Ranker’s Return - ตอนที่ 23
ฮยอนนูออกจากพื้นที่การประมูลเพราะได้รับข้อความจากยองซาน ในข้อความระบุว่าผู้เล่นอาชีพนักบวชที่ฮยอนนูต้องการจะไปรอเขาอยู่ที่ด้านหน้าน้ำพุตรงกลางของจัตุรัสหลักในเขตยุสมา เมื่อเห็นเช่นนั้นฮยอนนูจึงรีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมายทันที
ไม่นานหลังจากนั้นนักฮยอนนูก็มาถึงจัตุรัสหลัก เมื่อเห็นยองซานอยู่ในสายตาแล้วเขาก็เร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามฝีเท้าของเขากลับช้าลงเมื่อเห็นสาวน้อยคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ ของยองซาน ใบหน้าของเธอช่างคุ้นเคยนัก
“…!”
“มาแล้วสินะ?”
“ใช่ ฉันมาถึงแล้ว”
ฮยอนนูทักทายยองซานด้วยการโอบกอด เขากระซิบกับยองซานเพื่อไม่ให้หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยิน “นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงพาเธอมานี่กัน? หัวของนายมันมีแต่ขี้เลื่อยรึยังไง?”
ทางยองซานเองก็ไม่ได้อ่อนด้อยเรื่องการโต้เถียง “จะมีเหตุผลอะไรที่ฉันพาเธอมาอีกกันล่ะ? เป็นนายไม่ใช่เหรอที่บอกฉันว่าให้หานักบวชคนหนึ่งมาให้น่ะ? เธอถือว่าเป็นหนึ่งในสามนักบวชฝีมือดีที่ฉันรู้จักเลยนะ ไม่ใช่แค่การกะจังหวะบัฟของเธอจะดีเพียงอย่างเดียวนะ จังหวะการป้องกันของเธอก็สุดยอดด้วยเช่นกัน”
ยองซานและฮยอนนูต่างก็ถอยห่างออกจากกันเมื่อกระซิบกระซาบโต้เถียงกันเสร็จสิ้น สีหน้าของฮยอนนูเต็มไปด้วยความมืดมน ผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้คือยองซาน ยองซานแนะนำสาวน้อยที่เขาพามาด้วยโดยไม่สนใจเลยว่าใบหน้าของฮยอนนูในตอนนี้เหมือนกับเพิ่งเจออะไรหนักหน่วงมา “เอาล่ะ! ทั้งสองคนต่างก็รู้จักกันอยู่แล้ว แต่จะแนะนำตัวแบบเป็นทางการให้ก็แล้วกันนะ นี่เป็นน้องสาวของฉันเอง ชื่อว่ายูริ”
“สวัสดีค่ะพี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“อื้อ! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะยูริ”
ยูริทำให้ฮยอนนูรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก เหตุผลนั้นไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นเพศตรงข้าม หากแต่เธอเป็นน้องสาวของยองซานนั่นเอง น้องสาวเพื่อนสนิทของเขา มันจัดได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่น่ากระอักกระอ่วนใจเสียจริง
“จะว่าไปแล้วทำไมนายถึงอยากให้ฉันแนะนำผู้เล่นนักบวชให้กันล่ะ?”
“ฉันก็แค่อยากจะรู้จักเอาไว้ก่อน เผื่อในอนาคตฉันจำเป็นต้องให้ใครซักคนช่วยเวลาล่าน่ะ”
ฮยอนนูไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่ายองซานจะแนะนำยูริ ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนแผนการแบบกะทันหันโดยทันที
“งั้นเหรอ? เอาล่ะ! พอดีฉันกำลังยุ่ง ๆ อยู่ ขอตัวก่อนนะเพื่อน” ยองซานจากไปพร้อมกับคำพูดนี้ หลังจากยองซานหายตัวไปแล้ว บรรยากาศระหว่างฮยอนนูกับยูริก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเคอะเขิน จนกระทั่งเสียงของยูริได้ทำลายความเคอะเขินนั้นออกไป
“พี่เป็นยังไงบ้างคะ?”
“พี่สบายดี แล้วเราล่ะยูริยังต้องไปเรียนที่โรงเรียนอยู่หรือเปล่า?”
ทั้งสองเริ่มต้นด้วยการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน จากนั้นบทสนทนาก็ดำเนินต่อไปได้อย่างลื่นไหล บทสนทนาระหว่างทั้งสองคนนั้นดำเนินต่อไปราว ๆ 30 นาทีจึงได้สิ้นสุดลงเพราะยูริต้องไปทำงานพาร์ทไทม์
“พี่คะ เอาไว้เราค่อยคุยกันต่อคราวหน้านะคะ”
“อื้ม! ไว้พี่จะมาหาเธอใหม่คราวหน้านะ”
“ที่หมอนั่นแนะนำน้องสาวตัวเองให้เพราะอยากจะแกล้งฉันรึเปล่าเนี่ย?’ ฮยอนนูลับดาบของเขาเพื่อยองซานโดยเฉพาะ “เดี๋ยวนายจะได้รู้เอง เจ้าควอนยองซานเอ๋ย”
ยองซานผู้กำลังกินไก่อย่างเอร็ดอร่อยอยู่คนเดียวนั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกแล่นผ่านแผ่นหลังของตนไป “โอ้! นี่ฉันเปิดแอร์แรงไปหรือเปล่านะ?”
***
เมื่อเขาบอกลากับยูริแล้ว ฮยอนนูก็นั่งยอง ๆ ลงที่อีกด้านหนึ่งของจัตุรัส เขาถือขวดน้ำเล็ก ๆ ขวดหนึ่งไว้ในมือ
“จะจัดการพวกมันยังไงดีนะ? เท่าที่ดู ฉันจะต้องเตรียมพร้อมรับมือให้ดี ๆ”
ฮยอนนูค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับการรับมือพวกสมาพันธ์กะโหลกดำ เขาคิดว่าควรจะจัดการความวุ่นวายที่กองอยู่ด้านหลังก่อนถึงจะสามารถดำเนินภารกิจเนื้อเรื่องหลักต่อไปได้ แม้สมาพันธ์กะโหลกดำจะยังไม่รู้จักเขาในตอนนี้ก็ตาม ทว่าชั้นโปร่งแสงบาง ๆ ที่ปกปิดความลับของเขาเอาไว้นั้นช่างบอบบางราวกับฟองอากาศ และมันสามารถแตกออกได้ทุกเมื่อ
‘มันค่อนข้างยุ่งยากหากต้องจัดการอะไรพร้อม ๆ กัน’
เรื่องนี้หากเขาจัดการได้ไม่ดีพอละก็ มันอาจจะนำไปสู่สถานการ์อันเลวร้ายได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสมาพันธ์กะโหลกดำนั้นไม่ซับซ้อนทว่าค่อนข้างล่อแหลม ในอดีต ฮยอนนูไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เลยสักครั้ง เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่เล่นเกมด้วยความสนุกเท่านั้น เขาชอบที่จะเล่นเกมอารีน่าแบบสบาย ๆ และไม่ได้คิดจะเล่นถึงขนาดเอาเป็นเอาตายแบบเดียวกับผู้เล่นคนอื่น ๆ
ก็นะ ตัวเขาในตอนนั้นออกจะมีชีวิตสุขสบายไม่ขัดสน ไม่ได้มีเรื่องราวมากมายให้ต้องกังวล อย่างไรก็ตามทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะว่ามันเต็มไปด้วยสารพิษ แถมยังเป็นพิษที่ออกฤทธิ์ร้ายแรงเสียด้วย
“ฉันควรไปท้าสู้พวกมันโดยเดิมพันด้วยการลบตัวละครดีไหมนะ?”
ฮยอนนูส่ายหัว ความคิดนี้ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่เป็นเพราะมันเสียเวลาเกินไปก็เท่านั้น เขาคงต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งในการหาตัวพวกมัน แถมยังต้องเสียเวลาหลอกล่อให้ยอมรับการเดิมพันลบตัวละครอีก เขาสามารถเอาเวลาเหล่านั้นไปทำอะไรได้อีกตั้งเยอะแยะ ทั้งทำภารกิจ อัพเลเวล ถ่ายวิดีโอ หรือแม้แต่จ่ายหนี้ก็ยังได้
ฮยอนนูได้ข้อสรุปแล้วหลังจากที่ลังเลอยู่นาน “เอาล่ะ! ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะเลือกโจมตีแค่พวกที่มีตำแหน่งสูง ๆ ก็แล้วกัน ดูซิว่าพวกมันจะยังกล้ามาหาเรื่องฉันไหมหลังจากที่สมาชิกระดับท็อปของพวกมันพ่ายแพ้”
ฮยอนนูวาดภาพแบบกว้าง ๆ อีกครั้ง มันเป็นภาพของคลื่นยักษ์ที่กำลังกวาดล้างสมาพันธ์กะโหลกดำไปจนสิ้น
***
การที่ผู้เล่นทั่ว ๆ ไปถูกกิลด์ใหญ่ ๆ กดขี่ข่มเหงในเกมอารีน่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งจะเริ่มมีกระทู้นับไม่ถ้วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นทุกวัน และมันก็มักจะหายไปในกระดานสนทนาของชุมชน บางโพสต์ก็ดังบางโพสต์ก็ไม่ดัง โดยส่วนมากแล้วพวกกิลด์ใหญ่ ๆ มักจะไม่ค่อยให้ความสนใจอะไรกับเรื่องแบบนี้นัก
อย่างไรก็ตามหากมันกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจแล้ว พวกเขาจะรีบลงมือจัดการในทันที และนั่นเป็นสิ่งที่ฮยอนนูต้องการ เขาต้องการใช้ความสนใจจากชุมชนในการลากสมาพันธ์กะโหลกดำออกมา
“เอ่อ! แบบนี้จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฮยอนนูกลับไปแต่งตัวด้วยแฟชั่นสัญญาณไฟจราจรอีกครั้ง เขาสวมหน้ากากที่ดูคล้ายกับใบหน้าของเด็กน้อยไร้เดียงสาเพื่อไม่ให้ใบหน้าที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผยออกมา ตอนนี้แฟชั่นสัญญาณไฟจราจรได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของฮยอนนูไปแล้ว มันแทบจะเป็นสิ่งที่โด่งดังที่สุดของตัวเขาเลยด้วยซ้ำไป
ฮยอนนูพูดด้วยน้ำเสียงโอ่อ่าและจริงจังว่า “เหตุผลที่ผมถ่ายทำวิดีโอนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าผมได้รับอีเมลมากมายหลายฉบับ พวกเขาต่างก็ขอบคุณผม คำขอบคุณเหล่านั้นส่วนใหญ่มาจากผู้เล่นที่ยังมีเลเวลน้อย ทำไมน่ะหรือ? ทำไมพวกเขาต้องขอบคุณผมกัน? เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว”
ฮยอนนูชูกำปั้นขึ้นในขณะที่พูด
“เพราะการถือเอกสิทธิ์ในเขตพื้นที่ล่า! เพราะการกดขี่ข่มเหง! และเพราะพวกมัน! สมาชิกจากสมาพันธ์กะโหลกดำที่กล้ามาขัดขวางเส้นทางของผม! ผมจึงได้ต่อสู้กับพวกมันโดยใช้การลบตัวละครเป็นเดิมพันยังไงละ!”
“ดังนั้นผมขอประกาศกร้าวไว้ตรงนี้เลยว่า ผมจะทำให้สมาชิกทั้งหมดของสมาพันธ์กะโหลกดำต้องลบตัวละครทิ้ง”
ฮยอนนูบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับสมาพันธ์กะโหลกดำที่เขาได้มาจากยองซาน
“จากที่ผมทราบมา หากรวมผู้นำกิลด์ด้วยแล้วพวกมันมีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 15 คน ผมทำให้พวกมันสองคนต้องลบตัวละครทิ้งไปแล้ว ตอนนี้เหลืออีกแค่ 13 คนเท่านั้น!”
“ผมขอส่งคำท้าไปยังสมาชิกสมาพันธ์กะโหลกดำทุกคน แน่จริงก็มาต่อสู้เดิมพันลบตัวละครกับผม! จะใช้โหมดกัปตันหรือโหมดไหนก็ได้ทั้งนั้น”
ฮยอนนูดึงดาบยาวปลายมนของเขาออกมาและพูดต่ออีกว่า
“มาลองกันดูซักตั้ง”
คลิปวิดีโอของเขากลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที แม้ว่าตอนนี้มันจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรในมุมมองของสมาพันธ์กะโหลกดำ ชื่อกิลด์อาจจะต้องมีมลทินไปบ้าง แต่มันก็ยังไม่คุ้มค่าพอที่จะไปต่อสู้เดิมพันลบตัวละครตามคำยั่วยุ อย่างไรก็ตามการยั่วยุนี้จะไม่ได้ผลเลยหากไม่มีดาบยาวปลายมนของคนแคระที่ฮยอนนูชักออกมาในตอนท้ายรวมอยู่ในวิดีโอนั้นด้วย
***
ฮยอนนูยืดมือทั้งสองข้างของเขาออกไป ถึงจะเป็นแค่เกมแต่ฮยอนนูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอาย เขาจะไม่มีวันทำอะไรแบบนี้เลยหากว่ามันไม่จำเป็นจริง ๆ
“โธ่! ทั้งมือทั้งเท้าของฉันยังงอไปงอมาแบบเก้ ๆ กัง ๆ อยู่เลย”
“เจ้าบ้าเอ้ย! ก็แค่การแสดงง่าย ๆ เท่านั้น อย่าไปจริงจังกับมันนักเลย” ยองซานรู้สึกอัศจรรย์ใจกับวิดีโอของฮยอนนูเป็นอย่างมาก ทั้งคำพูดและท่าทางของฮยอนนูสามารถดึงดูดผู้คนได้เป็นอย่างดี แม้จะมองไม่เห็นสีหน้า ทว่าน้ำเสียงของเขาสามารถปลุกเร้าได้ดีเลยทีเดียว “ถ้าฉันส่งมันไปตอนนี้ อย่างช้าก็น่าจะได้อัพโหลดในคืนนี้ นายต้องไปเซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้ด้วยใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว! ที่โรงแรมตอนบ่ายโมง”
ยองซานรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อย ๆ คำแนะนำของเขาในตอนนั้นก็ไม่ได้ย้อนกลับมาทำร้ายเพื่อนรักของเขา ในตอนนั้นเองฮยอนนูก็พึมพำขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ขอบใจนะยองซาน”
ยองซานแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ฮยอนนูพูด “อะไรนะ? พึมพำอะไรของนายคนเดียวกัน? มาเร็ว! รีบมากินข้าว”