Ranker’s Return - ตอนที่ 21
หลังจากฮยอนนูออกจากพื้นที่การประมูลไปแล้ว เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นที่ด้านหนึ่งของพื้นที่การประมูล
“บ้าเอ๊ย! มันไปไหนแล้ว?”
เชนรอนผู้เป็นกิลด์มาสเตอร์แห่งสมาพันธ์กะโหลกดำนั้น ปกติแล้วเขาจะใช้พื้นที่การประมูลแห่งนี้เพื่อทำการค้าลับ ๆ กับสมาชิกที่มีระดับสูงกว่า ส่วนการค้าลับ ๆ ที่ว่านั้นก็ตัวอย่างเช่น ไอเทม A มีราคาจริงแค่ 3 โกลด์ ทว่าผู้เล่นระดับสูงจะเพิ่มราคาเป็น 1,000 โกลด์ แล้วเขาก็จะซื้อมันในนามของสมาพันธ์กะโหลกดำแลกกับผลประโยชน์ส่วนตนบางประการ
ครั้งนี้เองก็เช่นกัน จะมีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างออกไปคืออาวุธระดับยูนีคซึ่งเดิมทีถูกมอบเป็นค่าสินบนแก่เขาดันมีใครบางคนชิงตัดหน้าซื้อมันไป และนั่นทำให้ความโกรธของเชนรอนปะทุขึ้นมาจนถึงขีดสุด
‘เจ้าบ้านั่นมันเอาไปได้ยังไงกัน…’
“หาคนที่ซื้อไปมาให้ได้! เดี๋ยวนี้เลย!” เชนรอนลั่นวาจาด้วยความโกรธ เขาต้องการเป้าหมายเพื่อระบายความโกรธของเขา
***
ฮยอนนูตรวจดูข้อมูลตัวละครของเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกล่า ค่าสถานะของเขามีการพัฒนาขึ้นอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนไอเทม
“หน้าต่างข้อมูลตัวละคร!”
[หน้าต่างข้อมูลตัวละคร]
[ชื่อตัวละคร: คังฮยอนนู]
เลเวล: 32
อาชีพ: นักรบ
ฉายา: นักรบผู้ได้รับการยอมรับจากคาน
ค่าสเตตัส: พละกำลัง 65 (+153) ความว่องไว 70 (+43) พลังโจมตีทางกายภาพ 50 (+100) พลังโจมตีเวทมนตร์ 40 พลังงานการต่อสู้ 0 (+50)
แต้มสเตตัสคงเหลือ: 0
“เยี่ยม! ดีกว่าครั้งก่อนเยอะเลย”
ฮยอนนูรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เขาใช้เวลาเพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นในการมาถึงจุดนี้ ที่สำคัญเขายังมีไอเทมระดับยูนีคถึงสามชิ้นและในสามชิ้นนั้นเขาใช้เงินซื้อมาเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น
‘ฉันมีสกิลระดับยูนีคกับระดับแรร์อยู่ชนิดละหนึ่งอย่าง’
“นี่ฉันยังมีสกิลน้อยไปหรือเปล่านะ?”
คุณภาพของทักษะนั้นยอดเยี่ยมแต่กลับมีจำนวนน้อยเกินไป ตอนนี้พลังโจมตีเวทมนตร์ของเขายังต่ำอยู่ การใช้พลังเวทจึงเป็นเรื่องยากนอกเสียจากเขาจะมีทักษะที่ช่วยแก้ไขในเรื่องนี้
‘ฉันต้องการสกิลมากกว่านี้…’
“ใช่แล้ว! ฉันควรเคลียร์ภารกิจนั่นตอนนี้แหละ”
ฮยอนนูตัดสินใจเคลียร์ภารกิจที่ได้รับมาจากคาน ทักษะที่ได้รับจากเลบรอนผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นอัศวินที่ยอดเยี่ยมที่สุดของอาณาจักรจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
‘ม้วนกระดาษเดินทางกลับของระบบนี่มันราคาเท่าไหร่กันนะ?’
***
เมื่อมาถึงยุสมา ฮยอนนูก็มุ่งตรงไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ทันที ภายในคฤหาสน์แห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมของผู้คนมากหน้าหลายตา ส่วนหนึ่งเป็น NPC ที่ทำงานภายในคฤหาสน์ และอีกส่วนคือเหล่าผู้เล่นที่กำลังดำเนินภารกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์แห่งนี้
ฮยอนนูมุ่งหน้าไปยังทางเข้าของคฤหาสน์ด้วยท่าทีมั่นใจ ทว่า NPC ที่ดูแลทางเข้ากลับขวางฮยอนนูเอาไว้
“ฉันได้รับคำแนะนำมาจากคาน” ฮยอนนูเอาเหรียญทองออกมาให้ NPC ผู้ดูแลทางเข้าดู
หลังจาก NPC ผู้ดูแลทางเข้าดูมันใกล้ ๆ แล้ว เขาก็พูดกับฮยอนนูอย่างสุภาพว่า “หากคุณเข้าไปยังห้องโถงลานประลองที่อยู่ตรงนั้นแล้วละก็ คุณจะได้พบกับท่านดยุคครับ”
ฮยอนนูมุ่งหน้าไปยังจุดที่ NPC ผู้ดูแลทางเข้าชี้อย่างรวดเร็ว จังหวะที่ฮยอนนูออกไปแล้วนั้นเอง เหล่าผู้สังเกตการณ์ซึ่งซ่อนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ก็เริ่มทำหน้าที่ของตน
“พบบุคคลที่จะมาเจอกับท่านดยุคแล้ว”
“เจอผู้ต้องสงสัยว่ากำลังทำเนื้อเรื่องหลักอยู่ครับ”
“เจอใครบางคนที่ดูน่าสงสัยแล้ว”
พวกเขาสื่อสารสถานการณ์กันโดยใช้รหัสลับ เป้าหมายของพวกเขาต่างก็เหมือนกันคือส่งต่อข้อความว่ามีผู้เล่นคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเพื่อจะพบกับเลบรอน
***
ฮยอนนูจำเป็นต้องแสดงเหรียญทองอีกหลายครั้งในระหว่างที่มุ่งหน้าไปยังจุดหมาย เพราะทหารทุกนายที่พบกับฮยอนนูต่างก็ถามว่าเขาจะไปไหน พวกเขาต่างก็ทำหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน อย่างไรก็ตามสำหรับฮยอนนูแล้วนี่เป็นเรื่องน่ารำคาญอย่างยิ่ง เขาต้องหยุดแสดงเหรียญนี้อีกกี่ครั้งกัน?
“ฉันเป็นคนรู้จักของคน ๆ นั้น อะไรนะ? แสดงอะไรเหรอ?”
“กรุณาแสดงหลักฐานด้วยครับ ไม่เช่นนั้นแล้ว เราคงให้คุณเข้าไปไกลกว่านี้ไม่ได้”
เมื่อพวกเขารู้ว่าฮยอนนูกำลังจะเข้าไปพบเลบรอน พวกเขาต่างก็แอบตามฮยอนนูมาอย่างลับ ๆ แน่นอนว่าเหล่าทหารไม่ยอมให้พวกเขาผ่านเข้าไป
ในที่สุดฮยอนนูก็ผ่านเส้นทางแห่งความน่ารำคาญนั้นมาจนได้ ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้สูงมากและมีเส้นผมสีน้ำตาลกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงลานประลอง
ก่อนที่ฮยอนนูจะได้กล่าวอะไรออกมา เลบรอนก็ชิงเอ่ยปากเสียก่อน “เจ้าคือบุคคลผู้ได้รับการแนะนำมาจากคานสินะ?”
ฮยอนนูโค้งคำนับเลบรอนผู้ซึ่งไม่ได้มีความน่าเกรงขามน้อยไปกว่าแรคคูนเลย เขารู้สึกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคำนับ
“ใช่แล้ว ผมคังฮยอนนูครับ”
“ลักษณะของเจ้าดูเหมือนทหารราบนายหนึ่งอยู่นะ เลเวลของเจ้าคงจะดีพอสมควรเลยทีเดียวคานถึงได้แนะนำเจ้ามา”
“เปล่าหรอกครับ คานแค่ให้การประเมินผมว่าอยู่ในระดับดีเท่านั้น”
ในขณะที่ฮยอนนูกำลังพูดถ่อมตนอยู่นั้น เลบรอนก็ดึงดาบไม้เล่มหนึ่งออกมาจากชั้นวางที่ด้านข้างของห้องโถงลานประลองแห่งนี้ “เจ้าอยากจะลองดูหน่อยไหม?”
ฮยอนนูกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ ทว่าในตอนนั้นเองเลบรอนก็ชิงพูดต่อ “ข้าเคยให้คำมั่นไว้ว่าจะมอบสกิลอย่างหนึ่งแก่ผู้ที่นำเหรียญทองนั้นมาให้ข้า”
‘คำพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน? เขาจะให้ของที่ดีกว่านี้หากเขาชอบฉันงั้นเหรอ?’
ในตอนนั้นเองภารกิจของฮยอนนูก็ได้รับการอัพเกรด
[ภารกิจได้รับการอัพเกรดแล้ว]
[ระดับ: E > D+]
[รางวัลขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเลบรอน]
‘บ้าจริง! นี่ฉันต้องสู้ทุกครั้งที่ทำเควสเลยสินะ’
ฮยอนนูไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงตอบตกลงเท่านั้น “โอเคครับ! ผมจะลองดูก็แล้วกัน”
‘อย่างน้อย ๆ ก็คงจะพอมีค่าเหนื่อยให้บ้าง ถ้าเป็นสกิลระดับยูนีคก็คงจะดี…’
เนื่องจากคู่ต่อสู้ในครั้งนี้คือเลบรอนซึ่งมีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากแรคคูน ฮยอนนูถูกบีบบังคับให้ต้องต่อสู้อย่างเต็มที่ เขาจึงตัดสินใจรีดเร้นทุกอย่างที่ทำได้ออกมาจนหมด
“หากว่าคุณชอบผมละก็ ผมขอสองสกิลเลยได้ไหมครับ?”
คำถามของฮยอนนูถือว่าเป็นการร้องขอที่หยาบคายอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม เลบรอนมีจิตวิญญาณที่นักรบคนหนึ่งพึงจะมี นอกจากนี้เขายังค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นเลบรอนจึงตอบรับคำขอของฮยอนนู “ย่อมได้! ดูจากท่าทีของเจ้า เจ้าคงจะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว หากข้าพึงพอใจในความสามารถของเจ้าแล้วละก็ จะให้สองหรือสามสกิลเลยก็ยังได้”
‘เยี่ยม! ทีนี้ที่ฉันต้องทำก็แค่ลุยให้มันเต็มที่ไปเลย’
จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของฮยอนนู เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่เคยดูวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเลบรอนมาก่อนเลย
‘ถ้าฉันบันทึกมันไว้ละก็…ยองซานต้องชอบมันแน่นอน’
“ถ้างั้นก็เข้ามาโจมตีข้าได้เลย ข้าจะทำตัวเหมือนท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ควรจะประมาทนะ เพราะข้าจะใช้เวทเสริมพลังให้กับตัวเอง เจ้าอาจจะได้รับบาดเจ็บได้ หรือแม้แต่อาจจะถึงขั้นทำให้เจ้าตายเลยก็ได้”
ฮยอนนูไม่สนใจคำพูดของเลบรอนเลยแม้แต่น้อย เขาค่อย ๆ ถอยห่างอย่างระมัดระวัง เลบรอนเองก็ค่อย ๆ ยื่นดาบไม้ของเขาออกไปเมื่อรู้ว่าฮยอนนูถอยห่างออกไปแล้ว เมื่อฮยอนนูเห็นการตั้งท่าของเลบรอน เขาก็ตั้งท่าโดยการนำดาบยาวปลายมนของตนขึ้นมาพาดอยู่บนบ่าซึ่งเป็นท่าเฉพาะของตัวเองด้วยเช่นกัน
“โอ้โห? เป็นท่าที่ดูมีเอกลักษณ์ดีนี่ ข้าจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นใครตั้งท่าที่ทั้งดูหยิ่งทะนงและจริงจังแบบนี้มาก่อน”
ฮยอนนูโต้ตอบความเห็นของเลบรอนกลับไปว่า “เพราะว่าผมไม่เหมือนกับคนอื่นยังไงละครับ จากนี้ไปจะแสดงให้คุณเห็นเอง”
ฮยอนนูอัญเชิญทังอีออกมาและให้มันร่ายบัฟเสริมพลังให้เขา คนตรงหน้าของเขาไม่ใช่คนที่สมควรจะต่อสู้ยืดเยื้อด้วย วิธีที่ดีที่สุดคือการสำแดงพลังทุกอย่างที่เขาทำได้ออกมาและต่อสู้อย่างเต็มที่โดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด
เลบรอนยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้า “ถ้างั้นเข้ามาได้เลย”
ตุบตับ! ตุบตับ!
ตอนนี้หัวใจของเขากำลังสูบฉีดอย่างแรง บัฟของทังอีและพลังแห่งยักษาต่างก็มีระยะเวลาเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น มันเหมือนกับว่าเขากำลังโด๊ปยาอยู่ ฮยอนนูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไปหลายครั้ง พลังพวกนี้ล้วนแล้วแต่จำเป็นสำหรับการประลองกับเลบรอน
[สถานะ ‘พลังงานการต่อสู้’ ทำให้ค่าสถานะของคุณเพิ่มขึ้น]
[ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าคุณ]
[ค่าสถานะจะได้รับการเพิ่มขึ้นอีก]
‘ลุยกันเลย!’
ในตอนนั้นเองดาบยาวปลายมนที่พาดอยู่บนไหล่ของฮยอนนูก็ถูกเหวี่ยงออกไป มันเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายฟ้าฟาดไปยังไหล่ของเลบรอน ทุกครั้งที่ดาบยาวปลายมนเหวี่ยงผ่านไป เสียงเสียดสีของอากาศก็ดังออกมา มันเหมือนกับเสียงขู่ฟ่อของอสรพิษไม่มีผิด ทว่าเสียงนั้นก็คงอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น
ดาบไม้ของเลบรอนเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถปัดดาบของฮยอนนูได้อย่างง่ายดาย
‘จะให้ปล่อยเขาทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด’
ฮยอนนูเพิ่มพลังเวทเข้าไปในดาบยาวปลายมน เขาตั้งใจจะกำราบเลบรอนด้วยแรงอัดของตน ทว่าทางเลบรอนเองก็ใส่พลังเวทเข้าไปในดาบของตนด้วยเช่นกัน ฮยอนนูจึงโดนเหวี่ยงกระเด็นออกไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย
‘กะแล้วเชียว ใช้แรงอัดอย่างเดียวคงไม่พอสินะ?’
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้วิธีพัวพันระยะประชิด ฮยอนนูคิดได้ว่าดาบไม้นั้นสั้นกว่าดาบยาวปลายมนที่เขาถืออยู่ ฮยอนนูพุ่งเข้าประชิดตัวเลบรอนด้วยทักษะพุ่งโจมตี ดาบของเขาตวัดไปยังด้านข้างของเลบรอนอย่างรวดเร็ว
“หืม?”
‘ขนาดอัศวินที่มีความสามารถยังเข้าประชิดตัวข้าไม่ได้แบบนี้เลย’
เลบรอนรู้สึกประทับใจกับการโจมตีของฮยอนนูอย่างมาก เขาให้คะแนนการโจมตีนี้ 80 แต้มจาก 100 หากวัดตามมาตรฐานของเลบรอนแล้วละก็ 80 แต้มถือว่าเป็นคะแนนที่สูงมาก ที่ผ่านมาเลบรอนเคยให้คะแนนกับนักผจญภัยสูงสุดเพียงแค่ 50 แต้มเท่านั้น
‘ชายหนุ่มผู้นี้ ไม่ได้มีดีแต่ท่าจริง ๆ’
ความสามารถทางด้านการต่อสู้ของฮยอนนูนั้นช่างร้ายกาจ ทำให้เลบรอนต้องจริงจังกับการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มตรงหน้าของเขานี้ไม่เหมือนกับพวกไม่ได้เรื่องที่เลบรอนเคยสู้มาก่อนเลย “ข้าชักจะถูกใจเจ้าขึ้นมาแล้วสิ”
แรงอัดอันรุนแรงถูกปล่อยออกมาจากเลบรอน และในตอนนั้นเองเลบรอนก็ได้แสดงให้ฮยอนนูได้เห็นถึงความคู่ควรของเขากับฉายาอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักร
ฮยอนนูเองก็เตรียมพร้อมรับมือมาแล้วเช่นกัน เขาคิดมาแล้วว่าจะทำอย่างไรให้การโจมตีครั้งต่อ ๆ ไปประสานกับการโจมตีด้วยดาบยาวปลายมนที่ฟันไปครั้งก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม อัศวินที่เก่งกาจที่สุดกลับเป็นฝ่ายชิงโจมตีก่อน การโจมตีครั้งต่อ ๆ มาของฮยอนนูเลยโดนปัดทิ้งไปทั้งหมด
หลังจากนั้นฮยอนนูก็โจมตีไม่โดนอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว แรงกดดันของเลบรอนนั้นมีมากเกินไป มันเหมือนกับแรงกดดันของปีศาจที่ขวางกั้นการเคลื่อนไหวของเขา ฮยอนนูบุกไปด้านหน้าอีกครั้ง และอีกครั้ง เขาฟันดาบไปมาพร้อมกับใช้ทั้งกำปั้นและลูกเตะช่วยโจมตีด้วย
ฮยอนนูใช้ทุกอย่างที่เขามี อย่างไรก็ตามการป้องกันของเลบรอนนั้นไม่ต่างอะไรจากปราการเหล็กกล้า การต่อสู้ในครั้งนี้ดูราวกับหนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์เลยทีเดียว
ฮยอนนูดูเวลาที่เหลืออยู่ของบัฟ เหลือเวลาอยู่ไม่ถึงหนึ่งนาทีแล้ว
‘ฉันทำไม่ได้แแน่’
“ย้าก!!!” ฮยอนนูตะโกนลั่น เขาเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 30 วินาทีเท่านั้น หากเขาไม่ทำอะไรซักอย่าง เขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงแน่
เลบรอนแย้มยิ้มเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นท่าทีเช่นนี้ของฮยอนนู เขาอ่านความตั้งใจของชายหนุ่มตรงหน้าออก
‘นี่ถือเป็นครั้งสุดท้าย จะไม่มีการถอยอีกแล้ว’
คน ๆ นี้แสดงออกถึงความต้องการในการฆ่าอย่างชัดเจน มันเป็นความแน่วแน่ที่จะเอาชนะเลบรอนให้ได้ในการเผชิญหน้ากันครั้งนี้
‘มาเลย! ฉันจะรับมันเอง ลองดูกันซักตั้ง!’
เลบรอนลดดาบของตัวเองลงสู่พื้น แรงกดดันที่เคยกดทับฮยอนนูไว้ก่อนหน้านี้หายไปแล้ว เขากำลังส่งสารถึงฮยอนนู ‘ลองเข้ามาให้ข้าได้ลิ้มรสซักครั้ง!’