยวหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่คนที่เขาต้องการ
ตอนที่ปีกซางเซียงกางออกอีกครั้ง ซูหมิงนั่งเข็มทิศจากไปไกลแล้ว เดินทางอย่างเงียบเหงาต่อในจักรวาลกว้างใหญ่ จนผ่านไปอีกหมื่นปี…
หมื่นปี สองหมื่นปี สามหมื่นปี…เวลาผ่านไปเช่นนี้ ไม่มีสัญญาณแม้แต่น้อย ภายใต้ความเงียบสงัด เมื่อหมื่นปีที่สองมาถึง ซูหมิงลืมตาอีกครั้ง เพราะตรงหน้าเขา…ปรากฏซางเซียงตัวที่เก้าที่โชคดียังไม่เจอเสวียนจั้ง
มันลอยอยู่ในจักรวาลกว้างใหญ่ เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต โลกสี่ปีกที่มันอยู่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน
ถึงขนาดตอนที่สังเกตเห็นซูหมิง บางทีซางเซียงตัวนี้อาจจะอยู่มานานมากจนลืมสัญชาตญาณไป อยากจะแสดงเจตนาร้าย แต่แทบจะเพิ่งแสดงเจตนาร้ายก็ถูกดวงจิตซูหมิงทำลายจนสิ้น เกิดอาการตัวสั่น ตื่นกลัว ตกใจขึ้น
ซูหมิงไม่สนใจคลื่นอารมณ์ของซางเซียง แต่ใช้ดวงจิตปกคลุมสี่ปีกมัน ขยายออกไป หลังตามหาร่องรอยแล้วก็แบ่งดวงจิตติดตามไป
ขณะที่ซางเซียงกำลังตึงเครียด ซูหมิงไม่ได้เก็บร่องรอยมาทันทีเหมือนกับก่อนหน้านี้ เพราะการเก็บไปแบบนั้นจะเท่ากับทำลายล้างด้วยมือตัวเอง เขาทำไม่ได้ และไม่อยากทำ เขารอได้ รอจนวันที่โลกซางเซียงถูกทำลายถึงจะเก็บร่องรอย
เวลาผ่านไป เขาอยู่กับซางเซียงที่ตึงเครียดตัวนี้จนจบหนึ่งยุค ซูหมิงไม่หยุดพัก แต่เก็บร่องรอยที่หาพบไปจากซางเซียงที่โลกในสี่ปีกเริ่มให้กำเนิดชีวิตใหม่ จากไปภายใต้ความตึงเครียดและกังวลของมัน
แสนปีต่อมาซูหมิงเจอกับผีเสื้อซางเซียงจากไข่มุกที่เขามอบชีวิตให้ ก่อนเริ่มหาร่องรอยอีกครั้ง
เขาออกตามหาผีเสื้อทีละตัว เวลาผ่านไปเหมือนเป็นนิรันดร์ จนผ่านไปสิบยุค
เขาหาซางเซียงครบทุกตัวแล้ว หาร่องรอยจากในโลกซางเซียงที่หาได้แล้ว เพียงแต่…เมื่อรวมร่องรอยเหล่านี้ไว้ในฝ่ามือ เขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเข็มทิศซึ่งแฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมาเนิ่นนานกลับถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยว
ทุกร่องรอยเหล่านี้เป็นอิสระของตัวเอง หากฝืนรวมกันก็จะกลายเป็นพิมพ์สิ่งมีชีวิต ยังขาดความคุ้นเคยในความทรงจำ เขาเปิดประตูยมโลกคืนชีพพวกเขาได้ เพียงแต่พวกเขาที่คืนชีพมาแล้วจะจำกันไม่ได้ และจะกลายเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยที่สุดในใจซูหมิง
ซูหมิงไม่ยอมให้เป็นแบบนี้ และก็ไม่อยาก เขาหวังจะคืนชีพคนในความทรงจำ หวังให้คนที่คืนชีพมาเหล่านั้นยังเป็นตัวเอง และยังมีความทรงจำของตัวเอง มิใช่มีแค่ใบหน้ากับจิตวิญญาณที่เหมือน แต่กลับมีความแปลกตาขวางกั้น
“วัฏจักรเป็นดั่งทะเล มีเพียงตามหาร่องรอยที่เหลืออยู่ตอนที่พวกเขาหายไปในวัฏจักรหลายต่อหลายครั้งเท่านั้นถึงจะหลอมรวมด้วยกันแล้วกลายเป็นพิมพ์ชีวิตของพวกเขา” ซูหมิงเพ่งมองฝ่ามืออยู่นานมาก พึมพำกับตัวเองพลางกำหมัด หลังวางร่องรอยไว้ในใจแล้วก็คลายมือออก ก่อนกดลงบนเข็มทิศใต้ร่างเบาๆ
เมื่อกดไป เข็มทิศสั่นไหวทันใด ค่อยๆ หมุนโคจรเอง จากนั้นทั้งจักรวาลกว้างใหญ่เหมือนถูกเหนี่ยวนำให้หมุนตาม จนเวลาผ่านไป ในโลกจักรวาลกว้างใหญ่ไร้พรมแดนกลายเป็นน้ำวนยักษ์โคจรเสียงดังสนั่น กลายเป็นวงกลมทีละวง
วงกลมนี้อยู่ในสายตาซูหมิง ทุกครั้งที่จักรวาลกว้างใหญ่หมุนวนครบหนึ่งรอบจะเป็นหนึ่งวัฏจักรของชีวิต
เมื่อจักรวาลกว้างใหญ่หมุนเป็นน้ำวน มันยังนำการตกตะกอนของเวลาในนั้นให้ลอยขึ้นมาอยู่ในสายตา นำฝุ่นละอองที่ตกลงตรงส่วนลึกลอยขึ้นมาตรงหน้า พริบตาที่น้ำวนหมุนโคจรชั่วนิรันดร์ ซูหมิงออกจากเข็มทิศ เดินอยู่ในน้ำวน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ไม่ว่าชีวิตจะผ่านไปกี่วัฏจักร เขาก็ยังยึดมั่นเดินต่อไป
ตามหาร่องรอยที่เหลืออยู่ตอนที่พวกเขาสลายไปในกาลเวลา…
เก็บความทรงจำความคิดถึงกันและไม่ลืมกันตามสัญญาในวัฏจักร
เพียงเพื่อได้คิดถึงกันได้รู้จักกันและ…ได้พบกัน
ภายในคืนมืดก่อนฝ่ามือกดลงมาทำลายล้างซางเซียงในตอนนั้น เขาก็รู้แล้วว่าหากไม่ยึดมั่น ชาติหน้าก็อาจจะไม่ได้พบกันอีก
เหมือนกับรออยู่กลางวิมานลอยฟ้าสิบล้านปีว่าเมื่อไรฟ้าจะเงียบเหงา กี่ครั้งที่ใจลอย กี่ครั้งที่อาลัยอาวรณ์ และโลกมนุษย์ นับจากนี้ไปจะไม่มีคำว่าหากชีวิตคนเราเหมือนดั่งแรกเริ่มอีก…